สุขภาพ

10 ข้อห้ามของคนตั้งท้อง ห้ามทำสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของลูก!

MThai.com - Health
เผยแพร่ 19 ก.ค. 2561 เวลา 01.00 น.
เราอาจเคยได้ยิน ข้อห้ามของคนตั้งท้อง ที่เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อมาหลายอย่างแล้ว ลองมาดูข้อห้ามที่เป็นข้อมูลทางการแพทย์ดูบ้างไหม

เราอาจเคยได้ยิน ข้อห้ามของคนตั้งท้อง ที่เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อมาหลายอย่างแล้ว ลองมาดูข้อห้ามที่เป็นข้อมูลทางการแพทย์ดูบ้างไหมว่า แท้จริงแล้วคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ห้ามทำอะไร และเพราะอะไร?

10 ข้อห้ามของคนตั้งท้อง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. ห้ามสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไปจนถึงการสูบบุหรี่ และสารเสพติดต่างๆ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ทำให้เด็กมีพัฒนาการช้า มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง และมีโอกาสแท้งได้ อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดความผิดปกติ และความพิการทางร่างกายโดยกำเนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกด้วย

2. ห้ามเครียด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความเครียดขณะตั้งครรภ์ส่งผลให้เด็กในครรภ์มีการเจริญเติบโตช้า และอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้ เพราะร่างกายของคุณแม่จะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ออกมามากขึ้น ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกเกิดการหดตัว ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ลดน้อยลงและอาจไม่เพียงพอได้ นอกจากนี้เด็กที่คลอดจากคุณแม่ที่มีความเครียดสูง มักคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้งยังมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน อาจมีผลต่อการเรียนรู้ เป็นโรคสมาธิสั้น หรือโรคในกลุ่มออทิสติก ส่งผลถึงสภาพจิตใจและการปรับตัวทางสังคมของลูกอีกด้วย

3. ห้ามรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

ช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับใช้เสริมสร้างการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ หากรับประทานอาหารที่คนท้องไม่ควรทาน เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด มันจัด อาหารสุกๆ ดิบๆ จะทำให้คุณแม่ปวดท้อง ไม่สบายตัวได้ นอกจากนี้ก็ควรงดทานพวกของหมักของดอง อาหารกระป๋อง ผงชูรส รวมไปถึงเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน ชา กาแฟ และน้ำอัดลม ที่อาจมีสารเคมีบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

4. ห้ามดื่มนมมากกว่าวันละ 1 แก้ว

คุณแม่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าหากดื่มนมเยอะๆ จะช่วยเสริมสร้างแคลเซียมให้กับลูก แต่ความจริงแล้ว การดื่มเพียงนมวัววันละ 1 แก้ว หรือนมถั่วเหลืองวันละ 1 แก้วก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะหากดื่มนมมากเกินความจำเป็น จะทำให้ทารกมีความเสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่าย เช่น แพ้โปรตีนในนมวัว เป็นต้น แต่ถ้าคุณแม่อยากทานแคลเซียมเพิ่ม แนะนำให้ทานอาหารเสริมแคลเซียมชนิดอื่นแทน เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว งาดำ อัลมอนด์ เป็นต้น

5. ห้ามทานยาพร่ำเพรื่อ

ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่คุณแม่ควรระมัดระวังให้มาก เพราะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังพัฒนาอวัยวะและระบบประสาทต่างๆ หากคุณแม่ทานยาที่มีอันตรายเข้าไป อาจส่งผลให้เด็กเจริญเติบโตช้า และอาจทำให้พิการได้ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ แขนขาพิการ โดยเฉพาะการทานยาลดสิว หรือแม้แต่ยาสามัญประจำบ้านหลายชนิดก็ทำให้เกิดอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้เช่นกัน ซึ่งยาที่คุณแม่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น คือ ยาพาราเซตามอล ใช้แก้ปวด ลดไข้ ยาคลอเฟนิรามีน ใช้ลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้คัน และผงเกลือแร่ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง

