โซนี่ (Sony) เปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำเดือนเม.ย. - มิ.ย. โดยยังทำกำไรได้ดีในช่วงวิกฤติโควิด-19 จากการที่คนเล่นเกมเยอะขึ้นในช่วงกักตัว
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดของบริษัทโซนี่ ที่ปิดรอบบัญชีเมื่อเดือนมิ.ย. โดยทำกำไรไปได้ 228,000 ล้านเยน (ประมาณ 67,000 ล้านบาท) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1.1% แต่ยังมากกว่าตัวเลขเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์เอาไว้ที่ 137,000 ล้านเยน
ธุรกิจที่ทำกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้แก่ ธุรกิจเกม และ บริการทางการเงิน ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เพลง รูปภาพ เซนเซอร์กล้อง และอื่นๆ ล้วนมีรายได้ลดลงทั้งหมด
ยอดขายเกม The Last of Us Part II ที่ขายได้เกือบ 4 ล้านชุดใน 3 วันแรกที่วางจำหน่ายเมื่อเดือนมิ.ย. ถูกยกให้เป็นไฮไลท์ของไตรมาสนี้ โดยยังไม่รวม Ghost of Tsushima ที่วางขายในเดือนก.ค. และประสบความสำเร็จด้านยอดขายไปเรียบร้อย ซึ่งน่าจะทำให้โซนี่ยังมีกำไรจากการขายเกมอย่างต่อเนื่อง
และในช่วงปลายปีนี้ ทางโซนี่ยังมีแผนที่จะปล่อยเครื่องเกมคอนโซลตัวใหม่อย่าง PlayStation 5 ที่มีรายงานว่าทางบริษัทตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่า เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เครื่องเกม Nintendo Switch ของบริษัทนินเทนโดเคยขาดตลาดมาแล้วในช่วงที่ผู้คนกักตัวอยู่บ้าน
ส่วนธุรกิจเซนเซอร์กล้องที่ทางโซนี่ผลิตให้แอปเปิ้ล (Apple) และ หัวเว่ย (Huawei) นั้น มีการคาดการณ์ว่าจะทำกำไรได้เพียง 130,000 ล้านเยน ลดลงจากปีก่อนที่เคยทำไว้ 235,6000 ล้านเยน เนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลง
แม้ว่าธุรกิจเกมจะสามารถทำกำไรชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้ แต่ทางโซนี่ยังคงระมัดระวังกับการคาดการณ์ผลกำไรประจำปี โดยหวังไว้เพียงแค่ 620,000 ล้านเยน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลง 26.7% จากปีที่แล้ว