ทั่วไป

สัมภาษณ์พิเศษ  โควิดเปลี่ยนชีวิต “เต้ วิทย์สรัช” 2 

daradaily
อัพเดต 16 ก.ย 2564 เวลา 06.30 น. • เผยแพร่ 16 ก.ย 2564 เวลา 11.30 น.

สัมภาษณ์พิเศษ  โควิดเปลี่ยนชีวิต “เต้ วิทย์สรัช” 2 
       มาต่อตอนที่สอง หลังจากที่ “เต้ วิทย์สรัช”  ได้เล่าไปตอนแรกว่าเขาติดโควิดจากคลัสเตอร์ทองหล่อและทำให้คุณพ่อคุณแม่ติดไปด้วย จากนี้ไปคือการตัดสินใจประกาศและเข้าสู่การรักษา 

อ่านข่าวต่อ:“โควิดพรากทุกอย่างไปจากชีวิต” เปิดใจลับเฉพาะ “แมทธิว 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

       ดาราเดลี่ : ตัดสินใจนานมั้ยที่จะโพสต์
“เต้ วิทย์สรัช” : สักพักเลยครับ ทีแรกผมคุยกับผู้จัดการส่วนตัวนะครับว่าเราจะทำยังไงกันดี ผมตัดสินใจว่าผมจะขอเคลียร์ชีวิตตัวเองก่อนเพราะว่าตอนนี้มีทั้งบริษัท ทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่รับเชื้อเนี้ย ผมขอเคลียร์ชีวิตตัวเองก่อนว่าเราจะทำยังไง ก็ตอนแรกตัดสินใจเลยว่าอาจจะบอกช้าหน่อยแต่ว่าทั้งนี้ผมก็ไดรับคำแนะนำจากผู้ใหญ่อะนะครับว่ามันช้าไม่ได้เราต้องบอก ต้องรีบแจ้งครับตอนนั้นก็เตรียมใจระดับนึงอะนะครับ ถ้าแจ้งออกไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยที่สุดเราน่าจะได้รับกำลังใจส่วนหนึ่งนะครับ กำลังใจจากตัวหนังสือ จากแฟนๆ จากพี่ๆ ทุกคนที่ผูสื่อข่าวทุกคนที่เคยทำงานร่วมกับเรานะครับ ก็อาจจะได้รับกำลังใจแต่สิ่งหนึ่งที่มันแลกมาเลยก็คือการบริหารจัดการในส่วนของที่เราไปพบเจอหรือว่าในอนาคตเราต้องเจอกับอะไรนะครับก็ตกใจอยู่พักนึงเลยครับแล้วก็พี่เค้บอกว่าจะถ้ามันรู้ทีหลังเนี่ยหนักกว่าว่าเราเป็นแล้วเราไม่บอก
       ดาราเดลี่ : กลัวคนมองว่า ปกปิดไทม์ไลน์ 
“เต้ วิทย์สรัช”: ใช่ ใช่ครับเพราะผมไม่มีความตั้งใจจะปกปิดนะครับ ผมเหมือนตอนแรกว่าเราจะขอเคลียร์ปัฐหาส่วนตัวของเราก่อนแล้วเราพร้อมเราคอยบอกแต่ว่าด้วยคำแนะนำจากผู้ใหญ่ก็คือมันไม่มีคำว่าพร้อมหรือไม่พร้อม มันต้องแจ้งโดยหลักมนุษยธรรมหลักบริหารจัดการสาธารณสุขเนี้ยมันต้องแจ้งเลยเพราะตอนนี้มันมีเรื่องของกฎหมายด้วยนะครับ ต้องแจ้งไทม์ไลน์ด้วยไม่งั้นผิดกฎหมาย ใช่ผมก็เลยโอเคตัดสินใจเรียบเรียงไทม์ไลน์อยู่สักระยะนึงนะครับ เพราะมันค่อนข้างต้องละเอียด 14 วันย้อนหลังก็เลยใช้เวลานิดนึง พอประกาศลงไปก็เลยโอ้โห คราวนี้กลายเป็นเรื่องนอกจากในครอบครัว เรื่องบริษัทมันกลายเป็นเรื่องที่ผมต้องสื่อสารกับแฟนๆ กับพี่ๆ นักข่าว กับทุกคนที่เราจะสื่อสารออกไปครับ
        ดาราเดลี่ ; เห็นให้ข่าวว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม ร้องเพลงไม่ได้ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ 
“เต้ วิทย์สรัช”: คือตัวผมเอง ผมพยายามนะครับคือผมรู้สึกแบบนั้นว่าร่างกายมันยังไม่กลับมาเป็นปกติแม้กระทั่ง ณ เวลานี้ที่ผมนั่งให้สัมภาษณ์อยู่เมื่อเช้าผมก็พึ่งกินยาลดน้ำมูกไปนะครับ คือมันจะมีอาการจมูกบล็อกนะครับ จมูกบล็อกทั้งสองฝั่งเยื่อจมูกมันบวมทุกครั้งมันก็จะมีน้ำมูก เหมือนเป็นภูมิแพ้เลยแล้วก็มีอาการเจ็บคอนะครับ ส่วนในเริ่องของปอดเนี้ยผมก็ไม่ทราบว่ามันเกิดจากคอผมหรือว่าด้านล่างลงไปอีก เพราะว่าพอเรามีการหายใจลึกๆ มันจะรู้สึกเหมือนเราอยากจะไอเหมือนจะอะแฮ่มออกมานะครับ มันก็ทำให้เราเกิดความกังวล แล้วเวลาผมซ้อมร้องเพลงเนี้ยมันได้แค่ช่วงสั้นๆ อะครับแล้วมันก็จะไอเหมือนมีอาการอยากไอออกมาก็ทำให้ผมไม่มีความมั่นใจที่จะร้องเพลงให้จบเพลงครับ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

