วันที่ 20 ก.พ.2563 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าจีนเผยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ปะปนใน Aerosol หรือพวกอากาศที่มีละอองน้ำ หรือแม้กระทั่งเชื้อสามารถเกาะในฝุ่นได้ ว่า เป็นไปได้ โดยเฉพาะในการให้การพยาบาลในโรงพยาบาลในห้องไอซียู มีการดูดเสมหะ และเกิดฝอยขนาดเล็ก และเป็นที่มาว่าแพทย์และพยาบาลต้องใช้หน้ากากเอ็น 95 ในสถานการณ์ปกติ มีความเป็นไปได้อยู่แล้วในแง่ของ หากเสมหะ น้ำลายตกอยู่ที่พื้นผิวและเมื่อผ่านเวลาไปก็จะแห้งกลายเป็นฝุ่นละออง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะแพร่กระจาย หรือติดต่อทางอากาศได้โดยตรง เพราะการติดต่อของโควิด-19 คือ ผ่านการไอ จาม ละอองเสมหะ การพูดคุย หรือการสัมผัสเชื้อที่อยู่บนผื้นพิวสิ่งของต่างๆ
หมอห่วงโรคโควิด-19 แสดงอาการน้อย อาจเกิดการแพร่กระจายเชื้อง่าย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า การแพร่กระจายเชื้อ ณ ขณะนี้ข้อมูลคือ แพร่ผ่านทางละอองเสมหะ ไอ การพูดระยะทาง 2 เมตร ส่วนการจามจะไกลกว่าประมาณ 5 เมตร ขณะที่เชื้อจะอยู่กับพื้นผิววัสดุสิ่งของต่างๆ จะอยู่ได้นานถึง 9 วัน ดังนั้น จึงต้องมีการแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย หรือพกเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ส่วนผ้าเปียกที่มักใช้กันก็ต้องดูว่ามีแอลกอฮอล์ 70% หรือไม่ หากไม่มีก็จะป้องกันได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องห่วงและเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงคือ สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา ยังต้องเฝ้าระวังและควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนจากนี้ หากควบคุมได้ตัวเลขผู้ป่วยก็จะไม่เพิ่มจนน่าตกใจ แต่หากคุมไม่ได้ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นกว่านี้อย่างมากแน่นอน ทั้งนี้ ที่กำหนดไว้ 2 เดือนเนื่องจากโรคนี้ยังมีปัญหาเรื่องการแสดงอาการ อย่างคนมา 100 คน จะพบว่าแสดงอาการเพียง 10% ส่วนอีก 90% อาการน้อยมาก เราจะไม่ทราบจำนวนคนที่ติดเชื้อจริง เพราะไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อ และคนที่ติดเชื้อจะค่อยๆแพร่ไปสู่คนข้างๆ ซึ่งจากข้อมูลจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะรายงานของวารสารโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา เผยว่า โควิด-19 ค่อนข้างติดเก่ง แพร่เก่ง และแพร่ตั้งแต่ อยู่ในระยะฟักตัวไม่แสดงอาการด้วยซ้ำ นอกจากนั้นจากสถานการณ์ที่ผ่านมาจากกรมควบคุมโรคโดยรองอธิบดีนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ คาดว่าการแพร่กระจาย และการติดของโรคจะเก่งมากกว่าไข้หวัดใหญ่ 2-3 เท่า โดยการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นสองเท่าจะอยู่ที่ประมาณ4 วัน ดังนั้น หากมี 2 คนติดเชื้อ อีก 4 วัน จะเพิ่มอัตราการติดเชื้อคูณ 2 ได้
ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้น เรามีเวลาอีก 2 เดือน ที่จะเห็นสถานการณ์จริงโดยเตรียมพร้อม เตรียมแผนเคลื่อนคนป่วยธรรมดาไปไว้ที่อื่น ถ้าสถานการณ์รุนแรง เตรียมหมอและพยาบาล ดูคนไข้ติดเชื้อ และอุปกรณ์ เตรียมเตียงไอซียู เครื่องช่วยหายใจ ต้องมีวิธีการให้พื้นที่สาธารณะและรถประจำทางทั่วประเทศไทยมีวิธีกำจัดเชื้อโดยเร็วที่สุด ถ้าทำสำเร็จใน 2 เดือนนี้เราจะไม่เห็นภาพที่น่ากลัว
“เห็นได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ คือ ทั้งรัฐและประชาชน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน อย่างเมื่อวานนี้(19 ก.พ.) มีการประชุมเตรียมพร้อมของโรงพยาบาลทั่วประเทศ แต่ที่ยังกังวล คือ ณ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ยังไม่มีการประกาศให้โรคไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ทั้งที่ควรประกาศได้แล้ว เพราะหากจัดเป็นโรคติดต่ออันตรายจะสามารถควบคุมได้มากขึ้น อย่างการส่งตรวจเชื้อก็ต้องรายงาน หากเริ่มป่วยเข้าข่ายสงสัยผู้ประกอบการต้องให้หยุดทำงาน ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด เพราะเป็นกฎหมายชัดเจนในการควบคุมโรค แต่ทุกวันนี้จะเป็นการขอความร่วมมือ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
พบคนไทยไม่นิยมสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วย - จามครั้งเดียวเชื้อกระจายไกล 3 ฟุต !!!
จากสงครามโลก เข้าสู่สงครามโรค
20 ก.พ. 2563 เวลา 05.44 น.
Kwan ปั่นราคาหน้ากากอนามัย หาซื้อยากแล้วแพงด้วย
20 ก.พ. 2563 เวลา 06.06 น.
จุฬามันจะสู้ศิริราชได้หรือึนละชั้น
20 ก.พ. 2563 เวลา 06.48 น.
yuttana9999 เดี๋ยวสงกรานเค้าก็แห่มาเที่ยวกรุงเทพกัน คนจีนอ่ะ
20 ก.พ. 2563 เวลา 05.51 น.
Phornsupat น่าห่วงมากๆครับ..เป็นแล้วตายแน่ๆ 3% ของคนทีติด..
20 ก.พ. 2563 เวลา 05.37 น.
ดูทั้งหมด