การเมือง

นายกฯ เปิดโครงการ 'พาน้องกลับมาเรียน' ส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา

VoiceTV
อัพเดต 17 ม.ค. 2565 เวลา 06.21 น. • เผยแพร่ 17 ม.ค. 2565 เวลา 06.12 น. • กองบรรณาธิการวอยซ์ออนไลน์

ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ในโครงการส่งเสริมโอกาสความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา และเปิดตัวแอปพลลิเคชั่น "พาน้องกลับมาเรียน" 

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้เป็นกิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งต่อจากวันครู ซึ่งปีนี้ที่ไม่สามารถจัดโครงการได้ วันนี้มีการปฏิรูปเยอะหลายอย่างอื่นด้วยการการปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญที่สุดที่จะพัฒนาคนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในยุคศตวรรษที่ 21 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กิจกรรมในวันนี้มีความสำคัญและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันคือสถานการณ์ โควิด -19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดมาเป็นระยะ วันนี้ตนรู้สึกยินดีที่ทุกส่วนราชการได้ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนของไทย ในโอกาสที่ต้องประสบปัญหากับสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในวิกฤตต่างๆซึ่งรวมถึงด้านการศึกษาด้วยจากผลกระทบโควิด 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

วันนี้ถือเป็นโอกาสที่จะลงทุนทรัพยากรของประเทศในทางตรง มีหลายหน่วยงาน 10 กว่าหน่วยงานและกองทุนต่างๆ คงใช้เงินต่างๆแก้ไขปัญหาทั้งหมดไม่ได้อยู่แล้วและไม่มีเงินที่เพียงพอขนาดนั้น จึงต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นผู้นำทางการศึกษา เป็นกระทรวง มีความรับผิดชอบเป็นงานฟังก์ชันแต่มีงานบูรณาการที่จะช่วยกันดูแลได้อีก ใช้งบประมาณหน่วยงานที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าเพื่อส่งเสริมภารกิจที่มีความสำคัญกับประเทศชาติของเรา เพราะฉะนั้นความร่วมมือวันนี้ ทุกคนได้ตกลงใจถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่รัฐบาลจะทำเพื่อคนไทยและประเทศไทยต่อไป จึงขอให้สำเร็จ พร้อมกับขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านทราบว่าในโอกาสการให้ศึกษากับคนไทยนั้นเป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญมาก ซึ่งจะต้องให้ความร่วมมืออย่างจริงจังหาวิธีการที่เหมาะสมว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์และวัดผลได้ 

สิ่งที่กังวลคือต้องสอนให้เด็กนั้นมีความคิด มี Mind Set ที่ดีในหลายๆเรื่อง ต้องเรียนรู้ เรียนรู้จากในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมไปถึงเรียนรู้จักออนไลน์ เรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วมาคิดว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมประเทศนั้นพัฒนาได้ประเทศเราติดอยู่ตรงไหนจะได้ช่วยกันคิดเตรียมตัวไปสู่อนาคตว่าจะต้องเรียนอะไร เกิดการพัฒนาตนเองพื้นที่ชุมชน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ การที่จะโตมาสำเร็จมามีงานทำ มีรถขับมีบ้านอยู่มีอะไรอยู่ไม่เช่นนั้นก็จะคิดง่ายๆ แล้วก็จะมีปัญหา ไม่อยากให้ทุกคนเรียนมาแล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เรียนมาแล้วยังไม่ทันจบก็สร้างหนี้สินจบมาก็มีหนี้สินติดตัวมาอีก ซึ่งก็ทำให้ทุกอย่างได้พัฒนาไม่ได้ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้เปรียบเทียบกับต่างประเทศบ้างว่าเขาพัฒนามาอย่างไร ขอให้ทุกคนร่วมกันอย่างจริงใจและสร้างความคิดนี้ขึ้นในเด็กให้ได้ว่าโตขึ้นจะมีชีวิตอยู่อย่างไรดูแลพ่อแม่ครอบครัวเขาได้อย่างไร ไม่ใช่นั้นเขาจะได้รู้สึกว่าเขาต้องได้รับการดูแลตลอดไป มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเป็นภาระของครอบครัวต่อไปในอนาคต นี่คือเป้าหมายของการเรียนการศึกษาพ่อแม่ก็รักอยู่แล้วลูก คงไม่มีใครปล่อยให้ลูกลำบาก แต่ถ้าลูกไม่ช่วยตัวเองเลยก็จะลำบากพ่อแม่ ไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็อย่างว่าพ่อแม่ก็รักลูกอยู่แล้ว เพราะถ้าลูกรักพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันเรียนหนังสือช่วยกันอยู่ในระเบียบในระบบ มีวินัย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อแม่เสื่อมเสียชื่อเสียงของครอบครัว สิ่งเหล่านี้มีตัวอย่างอยู่แล้ว

