22 พฤศจิกายน 2023 มีการจัดงาน “Kansai Tourism Seminar” ณ โรงแรม The Athenee Hotel a Luxury Collection Hotel Bangkok โดย Union of Kansai Government หรือ “สหภาพรัฐบาลคันไซ” ซึ่งประกอบไปด้วย 8 จังหวัด (จังหวัดเกียวโต, จังหวัดโอซาก้า, จังหวัดนารา, จังหวัดเฮียวโกะ, จังหวัดชิงะ, จังหวัดวากายามะ, จังหวัดทตโทริ, จังหวัดโทคุชิม่า ) กับอีก 4 เมืองสำคัญทางการท่องเที่ยวคันไซ (เมืองเกียวโต, เมืองโอซาก้า, เมืองซากาอิ, เมืองโกเบ)
ผู้แทนการท่องเที่ยวทั้ง 5 จังหวัด
Kansai Tourism Seminar มีขึ้นเพื่อจุดประสงค์สัมมนาประชาสัมพันธ์ข้อมูลการท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไซ ซึ่งงานในครั้งนี้ก็ได้รับเกียรติจากทั้ง คุณนาชิดะ คาซูยะ (H.E. Mr. Nashida Kazuya) เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย และผู้แทนการท่องเที่ยว 5 จังหวัด ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมและประชาสัมพันธ์จังหวัดด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมี คุณคาวามูระ ยาซูมาสะ (Kawamura Yasumasa) Executive Director Extraordinary จาก Japan Association for 2025 World Expo ร่วมประชาสัมพันธ์งาน World Expo 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ ”เกาะแห่งความฝัน Yumeshima” ที่โอซาก้าอีกด้วย
เปิดงาน Kansai Tourism Seminar & Reception
คุณนิชิวากิ ทาคาโตชิ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต) กล่าวเปิดงาน
ช่วงเริ่มตันของงานได้มีการเชิญ คุณนิชิวากิ ทาคาโตชิ (Nishiwaki Takatoshi ) ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ขึ้นกล่าวเปิดงาน โดยคุณนิชิวากิ ทาคาโตชิ นอกจากจะกล่าวแนะนำภูมิภาคคันไซแล้ว ยังได้พูดถึงงาน World Expo 2025 ว่าเขาต้องการให้งานนี้เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทย และอยากส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวที่มางานนี้ได้เดินทางไปเที่ยวตามจังหวัดในภูมิภาคคันไซรอบ ๆ ตัวงานไปพร้อมกัน
แนะนำภูมิภาคคันไซและ 8 จังหวัดแห่งสหภาพรัฐบาลคันไซ
ในช่วงถัดมาจะเป็นการแนะนำสมาชิกในสหภาพรัฐบาลคันไซทั้ง 8 จังหวัดกับอีก 4 เมือง รวมถึงอธิบายจุดเด่นของคันไซด้วยการชู 3 จุดเด่นสำคัญ นั่นคือ 1.การเป็นคลังอาหารประเทศ 2.ธรรมชาติสวยงามเที่ยวได้ 4 ฤดู 3.ศิลปะการแสดงและหัตถกรรมพื้นบ้านท้องถิ่น
ในส่วนของลำดับถัดไปจะเป็นการโปรโมทจุดเด่นของแต่ละจังหวัดในสหภาพรัฐบาลคันไซ ดังนี้
1.จังหวัดชิงะ
จังหวัดชิงะ โปรโมทด้วยการชู ทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่เทียบเท่าประเทศสิงคโปร์ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัด พร้อมด้วยเส้นทางกิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Activities) มากมายรอบทะเลสาบบิวะ โดยกิจกรรมที่แนะนำที่สุดจะเป็น เส้นทางปั่นจักรยานบริเวณรอบทะเลสาบบิวะ นอกจากทะเลสาบบิวะแล้วแลนด์มาร์กอื่น ๆ ที่ถูกเลือกมาก็มีทั้ง ปราสาทฮิโกเนะ หมู่บ้านนินจา พิพิธภัณฑ์นินจา เป็นต้น
2.จังหวัดวากายามะ
จังหวัดวากายามะนำเสนอโดยเน้นไปที่กิจกรรมกลางแจ้งเช่นเดียวกับจังหวัดชิงะ โดยเฉพาะ เส้นทางปีนเขา ซึ่งถูกยกมาแนะนำเป็นพิเศษ นอกจากนี้ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้ จึงมีกิจกรรมให้เก็บผลไม้ได้ตลอดทั้งปี
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ปะจำจังหวัด วากายามะนำเสนอ ”เหล้าบ๊วยวากายามะ” เป็นพิเศษ เพราะเป็นเหล้าของดีประจำจังหวัดที่ได้เครื่องหมายการค้า GI (Geographical Indication) แบรนด์เดียวในญี่ปุ่น ซึ่งการันตีในเรื่องของความเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง
สำหรับแลนด์มาร์กอื่น ๆ ที่ถูกยกมานำเสนอก็จะเป็นการเที่ยวแบบ Relax ที่ออนเซ็น รวมถึงการตระเวนกินอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ พร้อมแวะไปชมแมวสถานีสุดโด่งดังของวากายามะ
3.จังหวัดทตโทริ
จังหวัดทตโทริเริ่มด้วยการชูความเป็น “บ้านเกิดอาจารย์อาโอยามา โกโช ผู้เขียนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” และความเป็น “ทราย” อันโดเด่น ด้วยแลนด์มาร์กที่สำคัญอย่าง “เนินทรายทตโทริ” และ “พิพิธภัณฑ์ทราย” นอกจากนี้ยังมีย่านโกดังเก่าแก่อย่าง ชิราคาเบะ และภูเขาแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง “ไดเซ็น” ที่เป็นภูเขาป่าต้นบีชอันโด่งดังแห่งทตโทริ
นอกจากนี้จังหวัดทตโทริยังได้ยก Flower Park สวนดอกไม้ซึ่งบานสะพรั่งตลอดปี เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาด ซึ่งในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะมีการจัดแสดงไฟ Flower llumination อีกด้วย
4.จังหวัดโทคุชิม่า
จังหวัดโทคุชิม่าได้สมญานามว่าเป็นภูมิภาคลึกลับ ในงานคราวนี้จึงมีการนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้ง “ระบำท้องถิ่นอาวะโอโดริ” และ “ละครหุ่นโจรุริแห่งอาวะ (Awa Ningyo Joruri)” เป็นตัวชูโรง แต่ทางด้านของนวัตกรรมก็มีการชูรถ DMV ซึ่งเป็นรถคันเดียวในโลกที่สามารถวิ่งได้ทั้งบนรางรถไฟและบนถนน
ทางด้านของแลนด์มาร์กท่องเที่ยว โทคุชิม่านำเสนอ “ช่องแคบนารุโตะ” ซึ่งสามารถรับชม 1 ใน 3 น้ำวนขนาดใหญ่ของโลกได้
5. จังหวัดโอซาก้า
โอซาก้าเป็นจังหวัดทึ่คนคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ในส่วนของงานจึงแนะนำไปทางชูความเป็นเมืองแห่งสายน้ำ, ครัวอาหารประเทศ และความเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู ซึ่งช่วงฤดูหนาวนี้ก็จะมีงานจัดแสดงไฟให้ได้ชมอีกด้วย
6.จังหวัดนารา
จังหวัดนาราชูความเป็นจังหวัดเก่าแก่ ด้วยความเป็นแหล่งกำเนิดของอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างทั้ง โซเมน, ชาเขียว, มันจู รวมถึงเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางสายไหมในฝั่งตะวันออกของโลก
7.จังหวัดเฮียวโกะ
