24 มี.ค.61-นางปรียาภรณ์ หงส์โต หรือศรีพิมพ์ อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 3/10 ซอยประชาสามัคคี ถนนนครพนม-ท่าอุเทน ต.อาจสามารถ เขตเทศบาลเมืองนครพนม รับราชการครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว เนื่องจากถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครพนม ประกาศยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นบ้านที่ตนเองเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีหนี้สิน
นางปรียาภรณ์ เล่าถึงที่มาที่ไปก่อนจะถูกยึดทรัพย์ว่า ประมาณกลางเดือนตุลาคม 2548 ตนเพิ่งคลอดลูกสาวได้ไม่ทันถึงเดือน กำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านมีนายต้อย(นามสมมุติ) มีศักดิ์เป็นอา เข้ามาหาที่บ้านขอร้องให้ช่วยเซ็นหนังสือค้ำประกันให้หน่อย เพราะจะเอาลูกสาวเข้าทำงาน ด้วยความสงสารอยากให้หลานมีงานทำ ด้วยความไว้ใจประกอบกับ นายต้อยเร่งเร้าคะยั้นคะยอ ในระหว่างให้นมลูกจึงไม่ได้อ่านรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว จึงเซ็นชื่อมอบให้ไปดำเนินการ
เวลาผ่านไปประมาณ 4-5 ปี มีจดหมายจากบริษัทมิตรแท้ประกันภัย ส่งหนังสือทวงหนี้มาทวง ระบุตนเป็นผู้ค้ำประกัน นางวัชรวรรณ ราญมีชัย ในวงเงิน 120,000 บาท รู้สึกงุนงงมากเพราะไม่เคยรู้จักบุคคลผู้นี้มาก่อน จึงวานคุณพ่อช่วยสืบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร กระทั่งสืบทราบว่าเป็นเมียของญาติทำงานที่เดียวกับนายต้อย ซึ่งเป็นอาแท้ๆของตนเองและมีบ้านอยู่ในพื้นเดียวกัน ตนจึงไปที่บ้านบุคคลทั้งสอง จึงพบตัวนางวัชรวรรณ อยู่กับสามี สอบถามแล้วนายต้อยรับปากว่าจะเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้ขาวสะอาด ตนเชื่อใจเพราะเป็นอาแท้ๆ
ต่อมาไม่นานมีหมายศาลจังหวัดนครพนมส่งมาที่บ้านระบุให้ไปขึ้นศาลในคดีหมายเลขดำที่ 334/2553 และคดีหมายเลขแดงที่ 896/2553 ตนรีบกลับไปหานายต้อยอีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบให้อยู่เฉย ๆ จะให้คนที่เอาเงินไปจัดการปัญหาเอง และตนซึ่งทำงานรับราชการมีงานมากมาย ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล จึงได้ปล่อยให้อาแท้ ๆ จัดการ เพราะไว้วางใจในฐานะเป็นญาติ และทราบภายหลังว่าอาของตนนำเอกสารค้ำประกันไปทำ นิติกรรมกับบริษัทมิตรประกันภัย สาขานครพนม เพื่อนำเงินให้ นางวัชรวรรณเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ยอมใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว
กระทั่งวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนถึงกับช็อกเพราะมีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครพนม ประกาศยึดทรัพย์คือโฉนดที่ดินเลขที่ 44276 เลขที่ดิน 59 หน้าสำรวจ 4846 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเลขที่ 3/10 ซึ่งตนเพิ่งสร้างเสร็จเพียงไม่กี่เดือน โดยประเมินราคาไว้เป็นเงินทั้งสิ้น 962,280 บาท ตนรีบไปหาอาและสามีของนางวัชรวรรณ คนทั้งสองนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน บอกแค่คำเดียวว่าไม่มีเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นก็โทรศัพท์ขอเคลียร์กับญาติๆทุกคน กลับถูกนายต้อยด่าสาดเสียเทเสียว่าอยากจะทำอะไรก็เชิญ และไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ตนหมดหนทางจึงมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าวดังกล่าว และจะเดินหน้ายื่นหนังสือร้องผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านศูนย์ดำรงธรรม และยุติธรรมจังหวัดต่อไป
กิตติคุณ พอไม่คัำประกันก็บอกว่าไม่ช่วยเหลือ พอช่วยเหลือ ได้ไปแล้ว ก็เป็นแบบนี้ เจอมาแล้ว สุดท้าย คนค้ำต้องจ่ายเอง ..
24 มี.ค. 2561 เวลา 15.21 น.
aeaw (胡 再 耀) เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนเลยว่า. ห้ามค้ำประกัน ให้ใครๆทั้งสิ้นแม้จะเป็นญาติสนิทก็ตาม. ตัวอย่างมีให้เห็น หมดเนื้อหมดตัวมาเยอะแล้ว แถมคนทำก็ไม่มีทางสงสารเรา บางคนอาจจะเยาะเย้ยว่า อยากโง่มาเชื่อทำไมซะอีก
24 มี.ค. 2561 เวลา 15.29 น.
ให้มาบีบคอให้ตาย ก็ไม่เซ็นค้ำใคร อยากโกรธๆ ไปเลย เลิกคบ ก็อย่าได้แคร์ เพราะตอนโดนจิก เราตายคนเดียว
24 มี.ค. 2561 เวลา 15.26 น.
เลวเนาะ ขนาดญาติกันแท้ๆ
24 มี.ค. 2561 เวลา 15.19 น.
kunk909 ญาติชาติชั่ว
24 มี.ค. 2561 เวลา 15.20 น.
ดูทั้งหมด