R.M.S. Titanic หรือ ไททานิค คือเรือที่โด่งดังและเป็นที่จดจำที่สุดในโลก เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะโศกนาฏกรรมการจมลงของเรือกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนต์ ดนตรี และงานศิลปะมากมาย อีกเหตุผลเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น ย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ในวันที่ 10 เมษายน 1912 เมื่อไททานิคแล่นออกจากฝั่งในเมืองเซาท์แทมตัน ของอังกฤษ โดยมีจุดหมายคือสหรัฐอเมริกา เรือที่ว่าเป็นที่ตัวแทนความหรูหราของยุคสมัย ไททานิคมีห้องหับมากมายตั้งแต่ห้องรับรอง ห้องสันทนาการ บาร์ ห้องสมุด สระว่ายน้ำ ไปจนถึงห้องออกกำลังกายที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังทันสมัย แต่หากจะพูดถึงความหรูหราสูงสุดของไททานิค ก็คงจะหนีไม่พ้นห้องรับประทานอาหารสุดอลังการของผู้โดยสารระดับเฟิร์สคลาส
ไททานิคเป็นตัวแทนไลฟ์สไตล์ของชนชั้นสูงอังกฤษในยุคของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 หรือที่เรียกกันว่ายุคเอ็ดเวอร์เดียน (Edwardian Era - ยุคต่อจากวิกตอเรียนโดยตั้งชื่อตามพระโอรสองค์โต เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา) อังกฤษในยุคของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดให้ความสำคัญกับอาหารการกินเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครื่องบอกสถานะทางสังคม อาหารในยุคนั้นมักทำมาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด ตกแต่งสวยงามที่สุด มีหลายคอร์ส และใช้เวลารับประทานนานร่วม 3-4 ชั่วโมง
แม้ว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจะสิ้นพระชนม์ไปก่อนเรือไททานิคจะออกจากท่า (ทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1910) แต่แนวคิดและความสำคัญของการกินและมื้ออาหารยังคงสืบทอดมากระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914
แน่นอนว่าไททานิครับเอาแนวคิดการให้ความสำคัญกับมื้ออาหาร ชาร์ล พร็อกเตอร์ (Charles Proctor) หัวหน้าเชฟประจำเรือไททานิคเป็นลูกเรือที่มีค่าตัวสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากกัปตัน เขาดูแลลูกทีม 62 คน เพื่อเตรียมอาหารกว่า 6,000 จานต่อวัน ห้องรับประทานอาหารของผู้โดยสารเฟิร์สคลาสนำเสนออาหารจานใหม่ให้ผู้โดยสารราว 500 คน โดยไม่ซ้ำกันทุกวันตลอดการเดินทาง
ด้วยราคาแพงกว่าตั๋วชั้นสอง 8 เท่า และแพงกว่าตั๋วชั้นสามถึง 24 เท่า อาหารสำหรับผู้โดยสารเฟิร์สคลาสจึงหรูหราต่างจากชั้นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ก่อนมื้ออาหาร แขกจะได้รับการต้อนรับด้วยค็อกเทลอย่างดีในห้องรับรอง (การดื่มค็อกเทลก่อนมืออาหารเป็นแนวคิดจากอเมริกันเพราะผู้โดยสารจำนวนมากเป็นผู้มีอันจะกินจากสหรัฐอเมริกา) อาหารค่ำซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุดประกอบด้วยเมนูอาหาร 10 คอร์ส พร้อมด้วย wine paring ก่อนปิดท้ายด้วยผลไม้ ชีสอย่างดี ชา กาแฟ และบุหรี่ ผู้โดยสารในชั้นนี้ยังสามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว หรือรีเควสเชฟให้ปรุงอาหารพิเศษนอกเมนูได้อีกด้วย