จังหวัดเฮียวโกะมาในคอนเซ็ปต์ “การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน” โดยจะนำเสนอครอบคลุมทั้งในส่วนของแลนด์มาร์กท่องเที่ยวอย่าง ปราสาทฮิเมจิ คิโนเซกิออนเซ็น และทางด้านอาหารขึ้นชื่อทั้ง เนื้อโกเบ สาเกซึ่งบ่มจากข้าวพันธุ์ท้องถิ่น “ยามาดะนิชิกิ” ซึ่งมีเส้นทางกิจกรรมให้ไปดูการทำนาของเกษตรกรได้อีกด้วย และส่วนสุดท้ายด้านหัตถกรรมก็มีการชูการเจียระไนไข่มุกและการทำกระเบื้องรูปยักษ์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมแนะนำเมื่อไปเที่ยวเฮียวโกะ
8.จังหวัดเกียวโต
จังหวัดเกียวโตเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยเช่นเดียวกับโอซาก้า ดังนั้นในงานนี้เกียวโตจึงเน้นไปที่การนำเสนอ ชาวเขียวหรือมัจฉะ ในส่วนของทางตอนใต้ของจังหวัด โดยมีการนำเสนอเมืองอุจิ ซึ่งมีแลนด์มาร์กคือ วัดเบียวโดอิน และกิจกรรมบดใบชาซึ่งหาดูในยาก นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ โฮมสเตย์ชาวไร่ชา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพักร่วมกับชาวเกษตรกรไร่ชาและร่วมสัมผัสชีวิตท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง
4 เมืองสำคัญทางการท่องเที่ยวแห่งสหภาพรัฐบาลคันไซ
เมื่อสิ้นสุดจาก 8 จังหวัด ลำดับถัดไปก็จะเป็นการแนะนำอีก 4 เมือง ของสมาชิกภูมิภาคคันไซ อันได้แก่ เมืองเกียวโต เมืองโอซาก้า เมืองซากาอิ และเมืองโกเบ
1. เมืองเกียวโต
เมืองเกียวโตเป็นศูนย์กลางของหัตถกรรม ดังนั้นเมืองเกียวโตจึงยก 3 กิจกรรมมานำเสนอ ได้แก่ การชงชา จัดดอกไม้ และการชมการย้อมผ้าแบบยูเซน
อย่างไรก็ตามทางเมืองเกียวโตได้ย้ำถึงคอนเซ็ปต์สำคัญในการท่องเที่ยวที่ว่า “ความกลมกลืนระหวางนักท่องเที่ยวและชาวเมือง” ว่าด้วยการรักษามารยาท สิ่งแวดล้อม และกฏของเมือง เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
2. เมืองโอซาก้า
อย่างที่กล่าวไปตอนแนะนำจังหวัดโอซาก้า เมืองโอซาก้าเองก็ชูความเป็น “ครัวประเทศ” และ “เมืองแห่ง Entertainmaint” ด้วยการเน้นย้ำถึงกิจกรรมการตระเวนเดินกินของอร่อยเมืองโอซาก้า และเดินช็อปปิ้งสนุก ๆ ณ ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
3.เมืองซากาอิ
เมืองซากาอิ ชูความเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม ซึ่งมาพร้อมกับแลนด์มาร์กสำคัญทางเทคนิคการแปรรูปเหล็กอย่าง“สุสานจักรพรรดินินโตกุ” และความเป็น “แหล่งศาสตร์แห่งการตีดาบของประเทศญี่ปุ่น”
4.เมืองโกเบ
เมืองโกเบ ชูความเป็นเมืองแห่ง “เนื้อโกเบ” และเป็นโซนที่ตั้งของพื้นที่โรงบ่มสาเกอย่าง Nada Area ซึ่งก็จะมีพิพิธภัณฑ์สาเกให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสกับสาเกท้องถิ่นได้อย่างครบครันอีกด้วย
World Expo 2025
คุณ Kawamura Yasumasa (Extraordinary of Japan Association for 2025 World Expo) ขึ้นกล่าวอธิบายงาน World Expo 2025
เมื่อผ่านในส่วนของแนะนำจุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยวของสหภาพรัฐบาลคันไซไปแล้วต่อมาจะเป็นการโปรโมทในส่วนของ World Expo 2025 โดยคุณ Kawamura Yasumasa ได้ขึ้นมากล่าวถึงคอนเซ็ปต์สำคัญของงานนี้ว่า “การเชื่อมต่อและสานความแตกแยก” ซึ่งตรงส่วนหลักของงานจะมี Ring อันเป็นสถาปัตยกรรมรูปวงแหวนสูง 12 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความประสานกลมเกลียวตามคอนเซ็ปต์ของงานในครั้งนี้
