ข่าวดีของสถานการณ์โควิด19 ช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นการที่อู่ฮั่นกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง หลังล็อกดาวน์มา 76 วันเต็ม ๆ
ประเทศไทยเองเพิ่งเริ่มประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่นาน แต่ก็มีทั้งเคอร์ฟิว ทั้งด่านตรวจ เรียกว่าทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างจริงจังและเข้มข้น ประชาชนอย่างเราเองก็พยายามเต็มที่ที่จะช่วยกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ด้วยเหมือนกัน
ในขณะที่การล็อกดาวน์ รวมถึงการกักตัวอยู่บ้าน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้ในการชะลอการระบาดของโควิด19 แต่สำหรับบางคนและบางครอบครัว “การอยู่บ้าน” กลับไม่ได้ปลอดภัยและสบายใจอย่างที่หวัง LINE TODAY ชวนทุกคนมาสำรวจอีกมุมหนึ่งของปัญหาที่เกิดจากกักตัว ที่ส่วนมากเกิดจากความเครียดของการต้องอยู่บ้าน รวมถึงความรุนแรงจากคนใกล้ตัวด้วย
1.ปัญหาสุขภาพจิตของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วย
รูปแบบครอบครัวสมัยใหม่หลายครอบครัวทั่วโลก ไม่ได้มีคุณปู่คุณย่าช่วยเลี้ยงหลานแบบสมัยก่อน บางครอบครัวที่มีลูกเล็กต้องพึ่งพาสถานรับเลี้ยงเด็กระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน พอมีโควิด19 ระบบครอบครัวย่อมเปลี่ยนไป ทุกคนถูกบังคับให้อยู่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ทำงานที่บ้าน สถานรับเลี้ยงเด็กต้องปิดให้บริการ เด็กโตหน่อยก็ต้องเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์บ้านแทน ไม่แปลกที่ผู้ปกครองหลายคนจะหนักใจกับภาระที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความเครียดสะสมเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว เหล่าผู้ปกครองโปรดสำรวจตัวเองด้วยว่ากำลังเครียดเกินเหตุหรือไม่
2.ปัญหาการหย่าร้างเพราะอยู่ด้วยกันมากเกินไป
ประสบการณ์ตรงของทนายคดีหย่าร้างในประเทศจีน สตีฟ ลี (Steve Li) แห่ง Gentle & Trust Law Firm ให้ความเห็นว่างานของเขาเพิ่มมากขึ้นกว่า 25% ตั้งแต่มีการปิดเมืองที่เซียงไฮ้เมื่อกลางเดือนมีนาฯ ก่อนหน้านี้เคสที่เขาเจอประจำคือ “นอกใจ” แต่ตั้งแต่เกิดโควิด19 คนจีนต้องทนอยู่กับบ้านมากขึ้น และในหลาย ๆ เคส ยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งผิดใจกัน ยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งพบว่าตัวเองไม่ได้“ชอบ” คู่ของตนมากขนาดนั้น
เช่นเดียวกับเมืองซีอานและเมืองต๋าโจว ในจีน ที่คดีหย่าร้างทะยานสูงเกือบแซงยอดผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาฯ ที่เพิ่งมีการล็อกดาวน์
แต่คู่รักที่รู้สึกโชคดีก็มีไม่น้อยในสถานการณ์แบบนี้ ขอให้คนที่กำลังเบื่อหน่ายคนรัก ลองมองมุมกลับและนึกย้อนไปดูว่า เรารักกันเพราะอะไร?
เพราะทุกคนต้องการ“พื้นที่ส่วนตัว” ไม่ใช่แค่กับคู่สมรส แต่ทุกคนที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ไม่แปลกที่บางครั้งการกักตัวจึงกลายเป็นพื้นที่แสนอึดอัดสำหรับบางคนไปโดยปริยาย
3.ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวรอบโลก
โควิด19 ระบาดเร็วแค่ไหน ปัญหาความรุนแรงในบ้านก็ระบาดเร็วไม่ต่างกัน โดยเฉพาะกับบ้านที่คู่สมรสมีประวัติความรุนแรงอยู่แล้ว
ในประเทศจีน องค์กร NGO กรุงปักกิ่งต้องง่วนกับการรับแจ้งเหตุความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะเคสที่ผู้หญิงโดนทำร้ายมาตั้งราวเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มตั้งแต่ช่วงที่มณฑลหูเป่ย์ถูกล็อกดาวน์
ในสเปน มีคนโทรเข้าสายด่วนรับแจ้งเหตุความรุนแรงในครอบครัวมากกว่าเดิม 18% ช่วง 2 สัปดาห์หลังจากล็อกดาวน์ ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในเดือนอื่น ๆ ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับประเทศฝรั่งเศส คดีกว่า 30% ที่ตำรวจได้รับแจ้งในช่วงโควิด19 จากทั่วประเทศคือคดีทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นในครอบครัว
หลายเคสจบลงที่การหย่าร้าง ซึ่งก็ไม่ง่ายนัก เพราะในช่วงที่กิจการและองค์กรแทบทุกอย่างต้องหยุดชะงักตามมาตรการ Social Distance การขึ้นศาลเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ผู้เคราะห์ร้ายหลายคนจำต้องอาศัยอยู่กับคนที่ทำร้ายพวกเธอ/เขา ตลอดระยะเวลาที่ต้องกักตัว
ในประเทศอังกฤษอัตราความรุนแรงเหล่านี้ก็เพิ่มสูงขึ้นมากเช่นกัน จนผู้ประกาศข่าว วิคตอเรีย เดอร์บีไชร์ (Victoria Derbyshire) ช่อง BBC ตัดสินใจเขียนเบอร์สายด่วนช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรงไว้บนหลังมือตอนรายงานข่าวไปด้วย เพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายที่อาจกำลังดูรายการของเธออยู่ขณะนั้นได้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้
อย่างไรก็ตาม คนที่สามารถกักตัวกับครอบครัวอย่างสงบสุขก็มีไม่น้อย ซึ่งก็นับเป็นโอกาสดีที่ได้อยู่กับคนที่รักอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัย และอย่าลืมว่าแม้อยู่ด้วยกัน ก็ต้องรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด การกินร้อน ช้อนส่วนตัว ก็ยังจำเป็นต้องทำ อย่างที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แนะนำเสมอ
ระยะหลังดูเหมือนปัญหาที่เกิดจากการกักตัวจะเริ่มปรากฏ ไม่ว่าจะปัญหาครอบครัวที่ผุดขึ้นทั่วโลก ผลกระทบด้านรายได้กับคนบางกลุ่ม หรือสำหรับบางอาชีพที่ไม่มีทางเลือกให้ Work from Home นอกจากมาตรการรัฐที่คลอดออกมารัว ๆ แล้ว เราหวังว่าคงไม่มีใครถูกหลงลืมไว้ข้างหลังในช่วงเวลาที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะโรคระบาดแบบนี้
หากพบสถานการณ์รุนแรงในครอบครัว โปรดแจ้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม ที่เบอร์ 1300
—
อ้างอิง
ปัญหาของครอบครัวมันก็มาจากความเครียด+ความเห็นแก่ตัว ถ้ารู้จักที่จะรักษามันใว้ก็ต้องตกลงกันก่อน งานนั่นของเธอ งานนี้ของฉัน ถ้าใครว่างก็อาจไปช่วยกันทำ ถ้ามีอะไรที่ดูแล้วชักไม่ดีอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิดก็ถอยฉากเสีย หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด ส่วนลูกๆก็เอามาเลี้ยงและต้องปรับตัวคุณเองให้เป็นเพื่อนของลูกไม่ใช่เป็นพ่อเป็นแม่ เรียนรู้การเล่นของลูกแล้วลูกจะไม่วุ่นวายเพราะคุณย่อมเก่งกว่าในการวางแผนมี่จะหลอกล่อให้ลูกเล่นในแบบที่คุณสามารถคุมเกมส์ได้ แค่นี้มันคงไม่ยากสำหรับคนที่คิดจะรักษาครอบครัวใว้หรอกครับ
09 เม.ย. 2563 เวลา 01.45 น.
P'..Ooy.. อยู่เป็นโสดดีที่สุดปากเดียวท้องเดียวไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องคนอื่นมีก็กินไม่มีก็อดได้ ถ้ามีครอบครัวต้องคิดถึงลูก-ผัวต้องหาให้กินงานนอกบ้านในบ้านต้องทำหมดลูกก็ต้องดูคิดกันเอาเองนะเหมือนหาเหาใส่หัว
09 เม.ย. 2563 เวลา 04.12 น.
ในสถานการณ์เช่นนี้คิดที่จะพูดหรือว่าจะทำอะไรก็ตาม ขอให้พยายามมีสติกันเอาไว้ให้มากๆนะครับ แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆครอบครัวด้วยนะครับ.
09 เม.ย. 2563 เวลา 01.25 น.
อยู่ด้วยกันนานเกิน มันน่าเบื่อจริงๆคะ นานๆเจอกันดีกว่า หรือไปทำงานแล้วก็ค่อยกลับมาเจอกันดีกว่า แต่ถ้าอยู่กับลูกนานๆเราไม่เบื่อ เราสบายใจที่เห็นลูกอยู่ในสายตา ได้เห็นเขาปลอดภัย
09 เม.ย. 2563 เวลา 03.11 น.
ปัญหาการชู้ มีกิ๊ก พออยู่ด้วยกันแล้วจับได้ง่ายขึ้น มันแอบคุยกันยากขึ้น เชื่อสิมีเยอะกับสังคมแบบ social
แฟนเก่าก็แอบคุยกับชู้มันในห้องน้ำ ขนาดไม่ต้องกักตัวยังจับได้เลย
09 เม.ย. 2563 เวลา 05.28 น.
ดูทั้งหมด