ส่วนนโยบายตนได้ให้ไป 2,000 บาท เห็นในข่าวครูบางโรงเรียนเขียนแนวคิดว่า ถ้ามีใครจะมาสมทบใช้เงินตรงนี้ก็มีครูหรือมีผู้ปกครองหรือเด็กก็มาสมทบคนละครึ่ง แล้ว 2,000 ไปใช้ในการจัดซื้อโทรศัพท์ที่เรียนหนังสือได้ ต้นได้เข้าตรงนี้และมีหลายโรงเรียนที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ นี่คือลักษณะที่ทำให้เกิดการช่วยตัวเองไปด้วย เป็นความรับผิดชอบไปด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ตนขอย้ำว่าการสร้างโอกาสทางการศึกษาต้องเรียน ทั้งโอกาสและคุณภาพของการศึกษาที่นักเรียนควรจะได้รับ และเน้นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปกครองด้วย เขาจะได้รู้สึกว่ามีคนสนใจเขาสนใจพ่อแม่เขาคนอื่นยังสนใจพ่อแม่เขาแล้วไม่รักพ่อแม่ตัวเองหรือต้องรักให้ถูกวิธีก็มีวิธีการสอน วิธีการแนะนำให้ถูกต้องโอนเราอาจจะบังคับไม่ได้มากนักในโลกยุคสมัยนี้แต่ต้องบังคับด้วยเหตุและผลด้วยความเข้าใจ จึงจะสำเร็จในทุกเรื่อง

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อุปสรรคมีไว้ฝ่าฟันปัญหามีไว้ให้แก้ไข อย่าท้อแท้ ถ้าโลกไม่มีปัญหา โลกไม่มีอุปสรรค โลกก็จะไม่เจริญทุกคนก็จะนั่งเฉยๆ ใช้ชีวิตไปวันวัน โลกมีทั้งอุปสรรค มีปัญหา มีบทเรียนต่างๆมากมาย โดยเฉพาะประเทศไทย อะไรที่ไม่ดี อะไรที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ดี ก็เรียนรู้ อะไรที่ไม่ดี ก็อย่าทำอีก ในทุกๆเรื่อง นั่นคือประวัติศาสตร์ อย่าบอกว่าประวัติศาสตร์ไม่มีความสำคัญ ทุกอย่างมีประวัติศาสตร์มาทั้งหมด 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การพัฒนาประเทศ พัฒนาบ้านเมือง ตนถึงให้แนวคิดไว้ว่า หากจะสอนเรื่องประวัติศาสตร์ต้องรู้ว่าประวัติศาสตร์ ทำไมถึงต้องทำแบบนั้น ความขัดแย้ง สงครามความขัดแย้ง มีที่ใดบ้าง เกิดจากอะไร เด็กรู้หรือไม่ ทำไมเขาถึงไม่ค่อยทะเลาะกัน เพราะเห็นแล้วว่าประวัติศาสตร์ทำให้เกิดอะไรกับประเทศเขา เกิดความเสียหาย จากความไม่สามัคคี เกิดจากความขัดแย้งระดับต่ำสู่ระดับสูง สิ่งต่างๆเหล่านี้ครูต้องสอนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำไมจึงต้องเรียนตรงนี้ เรียนไปเพื่ออะไร นี่คือหลักการเรียนการสอน คือการเรียนไปทำอะไรเรียนไปเพื่ออะไรแล้วจะได้อะไร ประเทศไทยสังคมได้อะไร นี่คือสิ่งที่ตนอยากจะพูดในวันนี้ 

ตนให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาต้องไปดูว่าการปฏิรูปการศึกษาอย่างไร ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ถ้าพูดถึงว่าจะทำอะไรสักอย่าง ต้องมีแผนงานโครงการมีงบประมาณมาเยอะๆ ตนถามว่าแล้วจะเอามาจากที่ไหน หากยังสร้างรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะทุกอย่างแปรผันไปตามงบประมาณที่รัฐบาลนั้นมีอยู่ วันนี้อาจจะมีจำนวนจำกัด วันหน้าก็น่าจะมีเพิ่มขึ้นจากสิ่งที่เราลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง eec การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นรายได้กลับมา นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ ไม่ใช่ว่าพูดอย่างเดียวว่าจะใช้เงินอย่างไร ต้องสอดคล้องกับว่าจะหาเงินให้สอดคล้องกับ GDP ของประเทศ การจะให้อะไรก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินทองต่างๆจะต้องคุมตรงนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และคุมงบประมาณทั้งหมดให้อยู่ในวินัยการเงินการคลัง ขอมาได้แต่จะได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่จะได้รับ โครงการใดที่คุ้มค่าก็จะได้ทำต่อโครงการใดที่ไม่คุ้มค่าก็จะต้องถูกตัดออกปรับเปลี่ยนเป็นโครงการอื่น ช่วงนี้เป็นช่วงการจัดทำงบปีงบประมาณขอให้จัดทำให้ดีอะไรสำคัญมากหรือน้อย พอจะถูกพิจารณาในคณะกรรมาธิการของทุกกระทรวง ไม่มีเหตุผลเพียงพอก็ถูกตัดออก แล้วก็จะเสียดาย อะไรที่ได้มาอาจจะสำคัญน้อยกว่าที่ไม่ได้ จึงต้องจัดความสำคัญเร่งด่วน ขอให้คุยกับสำนักงบประมาณสภาพัฒน์ให้ดี แต่ถ้าให้หมดคงไม่มีเงินให้ เพราะตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.1 ล้านล้านบาท ขอให้ทำความเข้าใจไว้ด้วย บางอย่างโครงการเล็กๆมีความจำเป็นทำเสร็จในปีเดียวก็จำเป็นต้องทำด้วยและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเพราะเกิดทันทีส่วนโครงการระยะยาว 3 ปี 5 ปีก็เสนอเข้าไป แต่สามารถเบิกจ่ายได้ครบ ตามงบประมาณให้มีเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบ

ขณะที่บรรยากาศหน้ากระทรวงศึกษาธิการ มีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนาแน่น หลังมีการข่าวว่าอาจมีกลุ่มผู้เห็นต่างมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บริเวณด้านหน้ากระทรวง