        ดาราเดลี่ : ย้อนไปตอนที่คุณพ่อคุณแม่ป่วยด้วยนะครับ ท่านรักษานานมั้ยครับในฐานะที่ท่านเป็นผู้สูงอายุเนี้ย
“เต้ วิทย์สรัช” : เท่ากับผมครับประมาณ 14 วันที่อยู่โรงพยาบาล แต่ของคุณพ่อคุณแม่ผมเนี้ยต้องบอกว่าโชคดีมากคือเชื้อไม่ลงปอดครับ
ดาราเดลี่ : ตอนนี้ก็คือคุณเต้ไม่กลับมาร้องเพลงแล้ว หรือยังไงครับ
“เต้ วิทย์สรัช”: เอ่อจริงๆ ผมมีโปรเจคที่จะทำต่อคือผมพึ่งปล่อยเพลงชื่อเพลง ถ้ามีอยู่จริง ไปนะครับ ในช่วงประมาณปลายปีที่แล้วจริงๆ มันมีแพลนต่อเนื่องเพราะผมได้คุยกับโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานเก่าๆ ของผมด้วยนะครับว่าเราจะมีการทำเพลงต่อไปให้มันต่อเนื่อง แต่เนื่องจากโควิดและตัวผมติดโควิดด้วยเนี้ย มันก็ทำให้โปรเจคของการทำเพลงมันยืดออกไปอีก แต่ว่ามันได้เริ่มแล้วคือมันมีการตกลงมันมีการพูดคุยมันมีเริ่มเนื้อเรื่องเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็รอว่าตัวผมเนี้ยจะรีโคฟเวอร์ตัวเองได้เร็วแค่ไหนหรือสามารถที่จะกลับมาทำต่อ
ดาราเดลี่ : คือโควิดในวันนี้เนี่ยยอดเฉลี่ยติดวันละหมื่นห้าหมื่นหก ก็ยังถือว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ แค่สองสามพันก็ช็อคแล้วนะ ที่คุณเต้เป้นทั้งนักร้องศิลปิน เป็นเจ้าของธุรกิจด้วยเนี้ยตอนนี้สังคมมันเปลี่ยนก้คือทุกคนต้องอยู่ในภาวะที่เคอร์ฟิว ธุรกิจก็ต้องปรับโฉมศิลปินนักร้องก็อยู่แบบไม่มีโชว์ไม่มีไรเลย คุณเต้มองอนาคตสังคมต่อจากนี้มันจะเป็นยังไง เราจะปรับตัวอยู่ยังไง
       “เต้ วิทย์สรัช”: ผมว่าในพาร์ทของธุรกิจอะนะครับ ตัวผมเองก็เจออุปสรรคค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวนะครับ แต่ว่าผมก็จะพยายามด้วยความที่เราเป็นบริษัทที่เปิดมานานนะครับ เราก็จะต้องให้ความเชื่อมั่นกับตัวพนักงานมากที่สุดก็คือไม่แตะต้องเงินเดือนหรือรายรับของตัวพนักงานนะครับ เราก็แบกเท่าที่เรายังไหว เหนื่อยครับต้องบอกเลยว่าพาร์ทธุรกิจการแข่งขันสูงขึ้นนะครับ แข่งกันด้วยราคามากขึ้นแล้วก็ต้นทุนทุกอย่างตัวเลขก็สูงขึ้นค่าเงินบาทอีก ตอนนี้ที่เงินบาทออกมันก็ทำให้เราค้าขายยากขึ้นแล้วการพบเจอลูกค้า ถ้าไม่ปรับตัวอะผมว่าเหนื่อยมากนะครับ ส่วนในเรื่องของพาร์ทนักร้องเนี้ยผมว่าคนที่เอาอาชีพนักร้องเป็นที่ต้องเนี้ยที่เป็นอาชีพหลักต้องปรับตัวค่อนข้างสูงนะครับ เพระว่าภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตที่มันเคยรวมกันในโดมอะไรอย่างงี้ผมว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีสองปีนะครับ น่าจะใช้เวลาสักสองปีเป็นอย่างน้อย 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

