ไทยออยเผยธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรฟื้นไตรมาส4/65 ไม่ขาดทุนสต็อกน้ำมัน คาดปี 66 ภาพรวมธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน
นางสาวทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 คาดว่าจะฟื้นตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน(stock loss) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2565 เล็กน้อยโดยทรงตัวอยู่ที่กว่า 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่น (GRM) และค่าการกลั่นรวม(GIM) มีแนวโน้มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน หลังจาก Crude Premium ลดลงประมาณ 3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ GRM เพิ่มขึ้นด้วย โดยภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 4/2565 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวปลายปี และอุปสงค์ส่วนเพิ่มจากการหันมาใช้น้ำมันแทนก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น หลังราคาก๊าซฯ อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการเดินทางคาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังหลายประเทศทั่วโลกเริ่มเปิดประเทศและหันมาผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทาง
ทั้งนี้ทิศทางธุรกิจในปี 2566 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากในปี 2566 โรงกลั่นไทยออยล์จะไม่มีการปิดซ่อมบำรุง หลังจากปิดซ่อมหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 2 และหน่วยผลิตหลักอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ปี 2566 สามารถเดินเครื่องกลั่นได้ดีขึ้น ประกอบกับดีมานด์น้ำมันและปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น รวมถึงธุรกิจไฟฟ้า TOP SPP Expansion จะก่อสร้างเสร็จในปี 2566 ส่งผลดีต่อรายได้ของธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนลงทุนในปี 2566 จะยังเน้นการลงทุนใน 2 โครงการขนาดใหญ่ คือ โครงการพลังงานสะอาด ( Clean Fuel Project: CFP ) จะทำให้บริษัทมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ที่จะแล้วเสร็จกลางปีหน้า และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 รวมทั้งการลงทุนธุรกิจโอเลฟินในหุ้น PT. Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยจะเร่งตัดสินใจลงทุนในโครงการ CAP2 ที่จะขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัวเป็น 8.10 ล้านตันต่อปี ภายในสิ้นปีนี้
นายนพดล ปิ่นสุภา รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่า TOP ได้คะแนนประเมินสูงสุด เป็นอันดับ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ ประจำปี 2565 จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการบูรณาการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) อย่างสมดุล ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 7 แล้วที่ TOP ได้รับการประเมินอยู่ในอันดับสูงสุด เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ "สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน"
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews