“กัปตันโสภณ” ไขข้อข้องใจดราม่า “การบินไทย” ทำไม “นักบิน” ต้องนั่ง “First Class”
จากกรณีอดีตข้าราชการระดับสูงออกมาร้องเรียน “เที่ยวบิน TG971” ซูริค-สุวรรณภูมิของการบินไทยที่ดีเลย์กว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากนักบินไม่ยอมนำเครื่องขึ้น เหตุเพราะ นักบิน 4 คนที่จะโดยสารกลับด้วยไม่ได้นั่ง “First Class” นั้น
ล่าสุด (20 ต.ค. 61) กัปตันโสภณ พิฆเนศวร หรือ กัปตันอู รองผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัย และความมั่นคงองค์กร สายการบินนกแอร์ ได้อธิบายสาเหตุที่นักบินต้องนั่ง “First Class” โดยระบุว่า
Deadhead หรือ passive crew หมายถึง นักบินและ/หรือพนักงานต้อนรับที่เดินทางไปด้วยบนเที่ยวบินโดยไม่ได้ทำหน้าที่ในระหว่างไฟลท์ แต่เดินทางไปเพื่อทำหน้าที่หลังจากไฟลท์หรือเดินทางกลับบ้าน
ทำไมต้องมี dead head? กล่าวถึงเฉพาะด้านนักบินเพื่อให้เห็นภาพถึงสถานการณ์ที่ต้องเดินทางเป็น dead head กันครับ
ปกตินักบินจะบินเครื่องบินได้เฉพาะแบบ เช่น คนที่บิน B777 ก็บินได้เฉพาะ B777 นักบิน B747 ก็บินได้เฉพาะ B747 นักบิน B777 แม้ว่าจะเคยบิน B747 มาก่อนอยู่ ๆ วันนี้จะบิน B747 เลยไม่ได้
(นักบินนั้นถูกกำหนดตามกฏหมายให้บินเครื่องบินได้เพียงแบบเดียว หากจะบินเครื่องบินสองแบบต้องมีการขออนุมัติและมีมาตรการการฝึกและกำกับดูแลเพิ่มเติม ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วสายการบินจะให้บินเพียงแบบเดียวเท่านั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้เกิดความสับสนและทำให้เกิดข้อบกพร่องในด้านคุณภาพการบิน)
การทำงานของนักบินจะมีการกำหนดระยะเวลาทำงานสูงสุดที่สามารถทำได้ต่อวัน ซึ่งก็คือประมาณ 11 – 13 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เริ่มต้นทำงาน และโดยปกติแล้วเที่ยวบินที่เดินทางจากกรุงเทพไปตามเมืองต่าง ๆ ในยุโรปนั้นจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้น เมื่อไปถึงนักบินจึงบินกลับมาเลยไม่ได้จะต้องลงนอนพักผ่อนที่ปลายทางก่อนที่จะทำการบินกลับ (ดูช่วงเวลาการพักผ่อนขั้นต่ำด้านล่าง)
ส่วนเครื่องบินนั้นจะเดินทางรับผู้โดยสารกลับมาเลยในวันเดียวกันนั้นโดยใช้นักบินอีกชุดหนึ่งที่ไปถึงก่อนหน้าแล้ว 1 วัน (ขึ้นอยู่กับตารางการบินและการจัดการด้านการเคลื่อนย้ายกำลังพลด้วย) เรามาดูตัวอย่างกันชัด ๆ ว่าเมื่อไหร่ต้องมี dead head
หากวันที่ 1 เครื่องบิน B777 บินไปที่สนามบิน A นักบินก็จะลงนอนค้างคืนเพื่อพักผ่อนก่อนที่จะต้องบินกลับ แต่หากวันที่ 2 จำเป็นต้องใช้เครื่องบิน B747 บินไปที่สนามบิน A นักบิน B777 ที่บินไปถึงเมื่อวันที่ 1 ก็จะถูกกำหนดให้เดินทางกลับเป็น dead head บนเที่ยวบินขากลับในวันที่ 2 นั่นเลย นักบินที่บิน B747 กลับในวันที่สองก็คือ นักบินชุดที่เดินทางมากับเครื่องบิน B777 เมื่อวันที่ 1 โดยเป็น dead head มานั่นแหละ
สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแบบเครื่องบินแบบนี้จึงต้องมีการเดินทางของ dead head แต่ถ้าวันที่ 3 เครื่องบินก็จะเปลี่ยนไปใช้ B777 ใหม่ นักบินก็อาจจะไม่ต้องเดินทางกลับ บริษัทอาจจะให้พักเพิ่มอีกหนึ่งวันเพื่อรอรับเครื่องบินที่มาถึงในวันที่ 3 และบินกลับไปกรุงเทพฯ นักบิน B747 ก็จะเป็น dead head กลับบนเที่ยวบินของ B777 แบบนี้เป็นต้น
อย่างที่ผมกล่าวมาแล้วในช่วงต้น ๆ ว่า dead head นั้นเป็นนักบินและหรือพนักงานต้อนรับที่เดินทางในเที่ยวบินแต่ไม่ได้ได้ทำหน้าที่ลูกเรือ dead head จึงถูกกำหนดให้นั่งที่นั่งผู้โดยสารและทำตัวเสมือนเป็นผู้โดยสารทุกประการ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นเช่น การที่จะต้องอพยพออกจากเครื่องบิน dead head ก็จะสามารถทำการร่วมช่วยเหลือผู้โดยสารได้
