ยิ่งออกอากาศเนื้อหาก็ยิ่งเข้มข้นน่าติดตามขึ้นเรื่อยๆ สำหรับละครสืบสวนที่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “เลือดข้นคนจาง” ที่ทุกคนต่างก็กำลังพยายามค้นหาความจริงว่าใครฆ่าประเสริฐ และนอกจากนักแสดงรุ่นเล็กรุ่นใหญ่กว่าสิบชีวิตที่ยกทัพมาประชันฝีมือการแสดงในละครเรื่องนี้แล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่ผู้ชมต่างให้ความสนใจไม่แพ้กัน ก็ต้องยกให้บทของ “อาม่าปราณี” ที่ได้นักแสดงชั้นครู “ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน” มาแสดง เรียกว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ เพราะครูเล็กได้โชว์ฝีมือการแสดงขั้นเซียน เก็บรายละเอียดทุกการเคลื่อนไหว ทำให้คนดูเชื่อว่าเธอคืออาม่าตัวจริงเสียงจริงเลยทีเดียว
ปัจจุบันครูเล็กมีอายุครบ 70 ปีเต็มแล้ว เป็นผู้อำนวยการและครูสอนการแสดงของภัทราวดีเธียเตอร์ และมีโรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษาอยู่ที่หัวหิน และยังได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงประจำปี พ.ศ.2557 เป็นเครื่องการันตีด้วยว่าความสามารถด้านการแสดงของเธอคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นครูเล็กประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานแบบนี้ แต่เชื่อไหมคะว่าเธอก็เคยผ่านช่วงเวลาวิกฤตอย่างการป่วยด้วยโรคซึมเศร้าที่รุนแรงถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้ว โดยครูเล็กได้เปิดใจกับรายการคุยแซ่บ Show ว่าถ้าตายเสียดายแย่ โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ไม่เคยรู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่ตอนนั้นที่เป็นเกิดจากการที่เธอทำแต่งานแล้วไม่เคยได้ไปดูหนัง ดูละคร หรือฟังเพลง การทำแต่งานทำให้สิ่งที่มีอยู่ถูกรีดไถออกไปทั้งหมดจนไม่เหลืออะไร คิดอะไรไม่ออก จากที่เคยเขียนละครได้ก็เขียนไม่ออก ก็ยิ่งเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า และตอนที่เป็นนั้น ครูเล็กก็อายุเพียงยี่สิบกว่าเท่านั้นเอง
ครูเล็กเล่าว่าตอนนั้นทำงานอยู่ที่ช่อง 3 ทำตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งเขียนทั้งเล่นละคร เป็นคนไฮเปอร์แล้ววันหนึ่งคิดอะไรไม่ออก ก็โกรธมาก ซึ่งป่วยอยู่เป็นปี กำกับละครอยู่ก็ร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ มาเห็นป้ายช่อง 3 ก็อาเจียน เธอบอกว่าอยากหลับ อยากหนีทุกข์ จึงหนีด้วยการทานยานอนหลับ แรกๆ เม็ด 2 เม็ดก็หลับ หลังๆ จาก 5 เม็ดกลายเป็น 10 เม็ด 15 เม็ด ทานเป็นอาหารเย็นไปเลย แต่ดีที่ยังไม่ตาย
สำหรับทางออกนั้น ครูเล็กบอกว่าเธอโชคดีที่ได้เจอเพื่อน คือคุณจรัล มโนเพ็ชร ซึ่งเป็นผู้จัดการของวง The Impossible เมื่อก่อนคุณจรัลเป็นคนผอม แต่ตอนที่ได้เจอกันอีกครั้งคุณจรัลแก้มเป็นสีชมพู อ้วนท้วน จึงถามว่าไปทำอะไรมา คุณจรัลก็บอกว่าไปนั่งสมาธิมาและบอกให้ครูเล็กไปลองนั่งดู ครูเล็กก็ไป เพราะรู้สึกว่าทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้หาย รำคาญตัวเอง คุยกับใครเขาก็หนีหมด เหลือแต่ธนาคารที่มาเยี่ยมเพราะเป็นหนี้เขา หลังไปปฏิบัติธรรมกลับมาก็ยิ้มออก การนั่งสมาธิเหมือนการลบเทป เหมือนบ้านสกปรกที่ต้องล้างให้สะอาด แล้วก็ไปฟังธรรม อ่านหนังสือ คุยกับคนที่มีความรู้ด้านนี้ รู้สึกว่าการได้คุยกับคนที่มีความรู้มันประเทืองปัญญา ทำให้เริ่มคิดอะไรได้ เริ่มวิเคราะห์และเข้าใจ แล้วพูดสรุปว่าเวลาเป็นทุกข์ เวลามีปัญหา ก็แค่มองที่ทุกข์แล้วเราจะเข้าใจมัน ถือเป็นแง่คิดดีๆ จากคนบันเทิงชั้นครูที่นำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องเลยล่ะค่ะ
*กดติดตาม ADD Line @UndubZapp *
---
อัปเรื่องแซ่บ ฟีดเรื่องมันส์ เม้าท์ทันเพื่อน
Facebook: @UndubZapp
Instagram: @UndubZapp
thisisme_789 ชื่นชอบผลงานครูมาตลอดตั้งแต่สมัยภัทราวดีเธียเตอร์ ซอยวัดระฆัง
19 ต.ค. 2561 เวลา 01.20 น.
pimrawee ชอบลูกสาวคุณภัทราวดีค่ะ น่ารัก ไม่ดัดจริต
18 ต.ค. 2561 เวลา 01.20 น.
สราวุธ.ช0636539353 ตอนคนยังใช้เฟ็ซบุ๊คไม่เยอะมาก
ติดตามกันตอนสมัครเฟ็ซบุ๊คใหม่ๆ
มีโอกาสได้ คุย ถาม ตอบกลับ
คุณภัทราวดี เป็นกันเองมากครับ
18 ต.ค. 2561 เวลา 00.46 น.
ย่าจุ๋ม ชอบเธอมากคะตั้งแต่เธอเป็นสาว
18 ต.ค. 2561 เวลา 00.24 น.
ชลชัยชนะ ละกิเลศความปราถณาไม่ได้จะตายยังเสียดายโน่นนี่ ละไม่ได้วางไม่ไเ้ตายไปก็ทุกข์อยู่ดี
17 ต.ค. 2561 เวลา 23.05 น.
ดูทั้งหมด