ที่น่าสนในคือ แม้ไททานิคจะเป็นเรือสัญชาติอังกฤษ แต่อาหารที่เสิร์ฟกันในชั้นนี้มักเป็นอาหารฝรั่งเศสซึ่งถือว่าหรูหรากว่าและเป็นที่นิยมในวงสังคมชั้นสูง….อ่านมาถึงตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้ว่าเมนูแบบไหนที่ถูกนำเสนอในคืนสุดท้ายก่อนการจมลงของเรือไททานิค? เตรียมตัวให้พร้อม สำหรับคุณผู้ชาย กรุณาสวม White Tie (สวมสูทเต็มที่และมีเสื้อกักกับหูกระต่ายสีขาว) สำหรับคุณผู้หญิง ชุดราตรีสำหรับกลางคืนดูจะเหมาะสมที่สุด
First course
Oysters
อาหารค่ำเริ่มเสิร์ฟเวลา 6 โมงเย็น พร้อมๆ กับที่พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า หอยนางรมสดเสิร์ฟเป็นจานแรกของงาน on top ด้วยมะเขือเทศสดหั่นสี่เหลี่ยม เลมอน วอดก้า และแรดิช (oyster a la russe)
Second course
Consomme Olga // Cream of Barley
จานซุปมีให้เลือกสองอย่างคือซุปใสเสิร์ฟพร้อม scallop หรือซุปไก่ค้นผสมหัวหอม แครอต เซเลอรี่และขนมปังทอด Consomme Olga เป็นเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรัสเซีย โดยเป็นซุปแบบที่เสิร์ฟกันในราชสำนักของพระเจ้าซาร์
Third course
Poached Salmon with Mousseline sauce Cucumbers
เมนูนี้เป็น signature ของบริษัทเดินเรือไททานิค และมักถูกเสิร์ฟในเรือเดินสมุทรระดับไฮน์คลาส แซลมอนอย่างดีเสิร์ฟคู่ Mousseline sauce (ทำจากเนย ไข่แดง เลมอน และครีม) เสิร์ฟพร้อมแตงกวาสดเป็นเครื่องเคียง
Fourth course
Filet Mignons Lili //Saute of Chicken, Lyonnaise //Vegetable Marrow Farci
เมนูที่สี่เปิดให้ผู้โดยสารสามารถเลือกทานได้สามอย่าง
สำหรับผู้ชื่นชมเนื้อแดง Filet Mignons Lili คืออาหารฝรั่งเศสที่นำเนื้ออย่างดีมาปรุงรสและเสิร์ฟพร้อมสองวัตถุดิบเอกลักษณ์ของยุค - ฟัวกรา (ตับห่าน) และ แบล็คทรัฟเฟิล หนึ่งในเห็ดที่แพงที่สุดในโลก
สำหรับใครที่ชอบเนื้อสีขาว อกไก่อย่างดีนำมานำมาปรุงรสกับหัวหอมที่นำคาราเมไลซ์ตามด้วยไวน์ขาวและซอสมะเขือเทศอาจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
และสำหรับใครก็ตามที่นิยมทานผัก Marrow เป็นคำในภาษาอังกฤษที่หมายถึงซุกินี ผักที่เติบโตได้ดีในพื้นที่อบอุ่น ซุกินีที่เสิร์ฟบนเรือไททานิคนำมาจากเรือนกระจกแบบพิเศษเพื่อควบคุมคุณภาพ ซุกินีถูกนำมาปรุงรสและยัดไส้ด้วยข้าว เห็ด ใบกะเพราและพาเมซานชีส
Fifth Course
Lamb, Mint Sauce //Roast Duckling, Apple sauce // Sirloin of Beef, Chateau Potatoes
Green Pea Creamed Carrot
Boiled Rice
Parmentier and Boiled New Potatoes
หวังว่าทุกท่านคงยังหิวอยู่เพราะเราเพิ่งเดินทางมาถึงอาหารจานหลักที่สามารถเลือกรับประทานได้ 3 อย่าง
เนื้อแกะกับซอสมิ้นท์เป็นอาหารสัญชาติอังกฤษที่มักเสิร์ฟกันในวันอีสเตอร์ ความจริงที่ว่าไททานิคเพิ่งออกเดินทางหลังผ่านเทศกาลอีสเตอร์ไปไม่นานอาจทำให้หลายท่านยังคิดถึงเมนูอาหารจานนี้
เป็ดย่างอย่างดีเป็นเมนูที่เหมาะกับคนชอบทานอาหารรสหวานตัดปรี้ยวเพราะซอสแอปเปิ้ลมักผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
ตัวเลือกที่สามคือเนื้อ Sirloin ซึ่งเป็นส่วนที่มีราคาแพง เสิร์ฟกับมันฝรั่งที่นำมาตัดเป็นทรงกลมเพื่อให้เหมือนเหรียญทอง นำไปย่างกับเนยและพาร์สลีย์
Side dish ที่เสิร์ฟพร้อมอาหารจานหลักคือข้าว ถั่ว แครอท และมันฝรั่งต้ม
Sixth Course
Punch Romaine
หลังทานหนักติดกันมาหลายอย่าง Punch Romaine เป็นเมนูล้างปากที่ช่วยตัดรสชาติก่อนไปต่อในคอร์สที่ 7 เครื่องดื่มที่ว่าทำมาจากน้ำแข็งบด ไซรัป แชมเปญ รัมขาว on top ด้วยลูกพีชและเลมอนสด
Seventh course
Roast Squab and Cress
Squab หรือลูกนกพิราบ เป็นอาหารที่สื่อถึงชนชั้นสูงในยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตะวันออกกลาง และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของตำหรับอาหารฝรั่งเศสจนถึงปัจจุบัน จานนกพิราบบนเรือไททานิคถูกเสิร์ฟพร้อมเบคอนและกระเทียมย่าง
Eighth Course
Cold Asparagus Vinaigrette
หน่อไม้ฝรั่งเสิร์ฟเย็นพร้อมแชมเปญและแซฟฟรอน เครื่องเทศที่แพงที่สุดของยุค
Ninth Course
Pate de Four Gras Celery
ฟัวกรากลับมาอีกครั้งในจานเก้า คราวนี้เสิร์ฟในอุนหภูมิห้อง พร้อมเซเลอรี่และขนมปัง
Tenth Course
Waldorf Pudding // Peaches in Chartreuse Jelly // Chocolate and vanilla Eclairs // French Ice Cream
เมนูของหวานมีให้เลือกสี่อย่างด้วยกัน Waldorf Pudding เป็นเมนูดังจากโรงแรม Waldorf ในนิวยอร์ก มีลักษณะเป็นคัสตาร์ตอบผสมแอปเปิ้ล ลูกเกด ขิง และวอลนัท
Peaches in Chartreuse Jelly เป็นไฮไลท์ของของหวาน เมนูเจลลี่เป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยวิกตอเรียนเพราะสามารถทำเป็นรูปร่างที่หลากหลาย ชาร์สตรูเช่ คือเหล้าหวานสมุนไพรจากฝรั่งเศส ในขณะที่ลูกพีชเป็นผลไม้ที่เติบโตในอากาศอบอุ่น จึงเป็นของหายากใดเดือนเมษายนที่ไททานิคออกเดินทาง
Chocolate and vanilla Eclairs ตัวเลือกสำหรับคนทานหวาน เอแคลร์แบบฝรั่งเศสสอดไส้ครีมวานิลลา on top ด้วยช็อกโกแลต
French Ice cream อาจฟังดูธรรมดาในปัจจุบัน แต่ย้อนกลับไปสมัยนั้นการทำไอศกรีมออกมาให้คงรูปร่างและรักษาความเย็นไม่ใช่เรื่องง่าย ไอศกรีมเป็นของหวานราคาแพงที่สื่อถึงชนชั้นนำและมักเสิร์ฟในงานสำคัญเท่านั้น
หลังผ่าน 10 คอร์สมาราธอน ห้องอาหารจะเสิร์ฟชีสอย่างดีจากสวิส, เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ตามด้วยผลไม้สดและแยม คอร์สสุดท้ายของมื้ออาหารถูกเสิร์ฟในเวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง ก่อนไททานิคจะพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งในอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา (ประมาณ 11:40 P.M.) ในเวลานั้น ผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสส่วนใหญ่กำลังสนุกสนานกับมื้อค่ำแสนหรูหรา โดยไม่รู้เลยว่าอาหารมื้อนี้อาจเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอบคุณคลิปจาก
Tricia 😘 มันงมเจอเมนูที่ก้นสมุทมารึไง...
แล้วส้มตำหายไปไหน...
16 พ.ค. 2563 เวลา 09.33 น.
แต่ละอย่างคือแพงหูดับค่าเงินสมัยนั้นต้องรวยทิ้งรวยขว้างรวยเรี่ยราดขนาดไหนถึงจะได้สัมผัสรสชาติอาหารระดับนี้ได้ เฟริสคลาสจริงๆ
15 พ.ค. 2563 เวลา 20.44 น.
Rainbowsun น้ำลายใหล อยากกิน
16 พ.ค. 2563 เวลา 09.41 น.
poolsawas บันทึกได้ยังกะระลึกชาติ มด ไร ยุง ตัวที่เท่าไหร่กัดโรสที่ทำให้เป็นแผลข้างราวนม ขวา คงมีบันทึก แต่ที่รู้มันคือยุงตัวเมีย1000%
16 พ.ค. 2563 เวลา 09.24 น.
Pummy เศร้ามากกว่า
16 พ.ค. 2563 เวลา 14.51 น.
ดูทั้งหมด