ทั่วไป

หมอแล็บ เตือน! อย่ากินค้างคาว

NATIONTV
เผยแพร่ 23 ม.ค. 2563 เวลา 11.21 น. • Nation TV
หมอแล็บ เตือน! อย่ากินค้างคาว

ไวรัสโคโรน่า หรือที่เรียกกันตามสถานที่เกิดระบาด คือ "ไวรัสอู่ฮั่น" ตัวใหม่นี้เชื่อกันว่ามีต้นตอการระบาดมาจาก "ตลาดขายของป่า" แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลายฝ่ายกังวลว่าลักษณะการระบาด อาจจะคล้ายกับโรคซาร์ส ที่เกิดเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดขยับไปเป็น 17 รายแล้ว หรือเกือบ 2 เท่าของตัวเลขก่อนหน้านี้ คือ 9 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเมืองอู่ฮั่นตั้งอยู่ ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่มากกว่า 552 คน ในส่วนของจีนมีอยู่ 541 คน ในฮ่องกงก็มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 2 รายแรก ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากไทยที่พบ 4 คน ในส่วนที่นอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุดทางเพจ หมอแล็บ โดยทางเพจได้เกี่ยวอธิบายเรื่องนี้ว่า………

หลายคนอาจจะแย้งว่า มาเตือนทำไมว้า ใครจะบ้าไปกินค้างคาว 5555555ไม่ใช่แค่คนจีนนะครับ คนไทยก็กิน เคยเป็นข่าวเมื่อ 3 ปีก่อน ชาวบ้านเอาค้างคาวมากินเพราะเชื่อว่าจะแก้หนาวได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ใครบอกว่าความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล ความเชื่อไม่ทำร้ายใคร ตอนนี้ทำร้ายคนอื่นแล้วนะครับ มีการติดโรคและแพร่เชื้อ ตายประมาณ 17 คน ล่าสุดมาถึงนครปฐมแล้ว

ผมกำลังพูดถึงไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นนี่แหละ นักวิชาการเค้าสงสัยว่าจะมาจากค้างคาวมากที่สุด เพราะดีเอ็นเอมันเหมือนกับโคโรน่าไวรัสจากค้างคาวที่เคยเจอถึง 87%

มีงานวิจัยยืนยันว่าตรวจเจอไวรัสมากกว่า 60 ชนิด จากค้างคาวทั่วโลก ซึ่งหลายชนิดทำให้เกิดโรคในคนได้ด้วยครับเช่น ไวรัสตระกูลโรคพิษสุนัขบ้า ไวรัสอีโบล่า ( Ebola ) ไวรัสซาร์ ( SARS ) ไวรัสนิปาห์ ( Nipah) และล่าสุด ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นก็น่าสงสัยว่ามาจากค้างคาว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เพราะเมื่อค้างคาวติดเชื้อไวรัส มันอาจจะไม่แสดงอาการอะไรเลย หรือมันป่วยนั่นแหละ แต่มันไม่บอกเรา 555555ไวรัสบางชนิดทำให้ค้างคาวป่วยหนักจนตาย แต่บางตัวก็หายเอง และยังคงแพร่เชื้อต่อไปได้

การปรุงสุกอาจจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่อย่าลืมนะครับ เรามีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่การจับค้างคาวและการชำแหละ เพราะเชื้อไวรัสจะมีการสะสมอยู่ทั้งในเลือด น้ำลาย และเครื่องในเหมือนเราไปคลุกคลีกับคนเป็นหวัดนั่นแหละ มีโอกาสติดเชื้อโดยที่ยังไม่ทันได้กินเลย

ตอนนี้ค้างคาวมีการนิยมเอามากินแถวๆในภาคใต้ของจีน นอกจากชาวจีนก็มีคนบางกลุ่มในอาเซียนเราที่ยังนิยมกินเนื้อค้างคาวในฐานะอาหารเปิบพิสดาร

ชาวจีนหลายคนเชื้อว่าการกินเนื้อคางคาวช่วยรักษาอาการโรคหืด โรคไต และอาการเจ็บป่วยทั่วไป แต่ที่ไหนได้ มันกลับกลายเป็นตัวการของโรคทางเดินทางใจเฉียบพลันรุนแรง นอกจากนั้นยังเอาขี้ค้างคาวมาทำยาแผนโบราณอีกต่างหาก

บางคนก็เชื่อว่าเลือดของค้างคาวช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ และไขมันที่สะสมอยู่ในตัวค้างคาวจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแก้หนาวได้ 55555 อันนี้ฮาดี หนาวก็ห่มผ้าสิคร้าบบบบ

แต่สุดท้าย นอกจากจะไม่ช่วยรักษาโรค ยังกลายเป็นติดเชื้อไวรัสกันทั่วโลก ติดต่อจากคนสู่คน แถมเชื้อยังกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ

ดังนั้นใครที่เคยกินค้างคาว ถ้าป่วย เป็นไข้ ควรแจ้งแพทย์ด้วยว่า "ผมกินค้างคาวมาค้าบ" เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยโรค และก็อย่าไปกินอะไรแปลกๆอีกล่ะครับ ขอร้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 24
  • Anongnat 💕559
    มนุษย์เรานี้แหละน่ากลัวสุด ตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดทั้งมวล
    23 ม.ค. 2563 เวลา 15.55 น.
  • Angkana Som-on
    ลืมบอกว่ากี่องศาเซลเชียส
    23 ม.ค. 2563 เวลา 15.32 น.
  • Angkana Som-on
    กินแบบค้างๆคาวๆได้ไหมแบบผ่านความร้อนแล้วกี่องศาดี Temparatureหนะเคลวินประเทศไหนอ่ะ หมื่นฟาร์เรนไฮท์ FCไมโครเวฟใช้เป็นบ่
    23 ม.ค. 2563 เวลา 15.19 น.
  • yui
    แดกไม่เลือกก็พี่จีนนี่ล่ะ สุดท้ายก็ได้โรคใหม่มาแพร่เชื้อให้เดือดร้อนกันไปหมด เย๊ะกับคนก็ไม่มีโรค อุตริไปเย๊ะกับสัตว์ ก็ได้โรคมาอีก วิตปริต วิตถารกันเอง มนุษย์นี่แหละตัวดี
    23 ม.ค. 2563 เวลา 13.34 น.
  • Wicharit Leingcheeps
    คนพวกนี้แหละที่เกิดมาเพื่อเอาโรคแปลกๆมาแพร่บนโลกใบนี้ กินอาหารแปลกๆ มีเพศสัมพันธ์กับสัตวอะไรแบบนี้ มันจะเกินสัตว์เดรัจฉานกันไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนมีความคิดมากเกินกว่าสรรพสัตว์ทั่วไปนั่นเอง
    23 ม.ค. 2563 เวลา 13.20 น.
ดูทั้งหมด