กลายเป็นเรื่องฮือฮาในประเทศไทย จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับกุม นายชิเกฮารุ ชิราอิ อายุ 72 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่า “ยามากุชิ-กุมิ” แก๊งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ผู้ต้องหาฆ่านายคาซิฮึโกะ โอโตเบะ หัวหน้าแก๊ง “คามิยะ” แก๊งคู่อริและหนีมายังประเทศไทย แต่สื่อญี่ปุ่นหลายสำนักยืนยันว่านายชิเกฮารุไม่ใช่หัวหน้าแก๊ง และเป็นอดีตสมาชิกแก๊ง รวมไปถึงนายชิเกฮารุก็ยังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
กระแสดังกล่าวทำให้คนไทยให้ความสนใจคำว่า “ยากูซ่า” ขึ้นมาอีกครั้ง “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งที่มีอิทธิพลในญี่ปุ่นมาให้ผู้อ่านได้ลองรู้จักกัน
รู้จักกับ “ยากูซ่า”
“ยากูซ่า” (Yakuza) เป็นชื่อเรียกแก๊งก่ออาชญากรรมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่แก๊งเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายแก๊ง ลักษณะจะคล้ายกับมาเฟีย ซึ่งอาชญากรเหล่านี้เรียกได้ว่ามีบทบาทกับสังคมญี่ปุ่นมากมาย ตั้งแต่นักพนัน, ทำธุรกิจการค้าประเวณี ไปจนถึงมีบทบาทในการเมืองระดับสูงและมีอิทธิพลทางการเงินด้วย
ยากูซ่า มีอีกชื่อว่า โกคุโด (gokudō) ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกพวกเขาด้วยศัพท์ทางกฎหมายว่า โบเรียวคุดัน (bōryokudan) หรือ “violence groups” เป็นกลุ่มแก๊งหรือองค์กรที่ก่ออาชญากรรมคล้ายมาเฟีย แต่สำหรับองค์กรอาชญากรรมที่มีรากฐานมายาวนาน คำดังกล่าวเป็นการหยามศักดิ์ศรีรุนแรง เพราะความหมายของโบเรียวคุดันนั้นผลักยากูซ่าลงเป็นเพียงมิจฉาชีพที่อาศัยความรุนแรงก่อเหตุธรรมดาๆ
ส่วนคำว่า “ยากูซ่า” เดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น “โออิโช-คาบุ” (Oicho-Kabu) ที่คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา
โดยค่าของไพ่จะถูกบวกเข้าด้วยกัน และตัวเลขสุดท้ายของผลรวมจะถูกนับเป็นคะแนน ไพ่ที่ถือในมือที่แย่ที่สุดในเกมคือ ชุดของเลข แปด, เก้า และสาม ซึ่งจะให้ค่ารวมกันเท่ากับ 20 และคะแนนก็จะได้เท่ากับศูนย์นั่นเอง (ตัวเลขสุดท้ายของ 20 คือ 0) รูปแบบการนับดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เรียกตัวเลขเหล่านี้ว่า ยา กู และซ่า ตามลำดับ (8, 9 และ 3) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “ยากูซ่า” ส่วนในการนับตัวเลขของญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น 8, 9 และ 3 จะอ่านออกเสียงว่า “ฮาจิ-คุ-ซัน” ซึ่งเป็นชื่อที่ในบางครั้งยากูซ่า ก็ถูกเรียกในปัจจุบันนี้
พวกยากูซ่าเลือกใช้ชื่อนี้เพราะว่า คนที่ถือไพ่ ยา-กู-ซ่า (8, 9 และ 3) ในมือนั้นต้องการทักษะมากที่สุด และเป็นผู้ที่มีโชคน้อยที่สุดเพื่อที่จะชนะ ดังนั้นผู้ที่ชำนาญเท่านั้นที่จะสามารถแก้เกมเพื่อให้ชนะได้ ชื่อยากูซ่านี้ยังได้ถูกใช้เพื่อแสดงถึงความโชคร้ายที่อาจจะได้รับหากทำการต่อต้านกลุ่มด้วย
ยากูซ่าในยุคแรกเริ่ม