       ดาราเดลี่ :  อยากให้คุณเต้ในฐานะที่ผ่านโควิดมาแล้วเนี้ยพูดกระตุ้นให้คนสู้หน่อยหรือว่าพูดให้มันพอมีความหวัง บางคนวันนี้ติดหมื่นกว่าต่อวัน มันก็มีไม่กี่คนหรอกที่มีประกันและนอนโรงพยาบาล ในอีกหมื่นห้ามันก็ต้องมีอีกหลายคนที่ต้องนอนอยู่บ้าน
       “เต้ วิทย์สรัช” : ครับคือแบ่งเป็นสองกลุ่มก่อนละกันนะครับที่สำหรับกลุ่มของผู้ติดเชื้อนะครับ โรคโควิดเนี้ยผมก็ไม่อยากเอ่ยปีที่ท่านรัฐมนตรีเอ่ยว่าคือไข้หวัดธรรมดาอะนะครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วเนี้ยถ้าเรามองจริงๆ แล้วคือผมว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างผมมีพนักงานที่รับเชื้อมาปุ๊ปเนี้ย ผมก็ส่งยาไปให้ด้วยตัวผมเองผมเขียนด้วยลายมือผมเองว่าสู้ๆ นะเป็นกำลังใจให้
       ดาราเดลี่ : ที่บริษัทก็มีติดเหมือนกัน 
“เต้ วิทย์สรัช” : มีครับ แต่เป็นส่วนน้อยแล้วก็รักษาตอนนี้หายละตอนนี้ก็กลับมาทำงานปกติ คือผมว่าถ้าเราเข้าใจตัวโลกจิงๆ อย่าตื่นตระหนกแล้วก็พยายามมีสติสู้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็นเนี้ยมันต้องนิ่ง ต้องนิ่งมากๆ แล้วก็รักษาตามขั้นตอนหรือตามที่แพทย์แนะนำนะครับ อย่าไปตื่นตระหนกจนมันทำให้สุขภาพจิตเรามันยิ่งแย่ลงไปอีกผมว่าจิตใจค่อนข้างสำคัญมันเลยมีโรคของคำว่าโควิดเข้ามา รักษาหายแล้วแต่มีความกังวลว่าเราจะเป็นโควิดอีกมั้ย เรารักษาหายแล้วรึยังทำไมเราไม่ได้รับการ Swab ซ้ำหลังจากที่ติดเชื้อแล้วพวกนี้พอจิตเราตกปุ๊บแล้วเราก็อยู่ในภาวะเคอร์ฟิวที่ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ ไม่สามารถไปเดินเล่นห้างได้ไม่สามารถช็อปปิ้งได้ ไม่สามารถทำหน้านวดเท้าทำอะไรได้เลย เคอร์ฟิวสามทุ่มมันก็ยิ่งทำให้เกิดแอกเชอร์ในการใช้ชีวิตอยู่แล้วนะมันก็เลยยิ่งทำให้จิตตกลงไปอีก เพราะฉะนั้นผมว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญนะครับสำหรับผู้ติดเชื้อทำใจดีๆ แล้วก็รักษาตัวเองให้ถูกวิธีนะครับ ดูระดับออกซิเจนหรือว่ากินยาที่แพทย์ได้ให้แล้วก็แนะนำ ผมว่าภาครัฐเองก็พยายามที่จะช่วยเหลือเข้าถึงสำหรับคนที่ติดเชื้อให้มากที่สุดนะครับ ก็อย่าพึ่งวิตกกังวลจนมันทำให้สุขภาพจิตเราแย่หลายๆ คนที่ผมเห็นตามข่าวนะครับก็คือไม่ได้รับการช่วยเหลืออยู่ในสลัมอยู่ในพื้นที่ที่แออัดมากๆ หาสมุนไพรดีได้ด้วยกำลังใจตัวเองมันก็อาจจะเกิดขึ้นแต่มันอาจจะไม่ได้รับการตีแผ่เรื่องนี้อะนะครับอันนี้ในเรื่องของคนรับเชื้อ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อคืออย่าปฏิบัติคนที่ติดเชื้อเหมือนคนที่น่ารังเกียจ วันใดคุณไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวคุณหรือคนรอบข้างคุณรึเปล่านะครับ เพราะฉะนั้นเนี้ยเราป้องกันได้เต็มที่แต่อย่าออกแนววิตกจริตจนมันทำให้บรรยากาศทุกอย่างมันเสียไปหมดนะครับ ผมเคยอ่านข่าวเหมือนกันว่ามีกรรมการนิติคอนโดเนี้ยไม่ให้ผู้ติดเชื้อเข้ามาอาศัยเลยใครที่ติดเชื้อต้องออกไปอย่างเดียว แต่วันนึงลูกของคุณได้รับเชื้อคุณกลับมาขอความเห็นใจว่าอยากให้ลูกกลับมารักษาตัวที่คอนโด เรื่องแบบนี้มันเกิดให้เห็นในสังคมนะครับ เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่กับมันอย่างเข้าใจนะครับ คนที่ไม่ได้รับเชื้อจริงๆ เชื้อเข้าทางไหนตามความเข้าใจผมนะเชื้อมันเข้าได้สามทาง ตา จมูก และปากเพราะฉะนั้นเนี้ยเราก็อย่าเอาเข้าปากอย่าขยี้ตาอย่าเอาอะไรไปแหย่จมูกหรืออย่าเอาอะไรหยิบเข้าปาก สามช่องนี้ถ้าเราเข้าใจตัวโลกขึ้นมาแล้วเนี้ย เราก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้น้อยลงนะครับ แล้วก็ช่วงที่ไม่ได้ไปไหนอยู่บ้าเนี้ยหรือว่ามีความจำเป็นต้องออกไปข้างนอกเนี้ยก็ต้องพยายามโปรเทคตัวเองให้ได้มากที่สุดนะครับ ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้

       ดาราเดลี่ : ได้ฉีดวัคซีนรึยังครับ
“เต้ วิทย์สรัช” : ฉีดแล้วครับผม ตอนแรกก็กังวลในเรื่องของพอเราเป็นผู้ได้รับเชื้อเนี้ยตอนแรกมันก็มีข้อมากมายอีกสามเดือนให้ไปฉีด แต่ตอนนั้นเนี้ยพอเรื่องของเดลต้ามันเริ่มระบาดผมก้ได้รับคำแนะนำว่าให้ฉีดเลยแล้วก้เป็นจังหวะช่วงที่วัคซีนกำลังเข้ามาพอดีผมก็เลยฉีดโดสแรกไปแล้วนะครับเป็นแอสตร้าเซเนก้า ก็ค่อนข้างหนักมีอาการหนักกว่าตอนเป็นโควิดอีกครับ หนักมากครับหนักจริงๆ ผมแบบผมเป็นประมาณ 3 วันถึงจะดีขึ้น

 

ดูข่าวต้นฉบับ