ไม่เพียงแต่ธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าที่ส.สบัญชีรายชื่อหมายเลขหนึ่งของพรรค "ส้มหวาน" ต้องลุ้นระทึกว่า แม้จะได้รับเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา จะมีโอกาสเข้าสู่สภาผ้แทนราษฎรอันทรงเกียรติได้หรือไม่ เพราะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังถูกตรวจสอบจากสื่อและกกต.ว่าด้วยการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย บริษัทที่ทำธุรกิจสื่ออันขัดต่อคุณสมบัติการสมัครส.ส.ตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 และขัดต่อคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 42 (3)
หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการกกต.ที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา กุมบังเหียน "มะงุมมะงาหรา" ตรวจสอบอยู่นานสองนานก็เรื่มขมีขมันหลังจากที่ 7 กกต.ใหญ่ "ไขลาน" เพราะเหตุการตรวจสอบเรื่องนี้ "ไม่ยาก" แค่พิสูจน์ว่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมัครส.ส. ยังถือครองหุ้นสื่ออยู่หรือไม่ โดยต้องดูเอกสารทางราชการเป็นหลักไม่ใช่คำปฏิเสธของผู้มีส่วนได้เสียอย่างธนาธร กำหนดการให้สำนักงานเลขาธิการ กกต. เร่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จจึงถูกกระตุ้นและต้องนำเสนอ 7 กกต.ใหญ่พิจารณา หากเห็นว่าคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายก็ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสิน หากเห็นว่าไม่ขัดก็ยุติเรื่องและให้ธนาธร เป็นส.ส.อย่างถูกต้อง
เรื่องของธนาธร จ่อเข้าสู่กระบวนการวินิฉัย ก็มีเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. 32 คนที่ถือครองหุ้นสื่อเข้ามาให้พิจารณาด้วยการยื่นเรื่องของ "ผู้กองปูเค็ม" ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ว่าทั่ง 32 คนนี้ถือหุ้นบริษัททำสื่อ อันขัดต่อคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย จะด้วยความบังเอิญหนือความตั้งใจต้องไปถามผู้กองปูเค็ม เพราะ รายชื่อ 32 คนที่ถูกยื่นให้กกต.ตรวจสอบนี้เป็นฟากฝั่ง "เครือข่ายทักษิณ" ทั้งสิ้น
มีจากพรรคเพื่อไทย 10 คน อนาคตใหม่ 7 คน เสรีรวมไทย 6 คน เพื่อชาติ 5 คน ปวงชนชาวไทย 2 คน และประชาชาติ 2 คน นั่นหมายความว่าผู้สมัครส.สเหล่านั้นหากได้รับเลือกตั้งและคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายก็จะทำให้คะแนนเสียงที่จะตั้งรัฐบาลฝั่งเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนแปลง "ลดลง" ไปโดยปริยาย เพราะหากกดต.และศาลตัดสินว่าคุณสมบัติขัดจริงก็หมดสิทธิ์เข้าสภาไปยกมือหนุนฝั่งเครือข่าย "ทักษิณ"
ไม่ว่าจะมองว่านี่เป็นเกมลดทอนเสียงฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แต่ต้องมองว่าเป็น "ข้อเท็จจริง" เพราะคุณสมบัติที่เขายื่นให้ตรวจสอบทั้งของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 32 ผู้สมัคร เป็นคุณสมบัติที่ต้องพิสูจน์ว่าขัดกฎหมายหรือไม่ ความจริงแล้วเจ้าตัวทั้งธนาธรและ 32 ผู้สมัครย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติขัดไหม อยู่ที่จริยธรรมของตัวคนว่าจะ "ยอมรับ" หรือ "จนมุม" ทางกฎหมาย จึงมีบทลงโทษตามกฎหมายต่อผู้ที่รอให้ "จนมุม" ตามมาตรา 151 ของพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. ว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิ์สมัคร ส.ส. แล้วมาลงสมัคร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ที่จะมาเป็นส.ส.จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ศึกษาคุณสมบัติในอาชีพที่ตัวเอง "อยากเป็น" ย่อมอ้างไม่ได้ แบบเรียนกฎหมายเบื้องต้นก็สอนทุกคนว่า "การไม่รู้กฎหมายมิใช่ข้ออ้างให้ตัวเองพ้นผิดในการก่ออาชญากรรม"
ดังนั้นนอกจากทั้ง 32 คน และธนาธร จะต้องลุ้นระทึกว่าจะมีสิทธิ์ก้าวเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติหรือไม่แล้ว ยังต้องลุ้นว่าการแจ้งคุณสมบัติอันเป็นเท็จต่อการสมัครส.ส.นั้น จะต้องเข้า "คุก" ด้วยหรือไม่ แต่ก่อนอื่นกกต.ซึ่งเป็นองค์กรเบื้องต้นที่จะอำนวยความยุติธรรมให้กระจ่างในเรื่องนี้ ต้องเร่งพิจารณาและนำเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนนูญ "อย่าล่าช้า" เพราะตามปรัชญาการอำนวยความยุติธรรมมีประโยคอมตะที่ว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม" ที่ตัวเองต้องพึงตระหนักเช่นกัน
PTW นี่ ล่ะ ไพร่ หมื่นล้าน ลืม ว่ามี หุ้นอะไรบ้าง
22 เม.ย. 2562 เวลา 05.04 น.
A P เค้ามีกฏห้ามพกอาวุธเข้าไป แต่มันพกเข้าไป แบบนี้โดนแกล้งใช่มั้ย
22 เม.ย. 2562 เวลา 04.51 น.
TEERAYUT MC. รู้ว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้ ว่าคนอื่นเขาไม่โง่พอที่จะไม่รู้ถึงการกระทำความผิดของตน สรุป รู้ว่าตัวเองปกปิดความผิด แต่ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรู้
22 เม.ย. 2562 เวลา 04.31 น.
Antzaa9999 คนคิดเลว เบื้องบนท่านเห็นค่ะ
22 เม.ย. 2562 เวลา 03.56 น.
Fon ตี๋จะโทษใครละที่นี้. โดนใครเขาใส่ร้ายเอาอีก
ไอพระเอก นินจา ฮาโตริ
นี้ละ คิดว่าตัวเองฉลาดเกินชาวบ้าน ประมาทไม่ตรวจสอบตัวเองว่า โอน ขาย หมด ทำให้สะอาดก่อนเล่นไม่ได้
คงต้องโทษดาวละ. โดนน็อคคาเวที
22 เม.ย. 2562 เวลา 02.29 น.
ดูทั้งหมด