โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ชาวเบลเยี่ยม วัย 24 ปี เปิดตัวด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงตั้งแต่ต้นฤดูกาลกับต้นสังกัดใหม่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังซัดไปถึง 7 ประตู จาก 7 นัดในลีก ช่วยให้ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ขับเขี้ยวแย่งจ่าฝูงกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างเข้มข้นตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่แล้วใครจะคาดคิดว่า กองหน้าเจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์จะไม่สามารถผลิตสกอร์ได้อีกเลยนับจากนั้น กว่าจะกลับมาคลำหาเป้ายิงประตูเจอก็ผ่านไปกว่า 7 นัดในทุกรายการ แต่หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นก็ลุ่มๆดอนๆ ไม่เหมือนกองหน้าคนเดิมตอนต้นฤดูกาล โดยในบางเกมบทจะหายก็หายไปเสียดื้อๆก็ยังมี
โชเซ่ มูรินโญ่ จัดการคว้า ลูคากู มาจากเอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัวกว่า 75 ล้านปอนด์ ด้วยความคาดหวังที่จะให้เป็นกองหน้าเบอร์ 1 ในการผลิตสกอร์ของทีม หลังมีฟอร์มการเล่นที่สุดยอดกับต้นสังกัดเก่า โดยยิงไปกว่า 68 ลูก จากการลงสนามทั้งหมด 141 นัด ให้ท๊อฟฟี่
แม้ในนัดการแข่งขันล่าสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูกากู จะสวมบทเป็นฮีโร่ เหมา 2 ประตู ช่วยให้ทัพปีศาจแดง เฉือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ไป 2-0 ผ่านเข้ารอบต่อไปของฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ แต่บรรดาแฟนบอลเรดอาร์มี่ก็ยังคงมีความคาดหวังว่าจะได้รับความสม่ำเสมอจากกองหน้าค่าตัว 75 ล้านปอนด์คนนี้ หรือ เรียกฟอร์มการเล่นจากต้นฤดูกาลกลับมาสักหน่อยก็ยังดี
สำหรับผลงานของ โรเมลู ลูกากู ในปัจจุบัน ลงให้ต้นสังกัดในลีกไปแล้ว 26 นัด ยิง 12 ประตู แอสซิสต์ 5 ลูก อยู่อันอับที่ 6 ในตารางดาวซัลโว พาทีมอยู่อันดับที่ 2 ของตารางศึกพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมืองอยู่ 16 คะแนน
โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ กองหน้าฟันขาว ชาวบราซิล วัย 26 ปี ถูกเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันจับมาเล่นในตำแหน่ง กองหน้าตัวหลอก หรือ กองหน้า False-9 โดยหน้าที่หลักๆที่เฟอร์มิโน่ได้รับในแต่ละนัด จะเป็นการทำเกม หรือ แย่งบอลจากกองหลังอีกฝ่ายเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ และ ซาดิโอ มาเน่ โชว์ฟอร์มได้สุดยอด ทำให้นักเตะชาวบราซิลคนนี้เป็นนักเตะหัวใจหลักในแผนการเล่นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว
สำหรับ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ย้ายมาจาก ฮอฟเฟนไฮม์ ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ ในยุคของกุนซือ แบรนแดน ร็อดเจอร์ ซึ่งในตอนนั้น เฟอร์มิโน่ เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ไม่ใช่กองหน้าเหมือนในปัจจุบัน โดยมีผลงานกับต้นสัดกัดเก่าอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ที่ ยิง 38 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 140 นัด
ตามธรรมชาติ กองหน้าตัวหลอก หรือ กองหน้าในระบบ False 9 จะมีหน้าที่คอยดึงกองหลังให้หลุดจากตำแหน่ง คอยเชื่อมเกม และคอยทำเกม เพื่อสนับสนุนนักเตะในตำแหน่งอื่นทำประตู แต่เฟอร์มิโน่ มีอีกจุดเด่นคือ เป็นกองหน้าที่เด่นในด้านเกมรับอย่างมาก จากสถิติชี้ให้เห็นว่ากองหน้าชาวบราซิล ตัดบอลได้ถึง 14 ครั้ง เข้าสกัดถึง 44 ครั้ง หรือนี่คือกุญแจสำคัญของระบบการเล่นของ เจอร์เก้น คล็อปป์?
สำหรับผลงานของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ลงให้ต้นสังกัดไปแล้ว 26 นัด ยิง 12 ประตู แอสซิสต์ 6 ลูก อยู่อันดับที่ 6 ร่วมในตารางดาวซัลโว พาทีมอยู่ในอันดับที่ 3 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูง 18 คะแนน
AFP
T 🔘P":') 5989 🎏 ลู สู้ไม่ได้จริงๆครับ ยอมรับเลย
20 ก.พ. 2561 เวลา 05.48 น.
อยากดูบอลเต๊ะสนุกบุกตลอดต้องดูแมนซิตี๋มีเก็มเล้าใจตลอดดูไม่เบื่อ
20 ก.พ. 2561 เวลา 04.49 น.
🅦🅘🅢🅗 ถ้ามองแบบเป็นกลางนะ ลูกากูเป็นกองหน้ามีหน้าที่รับลูกบอลจากเพื่อนเพื่อยิงประตูเพียงอย่างเดียวผิดกับฟีมีโน่ที่เป็นทั้งกองหน้าเองและตำแหน่งอื่นที่คอยซับบอล ล้วงบอลทำเกมให้เพื่อน ทักษะการเล่นที่หลากหลายเป็นสิ่งที่เขาเหนือกว่าลูกากู
20 ก.พ. 2561 เวลา 00.57 น.
Eak Gunner ทื่อทั้งคู่ ใช้โอกาสเปลือง เอาเป็นว่าวัดความทื่อกันดีกว่า
20 ก.พ. 2561 เวลา 00.33 น.
🕉️โอ้ย®™❤️Chelsea⚽💯🏆 อยู่ที่จังหวะแต่ถ้าความสามารถส่วนตัวล้วนๆกุว่าฟีร์มิโน่ว่ะ...ก๊าก...5
20 ก.พ. 2561 เวลา 00.02 น.
ดูทั้งหมด