วันนี้ (6 มิ.ย.2563) หลังจากกรณี น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ บุ๋ม นักแสดงชื่อดังในฐานะสมาชิกคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านอินสตาแกรมเกี่ยวกับการเสนอให้การคุมคามทางเพศ เป็นกฎหมายจริงจัง ไม่ใช่แค่เป็นการลงบันทึกประจำวันอีกต่อไป
ขณะที่ในเวลาต่อมา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า ข่มขืนคือคดีอาญามาตั้งนานแล้ว แต่ล่าสุดมีการเพิ่มโทษถึงประหารชีวิต นอกจากนี้ น.ส.ปารีณา ยังได้เผยแพร่รูปภาพของ น.ส.ปนัดดา บนเฟซบุ๊กพร้อมเขียนข้อความโดยใช้คำว่า "ดารามากสามี" พร้อมกับทิ้งท้ายว่า *"มั่ว พูดอะไรต้องระวัง เพราะเป็นดารา เหมือนพูดกันคนละเรื่อง ข่มขืนหรือคุกคามเป็นคนละเรื่องเดียวกัน" *
ล่าสุด น.ส.ปนัดดา ได้ให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า สส.หญิงไม่มีสิทธิ์โพสต์รูป และมาเปิดเผยเรื่องครอบครัว โดยเตรียมจะฟ้อง น.ส.ปารีณา 2 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งยังได้อธิบายเกี่ยวกับกฎหมายที่เกิดประเด็นบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ที่ สส.หญิงอ้างว่าบุ๋มมั่วเรื่องกฎหมายก็คือ การผลักดันให้การข่มขืนเป็นคดีอาญา ซึ่งจริงๆ การข่มขืนก็เป็นคดีอาญาอยู่แล้ว แต่ที่กำลังพยายามผลักดันอยู่คือคดีคุกคามก่อกวน ที่ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เช่น Stalker ไล่ตามผู้หญิงทั้งมีชื่อเสียงและไม่มี เพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบอกว่า ทุกวันนี้ถ้ามีการคุกคามแบบนี้ ก็มักจะมีการแจ้งข้อหากระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นลหุโทษ มีระวางโทษไม่มาก หรืออีกข้อหาคือทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ
ล่าสุด น.ส.ปารีณา ได้โพสต์ข้อความว่า "เตรียมแจ้งความ บุ๋ม ปนัดดา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พ.ร.บ.คอมฯ พร้อมฟ้องแพ่งเอาเงินมอบให้นักเรียนยากจนแต่แต่งตัวเรียบร้อย" รวมทั้งโพสต์ว่า "ฟ้องมา ฟ้องกลับ อย่าคิดว่า แจ๋วอยู่คนเดียว จงจำไว้ว่า เป็นดารา ต่อไปนี้พูดไรต้อง ระวัง #ข่มขืน คุกคาม คืออาญาประหารชีวิต ติดคุก"
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเรื่องการตรากฏหมายที่กำกับโทษหรือพิจารณาคดีคุกคามยังไม่ปรากฏในประมวลกฏหมายอาญาที่บังคับใช้ถ้วนหน้า เพียงแต่มี กฎ ก.พ.ว่าด้วยการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคาม 53 ที่บังคับใช้ในหมู่ข้าราชการพลเรือนเท่านั้น และมีในกฏอีกฉบับที่ครอบคุมแรงงานในสถานประกอบการซึ่งโทษไม่มาก อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้หญิงส่วนหนึ่งสะท้อนว่า ไปแจ้งความตำรวจก็ไม่รับเป็นคดี เพราะไม่มีกฏหมาย
ส่วนประเด็นที่อยู่ในกฏหมายอาญาแล้ว คือ เรื่องข่มขืน และ ลักษณะอนาจาร ซึ่งพฤติกรรมในคำจำกัดความของ 2 คำนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการแตะเนื้อต้องตัว ลวนลาม หรือไม่ก็ถ่ายภาพทำให้อาย แต่ไม่ได้หมายรวมพวก แซว ดัดรอ มาง้อตามตื้อจนกระทบชีวิตจิตใจ และอีกหลายพฤติกรรมที่ใช้สายตา วาจาในการคุกคาม
ขณะที่ จะเด็ด เชาว์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ในฐานะนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิความ เท่าเทียมกันทางเพศ บอกว่าผลักดันให้มีกฏหมายคุกคามทำมาเป็น 10 ปี คนมักไม่สนใจอาจเพราะเรื่องนี้ดูเล็กน้อยแต่มันสำคัญ เนื่องจากการคุกคามมันอาจเป็นฉนวดเริ่มต้นของการก่อเหตุอนาจาร ข่มขืน หรือคดีทางเพศอื่นๆที่รุนแรงตามมาได้
ViP พี่บุ๋มมมม อย่าเลยย อย่าช้าาาาเลยย จัดให้หนักเลย
07 มิ.ย. 2563 เวลา 11.54 น.
Chor บุ๋มแพ้แล้วชวนตีนี่หว่า
07 มิ.ย. 2563 เวลา 11.45 น.
DUM ออกมาพูดมีช่องโหว่ให้เขาชึ้แนะเรื่องกฎหมายอายหน้าแตกอาศัยคนเกลียดเขารุมเล่นงานเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักพักก็ซาหากพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมต่อสู้เรื่องข่มขืนแต่ยังไม่ละรายได้ยังถ่ายรูปยั่วยุเองการกระทำมันค้านในตัวเองเขาก็พูดถูกหากไม่มีเรื่องอารมย์นิ่งยอมรับความจริงแก้ไขทรงจะออกมาดีกว่านี้
07 มิ.ย. 2563 เวลา 10.39 น.
🇳🇱🧔🇳🇱 จัดให้หนักเอาให้ขายหน้าไปเลยครับ สส แบบนี้ไม่ควรเก็บไว้วันๆไม่ทำไรหาเรื่องคนไปทั่ว
07 มิ.ย. 2563 เวลา 03.00 น.
G.D. จบเถอะ ผมรู้ว่าพวกคุณหวังดีกับประชาชนทั้งคู่ แค่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้ตัวเองต้องมัวหมองกันเลย
สังคมจะน่าอยู่ต้องรู้จักให้อภัยกันครับ
07 มิ.ย. 2563 เวลา 00.13 น.
ดูทั้งหมด