ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจาก บมจ.ปตท.ได้ถูกโลกโซเชียลมีเดียรุมโจมตีอย่างหนัก เกี่ยวกับประเด็นการขายน้ำมันแพงแพงกว่าเพื่อนบ้าน การปรับขึ้นราคาน้ำมันโดยไม่บอกประชาชน และปตท.มีกำไรเยอะจากการผูกขาด ล่าสุด นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ได้ออกโรงโพสต์ชี้แจงผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Tevin at ptt โดยตั้งหัวข้อเรื่องว่า ”หยุดเติมน้ำมัน ปตท.” อารมณ์ เหตุผล หรือเจตนาแอบแฝง? โดยใจความสำคัญมีการตั้งคำถามถึงขบวนการโจมตีปตท.ว่ามีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่ออะไร ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง ใครได้ประโยชน์อะไรจากการที่ทำให้บริษัทพลังงานของชาติเสียหายและอ่อนแอลง และจะลงโทษพวกที่ชอบสร้างกระแสในโลกโซเชียลมีเดียจากความเท็จ หรือพูดจริงครึ่งเดียวได้อย่างไร
นอกจากนี้นายเทวินทร์ยังได้ชี้แจง 8 ข้อกล่าวหาที่ตกเป็นจำเลยสังคมออนไลน์ เช่น ปตท.ขายน้ำมันแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความเห็นว่า ปตท.มีการขายน้ำมันทั้งแพงกว่าและถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบราคากับเพื่อนบ้าน โดยมาเลเซียขายต่ำที่สุดในภูมิภาค สิงคโปร์สูงสุด ขณะที่ประเทศอื่นๆใกล้เคียงกับเรา โดยปกติต้นทุนของราคาขายปลีกเนื้อน้ำมันและค่าการตลาดของผู้ค้าจะไม่ต่างกันมากนัก แต่สาเหตุที่ทำให้ราคามีความแตกต่างกันมาก คือภาษีที่รัฐบาลแต่ละประเทศเป็นผู้กำหนด
ส่วนประเด็นที่ว่า ปตท.ส่งออกน้ำมันถูกกว่าที่ขายในประเทศ นายเทวินทร์ชี้แจงว่า ราคาส่งออกใกล้เคียงกับราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายในประเทศ และราคาที่ ปตท. ส่งออกเป็นราคาตลาดในภูมิภาคซึ่งจะสะท้อนราคาเนื้อน้ำมันเป็นหลักซึ่งไม่ได้รวมภาษีสรรพามิต ขณะเดียวยังได้ปฏิเสธประเด็นปตท.แอบขึ้นราคาน้ำมันต่อเนื่องโดยไม่บอกประชาชนว่าไม่เป็นความจริง โดยการขึ้นราคาขายปลีกในประเทศเป็นไปตามราคาตลาดโลก ไทยมีโรงกลั่นเองแต่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาน้ำมันดิบโลกมีราคาขึ้น 20 % ปตท.ก็ต้องปรับราคาขายปลีกเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาค่าการตลาด 1.60-1.80 บาทต่อลิตร และในช่วงวันที่ 26 เม.ย. กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือผู้ค้าทุกรายไม่ให้ประกาศล่วงหน้าเพื่อสร้างการแข่งขันด้านราคา ปตท.ก็ปฏิบัติตามซึ่งไม่ใช่มีเจตนาปิดบัง และเมื่อกระทรวงพลังงานอนุญาตก็กลับมาประกาศราคาล่วงหน้าแล้ว
นายเทวินทร์ชี้แจงว่า สำหรับที่ระบุว่า ปตท.กำไรเยอะจากการผูกขาดขายน้ำมันแพงนั้น ไม่เป็นความจริง ธุรกิจค้าขายน้ำมันเป็นตลาดเสรี มีผู้ค้ามากมายกว่า 30 ราย แต่ละรายมีสิทธิตั้งราคาเอง ณ สิ้นปี 60 ปตท. มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2.23 ล้านล้านบาท มีกำไร 135,000 ล้าน คิดเป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ 6% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการทำธุรกิจทั่วไป ขณะที่กรณีที่ระบุว่านายทุน นักการเมืองเป็นเจ้าของ ปตท. นั้นก็เป็นเรื่องเท็จอีกเช่นกัน เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ของปตท.ยังเป็นรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักษ์ถือหุ้นถึง 63.5 % ส่วนอีก 32 % ถือโดยสถาบันการเงิน กองทุน และมีเพียง 4.5 % ที่ถือโดยนักลงทุนรายย่อย
“สุดท้ายผมขอยืนยันว่า ผมและชาว ปตท.ทุกคน ตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของคนไทยอย่างยั่งยืน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แคร์คนไทย และจะปลดพนักงาน ตามที่มีเพจลงข้อความที่เป็นเท็จ”
PWS ไม่สามารถทำราคาถูกกว่ามาเลย์ได้?!?!
ก็ยุบ ปตท.ไปเถอะ!!!!
ยังมีอีกหลายบริษัทเขาทำได้!!!!
27 พ.ค. 2561 เวลา 13.46 น.
ผลสุดท้ายก้อได้ผลกำไรเกินคาดคึเก่าคึมันคือข้ออ้างจบ ลดเติมปตทถาวร
27 พ.ค. 2561 เวลา 14.15 น.
SeDaTer อย่าเขียนยาวครับ คนเขาไม่อ่านกัน ขอแบบสั้นๆ เช่น "ปตท แจง ราคาน้ำมันแพงเก็บภาษีบำรุงชาติ" ส่วนคนบริหารชาติจะเอาไปทำไรก็....
27 พ.ค. 2561 เวลา 12.29 น.
Chai Nut คนไทย มิได้ทานหญ้าเป็นอาหารครับ
27 พ.ค. 2561 เวลา 15.07 น.
ประเสริฐ โชโตวงษฺ บ่อ่าน NO ปตท
27 พ.ค. 2561 เวลา 13.04 น.
ดูทั้งหมด