ภายใน Ring เองก็จะมีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งวัน ทั้ง 13 Pavilion ของภาคเอกชน ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะมาในธีมต่าง ๆ เช่น Bandai Namco ที่มาในธีมกันดั้ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ได้ชมกันภายในงานอีกด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็มี Pavilion ซึ่งออกแบบมาเฉพาะของแต่ละประเทศ โดยปัจจุบันมีการยืนยันการจัด Pavilion แล้วกว่า 160 ประเทศ กับอีก 9 หน่วยงานระดับนานาชาติ
รายละเอียดเกี่ยวกับงาน World Expo 2025
วันเวลาจัดงาน 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2025 (184 วัน) สถานที่จัดงาน เกาะ Yumeshima (Yumeshima, Osaka) ช่องทางการจำหน่าย-รายละเอียดตั๋วเข้างาน expo2025.or.jp
*เริ่มจำหน่ายตั๋ว 30 พฤศจิกายน 2023
แผนการปรับปรุงสนามบินคันไซ
ต่อมาจะเป็นการพูดถึงแผนการปรับปรุงสนามบินคันไซ โดยจะมีการปรับในส่วนของการเพิ่มช่อง Smart Lanes ตรงจุดตรวจเช็คสัมภาระ เพื่อความรวดเร็วของผู้โดยสาร ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมาถึง 22 จุด จากเดิม 16 จุด อีกทั้งยังแผนเพิ่ม International Lounge เพื่อรองรับผู้โดยสารต่างชาติมากขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่ส่วนกลางกว่า 60%
สำหรับในส่วนของการรองรับเที่ยวบินก็มีการตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2030 สนามบินทั้ง 3 แห่งของคันไซ (Kansai/KIX: International & Domestic, Itami/ITM: Domestic, Kobe/UKB: Domestic) จะสามารถรองรับไฟลต์บินได้ประมาณ 500,000 ไฟลต์ จากจำนวน 400,000 ไฟลต์ ในปี 2019
กิจกรรมอื่น ๆ ส่งท้ายงาน
กิจกรรมมอบรางวัลภายในงาน
เมื่อเสร็จสิ้นจากสัมมนา ก็จะร่วมกันชนแก้วแสดงความยินดีภายในงาน จากนั้นก็จะเป็นการร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างแขกและผู้จัด ปิดท้ายด้วยการมอบรางวัลและกิจกรรมจับฉลากมอบของที่ระลึกให้แก่แขกที่ได้รับเชิญมาในวันนี้ ถือเป็นอันส่งท้ายงาน Kansai Tourism Seminar
คันไซเป็นภูมิภาคสำคัญทางการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความพรั่งพร้อมไปด้วยอาหารที่หลากหลาย ธรรมชาติสวยงาม อีกทั้งยังเป็นแหล่งศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้านอันเก่าแก่ จึงไม่แปลกเลยที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังคันไซเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ทว่าคันไซเองก็ยังมีขุมทรัพย์แหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่รอให้ผู้คนมาเยือนอยู่อีกมาก หากใครกำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ล่ะก็ไปเที่ยวคันไซรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ!