จนถึงบัดนี้ ลาวยังคงได้ชื่อว่าเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีการติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักไปทั่วโลกน้อยที่สุด คือมีเพียง 19 ราย
ทั้งยังเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อนี้ต่ำที่สุด คือเป็น 0 ด้วยอีกต่างหาก
การติดเชื้อที่ได้รับการตรวจสอบยืนยันแล้วทั้งหมด 19 รายนั้น มีขึ้นเมื่อนานมาแล้ว คือ 37 วัน หรือเดือนเศษที่ผ่านมา
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ทางการลาวถึงได้ผ่อนคลายมาตรการ “ล็อกดาวน์” ที่ประกาศใช้หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ร้านอาหาร ภัตตาคาร และร้านค้าปลีกบางแห่ง รวมไปถึงบริการทำผมและบริการรถยนต์เปิดกิจการได้อีกครั้ง
แต่ยังไม่เปิดให้ประชาชนเดินทางออกนอกขอบเขตจังหวัดอันเป็นที่พำนักอาศัยของตนเอง
เมื่อ 18 พฤษภาคม การผ่อนปรนก็ขยับไปอีกขั้น ให้มีการเปิดกิจการสำนักงานและกิจการธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม
โรงเรียนหลายแห่งได้รับอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่มีการอนุญาตให้มีการแข่งขันกีฬาบางชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาดได้อีกด้วย
ที่สำคัญก็คือ การอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางออกนอกเขตจังหวัดของตนเอง แต่จำกัดไว้เฉพาะเพียงการเดินทางภายในประเทศเท่านั้น
ลาวยังคงไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากภายนอก ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของรายได้ที่สำคัญที่สุดของประเทศ
ทางการลาวยังคงเน้นย้ำให้ชาวลาวทุกคนรักษาระยะห่างระหว่างกัน สวมหน้ากากอนามัยและมาตรการอื่นๆ ต่อไปอย่างเข้มงวด สำทับว่า ถ้าหากตัวเลขติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
การปิดเมืองที่เข้มงวด ปิดกิจการธุรกิจและห้ามการรวมตัวกันก็จะกลับมาอีกครั้ง
มาร์ก มีลีย์ นักธุรกิจประจำสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน ยอมรับว่า ทุกคนช็อกกับการตัดสินใจปิดพรมแดนของรัฐบาลลาว
แต่ในเวลาเดียวกัน การที่ลาวสามารถเปิดกิจการต่างๆ ปลดล็อกดาวน์ได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ก็ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการแพร่ระบาด มีไม่มากนัก
มาร์ก มีลีย์ เชื่อว่าลาวจะยังคงสามารถรักษาการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ให้เป็นบวกอยู่ได้ในปีนี้ อยู่ที่ระหว่าง 2-3 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) คาดไว้ก่อนหน้าการระบาดที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อย
แต่ในความรู้สึกของคนลาว ความสำเร็จในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 แลกมาด้วยความลำบากสาหัสต่อทั้งธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ
ล็อกดาวน์ได้ผลดีกับโรคระบาด แต่ไม่ดีกับธุรกิจ เจ้าของภัตตาคารรายหนึ่งบอกอย่างนั้น หลังจากที่กิจการของตนแทบล้มหายตายจากไป แม้จะพยายาม “ส่งถึงบ้าน” แล้วก็ตาม
เพราะมีคนสนใจเพียงน้อยนิด มีออเดอร์ 2-3 รายต่อวันเท่านั้นเอง
“คนลาวคนไหนที่ลงทุนเปิดกิจการของตัวเอง บ่นเหมือนกันหมดว่าเดือดร้อนหนัก เจ็บหนักมากจากการล็อกดาวน์หนนี้”
ปัญหาสำคัญก็คือ ในขณะที่ยอมแลก ลำบากกันสาหัส ชาวลาวไม่น้อยยังไม่เชื่อว่าทั้งประเทศจะมีผู้ติดเชื้อเพียงแค่ 19 คน เหมือนที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
พวกเขาสงสัยกันไม่น้อยว่าเป็นไปได้อย่างไร ด้วยเหตุที่ว่า ลาวมีชายแดนตอนเหนือติดต่อกับจีนยืดยาวหลายกิโลเมตร และที่ผ่านมาก็พึ่งพาอาศัยนักท่องเที่ยวจากจีนสูงมาก
การติดต่อปฏิสัมพันธ์กันดังกล่าว ย่อมก่อให้เกิดโอกาสการแพร่เชื้อได้มากมาย ทำให้ตัวเลข 19 รายกลายเป็นความ “เหลือเชื่อ” ไป
ปัญหาก็คือ ชาวลาวก็ได้แต่ถามไถ่ ตั้งข้อกังขาซึ่งกันและกันว่า ความลำบากของพวกเขาแลกมาซึ่งอะไรกันเองเท่านั้น
ไม่มีใครกล้าพอตั้งคำถามดังๆ กับรัฐบาลแน่นอน
อุทิศ ตราทอง ประชากรลาวไม่หนาแน่น ความเสี่ยงเลยน้อยตาม
29 พ.ค. 2563 เวลา 03.01 น.
ดูทั้งหมด