เครื่องบิน B747-400 นั้นมีที่นอนสำหรับนักบิน อยู่ 2 ที่ แม้ว่าจะเป็นห้องเล็ก ๆ แต่ส่วนตัวแล้วผมว่า พักผ่อนได้สบายกว่าเก้าอี้นั่งของผู้โดยสาร เพราะเป็นเตียงนอนราบแต่ไม่ได้มีอุปกรณ์ในการให้ความบันเทิงใด ๆ เหมือน A380 หรือเครื่องบินรุ่นหลัง ๆ ซึ่ง pilot rest facility นั้นเป็นเตียงที่มีจอ LCD เพื่อให้ดูหนัง ฟังเพลงได้ เพราะจุดประสงค์ไม่ได้เอาไว้นอนอย่างเดียว เค้ามีไว้เพื่อให้ผ่อนคลายหรือพักผ่อนในระหว่างเที่ยวบิน เตียงที่ติดตั้งนั้นจะมีเพียง 2 เตียง และอยู่ใกล้หรืออยู่ในส่วนที่เป็นห้องทำงานของนักบินหรือ cockpit และทั้งสองเตียงนั้นมีไว้เพื่อนักบินที่เป็น active crew ปกติยุโรปใช้นักบิน 4 คน โดยหลังจากเครื่องบินวิ่งขึ้นไปแล้ว นักบิน 2 คนจะถูกจัดตารางให้ไปพักผ่อนเพื่อมาสลับกับชุดที่นั่งประจำที่นั่งด้านหน้าเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ดังนั้นเตียง 2 เตียงจึงถูกใช้งานตลอดทั้งไฟลท์ ไม่ได้มีไว้สำหรับ dead head
บางสถานการณ์อย่างเช่น การรอ ควรจะต้องมี สถานที่พักผ่อนที่เหมาะสม suitable rest facility คือสามารถนอนราบได้ 180 องศา duty period จึงจะไม่นับช่วงเวลาที่รอว่าเป็น duty period เรื่อง suitable rest facility นี้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการด้านของความเหนื่อยล้า fatigue risk
ที่นั่ง first class ก็จัดเป็น suitable rest facility หรือ สถานที่พักผ่อนที่เหมาะสม แต่ที่นั่ง business class นั้นเป็นเพียง adequate rest facility หรือ สถานที่พักผ่อนที่เพียงพอ
เรื่องของ duty period และ flight duty period ของนักบินนั้นเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เนื่องจากนักบินนั้นมีข้อจำกัดที่ถูกกำหนดชั่วโมงสูงสุดในแต่ละเรื่องกำกับเอาไว้ละเอียดยิบย่อย
เพราะด้วยความที่ flight duty period นั้นถูกจำกัดช่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่สูงสุดเอาไว้ แม้ว่าจะเป็น dead head ก็จำเป็นจะต้องควบคุมเรื่องของ duty period เพราะหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้นักบินเพื่อบินเที่ยวบินใด ๆ ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงตาราง หรือมีเครื่องบินแบบไหนเสียต้องใช้เครื่องบินอีกแบบหนึ่งเพื่อบินทดแทนขึ้นมา dead head อาจจะไม่สามารถไปบินทดแทนการขาดกำลังพลได้เพราะติดเรื่องของ maximum duty period
จริง ๆ รายละเอียดเรื่องนี้เขียนอธิบายให้ชัดเจนได้ไม่มากนักครับ มันคงจะยืดยาวเกินไป เอาเป็นว่าหากสนใจรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ให้ อ่านเรื่องข้อกำหนดด้าน flight time and flight duty period ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
https://www.caat.or.th/wp-cont…/uploads/…/12/flight-time.pdf
เรื่องการตีความและการใช้งานข้อกำหนดกฏหมาย เป็นเรื่องที่มีรายละเอียด ต้องอาศัยประสบการณ์และการตีความให้ชัดเจน เรื่องของ duty period จึงมีความสำคัญไม่น้อยครับ
ขอบคุณเฟซบุ๊ค Sopon Phikanesuan
นักบินจะได้สิทธิพิเศษอะไรก็ไม่เกี่ยวกับการบริการผู้โดยสารนะครับ พวกคุณบริหารจัดการผิดพลาดเองแล้วมาให้ผู้โดยสารรับกรรมเนี่ยนะ มันไม่ถูก
21 ต.ค. 2561 เวลา 01.08 น.
dr.เฉลิมพล รับไม่ได้ก็ลาออกไปครับถ้าแน่จริง ไปแก้ที่ระบบคุณ อย่ามาลงกับผู้โดยสาร เจอแบบนี้คนหนีไปบินสายอื่นหมด แล้วมาบ่นว่าขาดทุน
21 ต.ค. 2561 เวลา 01.11 น.
ก้องเสือเก่า ก็ดันขายที่นั่งจนหมด แล้วมาไล่ลูกค้าลง ก็ไม่แปลกใจที่ขาดทุนตลอด
21 ต.ค. 2561 เวลา 01.10 น.
Bavo5 คำถามกับคำตอบตรงกันมาก สรุปไม่ได้ทำหน้าที่แต่อยากนั้ง
21 ต.ค. 2561 เวลา 01.11 น.
+ Charn อ่านแล้วงง
20 ต.ค. 2561 เวลา 23.55 น.
ดูทั้งหมด