ต้นกำเนิดของยากูซ่านั้นเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้ชัดเจน เพราะแต่ละแก๊งก็มีที่มาจากหลากหลายแห่ง แต่ในมุมมองของพวกเขา ยากูซ่ามีเชื้อสายมาจากผู้มีเกียรติ คล้ายกับโรบินฮู้ดที่ปกป้องหมู่บ้านจากการโจรกรรมเร่ร่อน
แต่นักวิชาการบางคนค้นพบว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเริ่มต้นที่ คาบุกิโมโน – kabukimono (พวกขี้เมา) หรือยังเป็นที่รู้จักว่าเป็น ฮาตาโมโตะ ยักโกะ – hatamoto yakko (คนรับใช้ของโชกุน) กลุ่มคนเหล่านี้เป็น โรนิน หรือเป็นพวกซามูไรที่ไร้เจ้านาย เกิดขึ้นหลังจากช่วงวุ่นวายทางการเมืองของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 มักจะทำทรงผมและการแต่งตัวแปลกๆ มีกิริยาที่รุนแรง พูดจาด้วยคำหยาบคาย และมีคำแสลงเฉพาะ มักจะถือดาบยาว อ้างตัวเป็นผู้รับใช้โชกุน เรียกร้องค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน ประกาศตัวเป็นผู้พิทักษ์ รักษาระเบียบ และป้องกันชุมชนจากผู้คุกคามภายนอก เชื่อว่าตนเป็นประหนึ่งวีรบุรุษที่ยืนหยัดอยู่ข้างผู้ยากไร้และคนที่ไม่มีทางสู้ เช่นเดียวกับวีรบุรุษ
อย่างไรก็ตาม ตามประวัติศาสตร์หลายที่บอกว่า ยากูซ่าเริ่มต้นขึ้นในสมัยโชกุนโทกุงะวะ (ค.ศ.1603-1868) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มที่แยกกันอย่างชัดเจน โดยกลุ่มแรกมีชื่อว่า เทคิยะ (tekiya) เป็นกลุ่มพ่อค้าเร่ที่เดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ขายสินค้าคุณภาพต่ำตามงานเทศกาลและตลาด
เทคิยะจำนวนมากจะอยู่ในชนชั้น บุระคุมิน คือกลุ่มที่ถูกขับไล่ออกจากชนชั้นเดิม คือเป็นชนชั้นล่างสุดในระบบศักดินาของญี่ปุ่น
ในช่วงต้นศตวรรษ 1700 พวกเทคิยะเริ่มจัดตั้งกลุ่มของตัวเองให้เป็นกลุ่มที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จนมีเทคิยะหลายกลุ่ม ภายใต้การนำของหัวหน้ากลุ่มและสมาชิก โดยสมาชิกของกลุ่มยังเพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนที่ถูกขับไล่จากชนชั้นที่สูงกว่า พวกเทคิยะเริ่มเข้ามามีบทบาทในอาชญากรรมด้วยการคอยเก็บเงินพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของตามเทศกาล และหาเงินด้วยการคุ้มครองทำเลขายสินค้าของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่จ่ายเงินให้ เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งที่ขายของ โดยบางกลุ่มจะมีการจ้างคนเก็บกวาดร้านให้พ่อค้าแม่ค้าหลังเลิกงานด้วย
จนระหว่างปี ค.ศ.1735-1749 รัฐบาลโชกุนพยายามสงบศึกสงครามระหว่างเทคิยะแต่ละกลุ่ม และลดปริมาณการทุจริตของพวกเขา จึงแต่งตั้ง โอยะบุน (Oyabun) หรือหัวหน้าอย่างเป็นทางการ โดยโอยะบุนจะได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลและถือดาบ ซึ่งก่อนหน้านี้อนุญาตให้เฉพาะซามูไรเท่านั้นที่ใช้ได้
ทั้งนี้ โอยะบุน มีความหมายว่า “พ่อแม่อุปถัมภ์” ซึ่งหมายถึงตำแหน่งหัวหน้าของพวกเขาซึ่งเปรียบดั่งหัวหน้าครอบครัวของพวกเทคิยะ