6. ห้ามออกกำลังกายรุนแรง

จริงๆ แล้ว คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ค่ะ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ หรือหักโหมมากจนเกินไป และไม่ควรออกกำลังกายต่อเนื่องนานเกิน 30 นาที โดยควรเลือกการออกกำลังกายที่เบาๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินเหยาะๆ เป็นต้น ทั้งนี้ขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ออกกำลังกาย ควรพักดื่มน้ำทุก ๆ 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อนออก และเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูงจนเกินไป ที่สำคัญอย่าออกกำลังจนเหนื่อยหอบมากนัก จะทำให้ลูกในครรภ์ขาดออกซิเจน จนอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตได้

7. ห้ามยืนและนอนเป็นเวลานาน

คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ไม่ควรเดินหรือยืนเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ขาและเท้าบวมมากขึ้น อาจเกิดเส้นเลือดขอดที่ขา ทำให้ปวดหลังง่าย แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมอีกด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ควรนอนนานด้วยเช่นกัน เพราะน้ำหนักครรภ์จะไปกดทับกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการจุกเสียด แน่นท้อง อีกทั้งน้ำหนักครรภ์อาจไปกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายเกิดอาการบวม รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย และอาจทำให้หน้ามืดได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง พยายามเปลี่ยนท่านั่งหรือยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ เพื่อช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น

8. ห้ามลดน้ำหนัก

แม้ว่าในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก จนทำให้รู้สึกว่าอ้วนและไม่ค่อยมั่นใจกับรูปร่างนั้น ก็อย่าเพิ่งนอยด์จนถึงขั้นลดน้ำหนักกันเลย หากคุณแม่ตั้งครรภ์ลดน้ำหนัก หรืออดอาหารขณะที่ท้องอยู่ละก็ จะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายพัฒนาไม่สมบูรณ์เต็มที่ แถมยังเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย ทางที่ดีควรบำรุงตัวเองให้มากๆ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงบำรุงด้วยวิตามินต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการสร้างอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย และถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาหลายกิโล แต่หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ก็ถือเป็นวิธีลดน้ำหนักหลังคลอดได้ดีเลยทีเดียว

9. ห้ามอบไอน้ำ อบซาวน่า

แม้ว่าการอบไอน้ำ หรือการอบซาวน่าจะช่วยให้ร่างกายของคุณรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะการอบไอน้ำนั้นอาจทำให้ลูกในครรภ์แท้งได้ ทั้งนี้เพราะความร้อนจากไอน้ำทำให้ร่างกายของคุณแม่ขาดน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น ส่งผลให้เลือดข้นจนทำให้เส้นเลือดอุดตัน เลือดจึงไปเลี้ยงทารกน้อยลง ทำให้ทารกเจริญเติบโตไม่เต็มที่และอาจถึงขึ้นแท้งได้นั่นเอง

10 . ห้ามทำความสะอาดมูลแมว

คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่เลี้ยงแมวอยู่ ขอให้งดการเก็บมูลแมวไปก่อนนะคะ เพราะในมูลแมว มีส่วนประกอบของท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เชื้อปรสิตที่มีแมวเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการติดเชื้อ และอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติ โดยอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากที่บ้านเลี้ยงแมวอยู่ละก็ ควรอยู่ให้ห่างจากมูลแมวไว้ และมอบหน้าที่การทำความสะอาดมูลแมวให้คนอื่นแทนไปก่อน

เมื่อคุณแม่ได้ทราบถึงข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ควรทำขณะตั้งครรภ์แล้ว ยังไงก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติใช้ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่เองและเพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี และมีการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมบูรณ์

คลิป > ทาทา ยัง คุณแม่สายอึด เลี้ยงลูกเอง โดยไม่มีพี่เลี้ยง ทาทาทำได้ คุณแม่ทุกคนทำได้ !

https://seeme.me/ch/women/k5dbBq

ที่มา : www.samitivejhospitals.com

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • อีกอย่างนะที่ห้าม คือห้ามให้พวกมึงเอาข่าว แลบส้นตีน แบบนี้มาลง
    19 ก.ค. 2561 เวลา 17.34 น.
ดูทั้งหมด