ความเชื่อบางอย่างก็ฝังอยู่ในใจคนไทยส่วนใหญ่เป็นเวลานาน และเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าการโดนมอมยาด้วยวิธีการใช้ “ยาป้าย และ การถูกรมยาผ่านหน้ากากแอร์” มีจริงหรือไม่ เพราะยังมีคนส่วนใหญ่เชื่อว่ายาป้ายมีจริงๆ แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันความจริงในเรื่องนี้แล้วก็ตาม
ที่มา: focus, lokalkompass, abe.iastate, popsci
การถูกมอมยาด้วย “ยาป้าย” มีจริงหรือไม่ ?
source: www.netdoctor.co.uk
หัวหน้าตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติดอร์ทมุนด์ นาย Wolfgang Schmitz ได้กล่าวถึงตัวยาชนิดหนึ่งที่ผู้ร้ายใช้ก่อเหตุ ทำให้เหยื่อไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ โดยเหยื่อพูดต่อๆ กันว่าคนร้ายใช้วิธีการให้พวกเขาสูดดมยาชนิดนี้หรือนำยาชนิดนี้มาสัมผัสผิวหนัง ทำให้พวกเขารู้สึกมึนหัว หายใจไม่ค่อยออก ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งยาที่ได้มีการกล่าวอ้างถึงนี้มีชื่อว่า “ยา Burundanga”
Burundanga เป็นสารที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส ว่ากันว่า Burundanga เป็นสารสกัดจากพืชดอกในจีนัส Brugmansia ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ โดยชื่ออื่นๆ ของยา Burundanga ก็คือ Scopolamine ที่ใช้เป็นยาแผนปัจจุบันช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนนั่นเอง
แต่ก็มีการรายงานว่าข้อมูลที่คนส่วนใหญ๋ทราบเป็นข้อมูลที่ผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสหรือสูดดมยาชนิดนี้ไม่สามารถทำให้คุณเกิดอาการดังกล่าวได้ นอกเสียจากว่ามันถูกนำไปผสมน้ำแล้วคุณก็ถูกหลอกให้ดื่มมัน
แล้วการถูกมอมยาด้วยวิธีการ “รมยาผ่านหน้ากากแอร์” ล่ะ ?
source: www.travelandleisure.com
หากคุณสงสัยเรื่องราวของผู้โดยสารบางคนใช้บริการรถแท็กซี่และโดนแท็กซี่มอมยาด้วยวิธีการรมยาผ่านหน้ากากแอร์ เราจะช่วยไขปัญหาข้อนี้ให้กระจ่างค่ะ
ที่จริงแล้วการที่จะทำให้คนๆ หนึ่งสลบได้ นอกจากจะให้วิสัญญีแพทย์วางยาสลบแล้ว ก็มีเพียงแค่ยาชา Xylocain หรือ lidocaine แบบแปะ ซึ่งก็ใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่ายาจะซึมผ่านผิวหนังของคุณให้ชาเฉพาะที่ และปกติแล้วการใช้ยาสลบยานั้นต้องใช้ยาที่มีความแรงมากและใช้เวลานานพอสมควร จึงจะทำให้ผู้โดยสารสลบได้ หรือไม่ก็คนขับรถจะต้องสลบไปก่อนแล้ว
■ เพราะอะไรกันเวลาที่คุณนั่งรถแท็กซี่จึงเกิดอาการมึนงง รู้สึกง่วงๆ คล้ายกับโดนวางยา?
source: www.neurologyadvisor.com
ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเฉพาะในขณะที่คุณนั่งรถแท็กซี่หรอกค่ะ การที่คุณนั่งรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถเกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน
การเมารถเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการมึนงง เวียนหัว คลื่นไส้ มันเกิดจากการที่ระบบประสาทที่ควบคุมการทรงตัวทำงานไม่สัมพันธ์กัน อย่างเช่น การส่งสัญญาณจากสายตาไปยังสมองผิดปกติทำให้เกิดอาการปรับสายตาไม่ทันเมื่อรถเบรกกระตุก ออกตัวแรง หรือขับฉวัดเฉวียน นอกจากนี้กลิ่นเหม็นๆ กับการทานอาหารมากเกินไปก็ทำให้เมารถได้
นอกจากนี้อาการง่วง มึนงง เวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน อาการเหล่านี้สอดคล้องกับการถูกพิษของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ การที่คุณมีอาการเช่นนี้เป็นไปได้ว่ารถยนต์คันนั้นมีรอยรั่ว และการที่คนขับไม่รู้สึกอะไร ก็เพราะว่าร่างกายเกิดการปรับตัวอย่างช้าๆ อย่างการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
■ เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ควรทำอย่างไร ?
source: www.womenshealthmag.com
- การแก้ปัญหาด้วยวิธีการมองพื้นดินและเส้นขอบฟ้าขณะที่อยู่บนรถหรือบนเรือ
- หากคุณมีแนวโน้มว่าเป็นคนชอบเมารถให้เลือกนั่งข้างหน้าและจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างแทนที่จะอ่านหนังสือ
- ดื่มน้ำขิงเพื่อแก้อาการเมารถ
ทีนี้ก็มั่นใจได้ว่าอาการแปลกๆ ที่คุณเจออย่างเช่น เวียนศีรษะ มึนงง หายใจไม่ออก หรือแม้กระทั่งการอุปทานว่าตนเองได้ทำตามทุกอย่างที่มิจฉาชีพบอก ก็ไม่ได้มีสาเหตุมาจากยาป้ายและการถูกรมยาผ่านหน้ากากแอร์แน่นอน!!
cob การรมยาไม่มีจริงครับไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับเพราะคนขับก็จะโดนยาด้วย อย่ามโน ให้ระวังวิธีการร้ายๆอย่างอื่นดีกว่าครับ
19 พ.ค. 2560 เวลา 01.32 น.
Arm P. รมยาไม่มีหรอก ถ้ามีคนขับแท๊กซี่เขาแน่นิ่งไปตั้งแต่ออกจากอู่แล้ว
อยากรู้ไหมทำไมนั่งแท๊กซี่แล้วเหนื่อย? เพราะว่ารถเขาสกปรกไง ไม่สะอาด ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคภายใน ไม่มีการเช็ดล้าง คนที่เข้าไปนั่งก็ไม่ใช่ว่าอนามัยดีทุกคน วันนึงรับคนหลายสิบ อากาศก็ไม่ระบาย อยากระบายก็ดมควันรถ ซีลปิดระบายก็เก่า ฯลฯ
ร่างกายเราต่อสู้กับเชื้อ ก็เหนื่อยธรรมดา
19 พ.ค. 2560 เวลา 04.39 น.
Poppy Stitch Meow มีประโยชน์มาก!!!
19 พ.ค. 2560 เวลา 01.44 น.
ดืมกาแฟแล้วกินอาหารน้อยๆๆๆหรือดืมน้ำร้อนจิบเบาๆๆๆก็แก้อาการเมารถ
19 พ.ค. 2560 เวลา 04.38 น.
Ake รมยามักเกิดกับสาวสวยไง
21 ม.ค. 2561 เวลา 05.00 น.
ดูทั้งหมด