ยากูซ่ากลุ่มที่สองที่เกิดขึ้นคือกลุ่ม บาคุโตะ (bakuto) หรือนักพนัน ซึ่งการพนันเป็นสิ่งต้องห้ามในช่วงยุคโทกุงะวะ และยังคงผิดกฎหมายในญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน โดยพวกบาคุโตะนี้จะมีรอยสักสีทั่วร่างกาย ซึ่งนำมาสู่การสักสีทั่วร่างกายในยากูซ่ายุคปัจจุบัน
จากธุรกิจหลักของบาคุโตะที่เริ่มจากการพนัน พวกบาคุโตะยังแตกธุรกิจของเขาออกไปเป็นปล่อยเงินกู้, คุ้มครองบาร์, สถานบริการและซ่องโสเภณี, รับจ้างทวงหนี้ และกิจการผิดกฎหมายอื่นๆ อีกด้วย
แม้กระทั่งในปัจจุบัน แก๊งยากูซ่าที่มีความเฉพาะเจาะจงก็อาจจะให้คำนิยามตัวเองว่าเป็นเทคิยะหรือบาคุโตะ ซึ่งขึ้นอยู่กับการวิธีการหาเงินส่วนใหญ่ของพวกเขา ขณะเดียวกัน พวกเขายังคงรักษาประเพณีเก่าแก่ของกลุ่มไว้ด้วย
โครงสร้างของแก๊งยากูซ่า
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ายากูซ่ามีหัวหน้าอย่างเป็นทางการเรียกว่าโอยะบุน การนับถือกันนั้นก็จะนับถือกันตามความอาวุโส ซึ่งสมาชิกของแก๊งจะตัดขาดออกจากครอบครัว และมอบความจงรักภักดีให้กับหัวหน้าแก๊ง ให้ความเคารพสมาชิกในแก๊งเหมือนดั่งคนในครอบครัว
ทั้งนี้ ยากูซ่าส่วนใหญ่จะมีสมาชิกเป็นผู้ชาย โดยมีผู้หญิงจำนวนน้อยมากๆ ที่ได้รับการยอมรับเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊ง โดยหญิงในแก๊งยากูซ่าที่โด่งดังคนหนึ่งคือภรรยาของ คาซูโอะ ทาโอกะ หัวหน้ารุ่นที่ 3 ของแก๊งยามากุชิ-กุมิ ซึ่งหลังเขาเสียชีวิตลงในต้นทศวรรษที่ 1980 ภรรยาของเขาก็ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ยากูซ่ามีโครงสร้างแก๊งที่ซับซ้อน หลักๆ แล้วจะปกครองแบบพีระมิด คือมีหัวหน้าใหญ่ สายตรงรองลงมาจะเรียกว่า saiko komon (ที่ปรึกษาอาวุโส) และ o-honbucho (หัวหน้าของสำนักงานใหญ่) สายที่สองคือ wakagashira ที่คอยควบคุมแก๊งหลายแก๊งในภูมิภาค กระจายอำนาจไปตามลำดับขั้น แต่ละสายก็จะมีหัวหน้าย่อย, รองหัวหน้า, ที่ปรึกษา, ฝ่ายบัญชี และลูกน้อง ซึ่งขั้นล่างๆ นั้นเรียกว่า โคบุน (kobun) คือลูกน้องสุดภักดีที่พร้อมสละชีพเพื่อหัวหน้า
จากการจัดโครงสร้างของยากูซ่า สามารถยากูซ่าออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.Family Yakuza หรือ ยากูซ่าที่มีการปกครองในแบบครอบครัว แบ่งอันดับชั้นตามผลงาน หรือจากการแต่งตั้งจากหัวหน้าใหญ่ การปกครองจะมีนายใหญ่ที่เรียกว่า “พ่อใหญ่” อันดับต่อมาคือ “พ่อเล็ก” และต่อมาคือ “ลูกๆ ” โดยสมาชิกทุกคนไม่มีคำว่า “กลัวตาย” และพร้อมจะรับคำสั่งจากพ่อใหญ่ โดยจะไม่ทำให้เกิดการผิดพลาด การจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มนี้จะมีการดื่มสาเกสาบานจากแก้วเดียวกันด้วย
2.Lone Yakuza หรือ ยากูซ่าไร้สังกัด จะไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มใด หรืออาจจะมีการรวมกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นโดยไม่มีการปกครองหลายชั้นเหมือนอย่างแรก แต่จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่คอยเก็บค่าคุ้มครอง
สมาชิกยากูซ่า มาจากไหน?
การจะเข้ามาเป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่าได้ พวกเขาไม่ได้สนใจว่าสมาชิกใหม่จะมาจากที่ไหน หรือมาจากชนชั้นอะไร สมาชิกของยากูซ่าอาจจะเป็นวัยรุ่นที่ถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ของเขา หรืออาจจะเป็นวัยรุ่นที่ได้รับความกดดันอย่างมากจากโรงเรียน หรือเป็นพวกผู้อพยพจากเกาหลีหรือจีน เป็นต้น
เจ้านายที่ใกล้ตัวของพวกยากูซ่ามากที่สุดนั้นจะกลายมาเป็นเหมือนพ่อ และเพื่อนของพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนพี่น้องกัน สิ่งที่ยากูซ่าเสนอให้ไม่ใช่เพียงมิตรภาพ แต่ยังให้เงินตรา ฐานะ และอำนาจ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีการเข้าสู่การเป็นสมาชิก หรือข้อกำหนดใดๆ แต่เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว สิ่งที่ตามมาคือต้องมีความเคารพเชื่อฟังต่อผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่า
จำนวนยากูซ่า
ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ยากูซ่าแบบดั้งเดิมคือเทคิยะ/บาคุโตะ เริ่มลดลง ขณะที่ประชากรทั้งหมดของประเทศถูกระดมเข้าร่วมในสงคราม และสังคมญี่ปุ่นก็มาอยู่ใต้ความเข้มงวดของรัฐบาลทหาร อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นสงคราม ยากูซ่าก็กลับมาอีกครั้ง
จากข้อมูลของตำรวจประมาณการว่า สมาชิกของแก๊งยากูซ่านั้นขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในต้นทศวรรษ 1960 มียากูซ่าพุ่งสูงสุดถึง 184,000 คน คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของตำรวจญี่ปุ่นในขณะนั้นเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในต้นศตวรรษที่ 21 จำนวนของพวกเขาลดลงเหลือเพียงประมาณ 80,000 คน และในปี 2015 ยากูซ่านั้นเหลืออยู่ราว 21 กลุ่มใหญ่ๆ สมาชิกรวมกว่า 53,000 คน โดย 3 กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ
1.ยามากุชิ-กุมิ แก๊งที่ใหญ่ที่สุด มีสมาชิกเกือบครึ่งหนึ่งของยากูซ่าทั้งหมด คือประมาณ 23,400 คน โดยเป็นแก๊งที่มีต้นกำเนิดจากเมืองโกเบ ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วญี่ปุ่น รวมถึงยังขยายเครือข่ายไปในเอเชียและสหรัฐอเมริกา โดยโอยะบุนหรือหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบันของแก๊งคือ ชิโนบุ สึคาสะ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เคนอิชิ ชิโนดะ ซึ่งเขาทำตามนโนบายการขยายตัว และเพิ่มเครือข่ายในโตเกียวมากขึ้น
2.ซุมิโยชิ-กาอิ แก๊งใหญ่อันดับ 2 จากโอซาก้า มีสมาชิกราว 8,500 คน หัวหน้าคนปัจจุบันคือ อิซาโอะ เซกิ
3.อินะงะวะ-กาอิ มีสมาชิกประมาณ 6,600 คน มีฐานที่ตั้งอยู่ในโตเกียว-โยโกฮาม่า และเป็นหนึ่งในยากูซ่ากลุ่มแรกๆ ที่ขยายเครือข่ายในต่างประเทศ
ลักษณะภายนอกของยากูซ่า
ข้อมูลบางส่วนอธิบายลักษณะของยากูซ่าในอดีตว่า จะเป็นการแต่งตัวที่ไม่เหมือนใคร สมาชิกมักจะสวมแว่นกันแดด สวมชุดสูทที่มีสีสันเพื่อให้ประชาชนรู้ทันทีว่าเขาเป็นอะไร
แม้แนวทางการดำเนินชีวิตของพวกเขาจะแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากพวกยากูซ่าจะเย่อหยิ่ง มีท่าทางหยาบกระด้าง แตกต่างจากชาวญี่ปุ่นทั่วไปที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมและไม่อวดดีในการทำธุรกิจของตน แต่ในบางครั้งยากูซ่าจะแต่งตัวเหมือนคนปกติทั่วไป และเมื่อมีความจำเป็นจะโชว์รอยสักเพื่อบ่งบอกสังกัดของตัวเอง ในบางครั้งพวกเขายังสวมเข็มกลัดเครื่องหมายบนคอเสื้อนอก รวมไปถึงแก๊งยากูซ่าแก๊งหนึ่งจะพิมพ์จดหมายข่าวรายเดือน เพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับการถูกจับกุม, การแต่งงาน, งานศพ, การฆาตกรรม และกวีจากผู้นำ
“รอยสัก” สัญลักษณ์ของยากูซ่า
อย่างที่เคยเห็นกันว่าสมาชิกแก๊งยากูซ่านั้นจะมีรอยสักสี โดยบางคนจะสักเป็นรูปมังกร, ปลาคาร์พ, เทพเจ้าจีน, ตัวละครในเทพนิยายที่มีความแข็งแกร่ง โดยมักจะสักที่หลัง, ไหล่, ต้นแขน หรือจุดใต้ร่มผ้าอื่นๆ บ่อยครั้งที่สถานที่เดียวที่จะเห็นรอยสักของยากูซ่าได้ก็คือโรงอาบน้ำสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม พวกยากูซ่ามักจะสักรอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ของแก๊ง ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการสักสีในยากูซ่าเริ่มมาจากพวกบาคูโตะ ที่จะสักเป็นรูปวงแหวนสีดำรอบแขนสำหรับการก่ออาชญากรรมแต่ละครั้ง ภายหลังการสักก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง เพราะอาจต้องใช้เวลากว่า 100 ชั่วโมงในการสักทั่วแผ่นหลัง
ยากูซ่าส่วนใหญ่มักจะสักทั่วตัว โดยรอยสักนี้ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า อิเระซูมิ และยังคงเป็นการสักด้วยมือเท่านั้น คือไม่ใช้เครื่องสักนั่นเอง เป็นการนำหมึกเข้าสู่ผิวหนังโดยไม่ใช้ไฟฟ้า เข็มที่ใช้สักอาจเป็นไม้ไผ่หรือเหล็ก ซึ่งขั้นตอนการสักนี้มีราคาแพง เจ็บปวด และกว่าจะเสร็จสมบูรณ์อาจต้องใช้เวลาหลายปี
เมื่อยากูซ่ามานั่งเล่นไพ่โออิโช-คาบุ ด้วยกัน พวกเขามักจะถอดเสื้อแล้วเอามาพันรอบเอว ทำให้พวกเขาสามารถโชว์รอยสักให้คนอื่นๆ เห็น ซึ่งน้อยครั้งนักที่ยากูซ่าจะโชว์รอยสักให้กันและกันดู พวกเขาจะปิดไว้ใต้ร่มผ้าเหมือนที่ไม่ให้สาธารณชนเห็น
ชาวญี่ปุ่นทั่วไปส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงการสัก เพราะอาจทำให้เข้าใจได้ว่าเกี่ยวพันกับแก๊งยากูซ่าหรือเป็นสมาชิก นอกจากนี้ คนที่มีรอยสักทั่วร่างกายจะไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำในที่สาธารณะ ถึงแม้จะมีบางคนบอกว่าไม่ยุติธรรม เพราะไม่ใช่ว่าคนสักทั่วร่างกายทั้งหมดจะเป็นยากูซ่า และก็เป็นยากูซ่าบางคนเท่านั้นที่สักทั่วร่างกาย แต่กลับมีคนเอาสองสิ่งนี้มาเชื่อมโยงกันในภาพยนตร์
และเนื่องจากการที่รอยสักมีความเกี่ยวข้องกับยากูซ่า ทำให้บางครั้งช่างสักที่สักให้ยากูซ่าจะถูกตำรวจเรียกมาสอบถามในการสืบคดีอาชญากรรม
“ตัดนิ้ว” คำขอโทษจากสมาชิก
ประเพณีหนึ่งที่สำคัญอีกหนึ่งของยากูซ่า คือ ยูบิทสึเนะ(Yubitsume) หรือ การตัดนิ้วออกไป 1 ข้อ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสำนึกผิดหรือเป็นการแสดงคำขอโทษ ซึ่งเมื่อเกิดความผิดครั้งแรก ผู้ที่ทำผิดจะต้องตัดข้อบนสุดของนิ้วก้อยข้างซ้าย นำกระดาษมาห่อส่วนที่ตัดออกและมอบให้แก่หัวหน้า เพื่อขอให้หัวหน้าให้อภัย และหากทำผิดอีก ก็จะกลายมาเป็นนิ้วก้อยอีกข้าง ทำให้จะเห็นว่ายากูซ่าในปัจจุบันบางคนมีนิ้วไม่ครบ
จุดเริ่มต้นของการตัดนิ้วเริ่มจากยากูซ่ากลุ่มบูคาโตะ ซึ่งเป็นนักพนัน โดยหากพวกเขาไม่สามารถจ่ายหนี้พนันได้ก็จะต้องถูกตัดนิ้วก้อย ทำให้การพนันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในญี่ปุ่น
และสำหรับยากูซ่า ผลของการถูกตัดนิ้วจะทำให้พวกเขาไม่สามารถถือดาบได้ถนัดเช่นเคย แนวคิดก็คือหากคนที่จับดาบได้ไม่ถนัดแล้วเขาก็ต้องมองหาความคุ้มครองจากคนอื่น การกระทำนี้ได้ทำเพื่อเป็นการขอโทษต่อการไม่เชื่อฟัง และสามารถทำเพื่อชดเชยการกระทำผิดอื่นๆ
การทำงานยากูซ่า
การทำงานยากูซ่านั้นเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งค้ายาเสพติดข้ามชาติ, ค้ามนุษย์, ฮั้วประมูล, ฟอกเงิน, ปล่อยเงินกู้ หรือลักลอบค้าอาวุธ
นอกจากนี้ ยากูซ่ายังเข้ามามีอิทธิพลกับการเมืองของประเทศ โดยปีเตอร์ เฮสส์เลอร์ เขียนในเดอะ นิวยอร์กเกอร์ ว่า “นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างน้อย 1 คน มีการเข้าสังคมกับยากูซ่า และนักการเมืองก็มีการติดต่อกับกลุ่มอาชญากรเพื่อที่จะทำลายอาชีพอื่นๆ” โดยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 นายชิซูกะ คาเมอิ รัฐมนตรีกระทรวงส่งออกในขณะนั้น ยอมรับว่าเขารับเงินจากบริษัทของยากูซ่า แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมใดๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเสียชื่อเสียง
ยากูซ่ายังอาศัยคอนเน็กชั่นทางการเมืองหรือการข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น ในเรื่องสัญญาก่อสร้าง การไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ และหลีกเลี่ยงภาษี แลกเปลี่ยนกับเงินจากยากูซ่าและความช่วยเหลือจากยากูซ่าเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง และหากนักการเมืองยืมเงินจากยากูซ่าเพื่อมาใช้หาเสียง นักการเมืองจะต้องคืนเงินแก่ยากูซ่าเป็น 2 เท่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งยากูซ่าจะให้เงินแก่นักการเมืองหลังจากที่นักการเมืองเชิญยากูซ่าไปงานแต่งงาน เสมือนว่ามอบเงินให้เป็นการช่วยงาน
ความดีจากอาชญากร
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยากูซ่ายังเข้ามาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายด้วย เช่น การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทขนาดใหญ่, ดำเนินกิจการที่ถูกกฎหมาย เช่น ธุรกิจธนาคาร หรืออสังหาริมทรัพย์
ที่น่าสนใจคือ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่โกเบเมื่อ 17 มกราคม ค.ศ.1995 ยากูซ่าแก๊งยามากุชิ-กุมิ ได้กลายมาเป็นยากูซ่าแก๊งแรกที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวในเมืองบ้านเกิดของแก๊งนี้ นอกจากนี้ หลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในปี 2011 ยากูซ่าจากหลากหลายกลุ่มได้ส่งสิ่งของช่วยเหลือเข้ามาในพื้นที่ประสบภัย
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของยากูซ่าก็คือการปราบปรามอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยในโกเบและโอซาก้าซึ่งเป็นเมืองที่ยากูซ่ายังมีอิทธิพล จนกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่โดยทั่วไปแล้วมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเหล่าโจรเล็กๆ ไม่กล้าก่อเหตุในพื้นที่ของยากูซ่า
แม้ว่ายากูซ่าจะมีประโยชน์ทางสังคมแบบแปลกๆ แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็พยายามปราบปรามยากูซ่าแก๊งต่างๆ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยในเดือนมีนาคม 1995 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายต่อต้านการฉ้อโกงที่เรียกว่า พระราชบัญญัติการป้องกันกิจกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยสมาชิกแก๊งอาชญากร
ในปี 2008 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โอซาก้า ได้กวาดล้างบริษัทที่ดำเนินการโดยยากูซ่าทั้งหมด และตั้งแต่ปี 2009 ตำรวจทั่วประเทศก็ออกจับกุมหัวหน้าแก๊งยากูซ่า และปิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแก๊ง
แม้ว่าในทุกวันนี้ตำรวจจะพยายามควบคุมกิจกรรมของยากูซ่าอย่างเข้มงวด แต่ดูเหมือนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ยากูซ่าจะหายไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขายังคงอยู่มาเป็นเวลากว่า 300 ปี และยังมีความเกี่ยวข้องกับสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลากหลายด้าน
ภาพบางส่วนจากเว็บไซต์ ข่าวสด
SGM BDG_Anan คราวนี้รู้ยังใครทรงอิทธิพลตัวจริง พอมีเมียไทยยากูซ่าก็เถอะ หนีมา 15 ปี ยังต้องยอมให้ถูกจับกลับประเทศ 555
15 ม.ค. 2561 เวลา 02.01 น.
ใครบอก300ปีบ้าบอกาลังมังถังแตก1000กว่าปีมาแล้ว
14 ม.ค. 2561 เวลา 23.57 น.
ใส่กระจับด้วย
14 ม.ค. 2561 เวลา 17.20 น.
สรุปแล้วแก็งพวกนี้ทำดีหรือเปล่า ถ้าไม่ก็เหมือนๆกันบ้าเราก็เยอะ แต่ของเราไม่ได้สักที่ตัวแต่สักในสมอง {คำว่ากูต้องโกงกูต้องกิน}
14 ม.ค. 2561 เวลา 14.34 น.
Y. Sutinai เอาแรงที่มีทั้งหมดไปตามข่าววิกตอเรียส์ซีเคร็ตดีกว่ามั้ยครับ พวดยากุซ่าเมืองไทยอะจิกไม่ให้คดีมันหายไปเฉยๆอะครับ
14 ม.ค. 2561 เวลา 14.32 น.
ดูทั้งหมด