รูธ เบเนดิกต์ เผยเรื่อง “ศีล 5” ข้อห้ามที่ขัดแย้งกับชีวิตจริงของคนไทย
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาทำความเข้าใจโลกในระหว่างและหลังสงคราม ด้วยการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ของสังคมศาสตร์ โดยเฉพาะนักมานุษยวิทยาในระหว่างสงครามเพื่อเข้าใจมิตรและศัตรูของสหรัฐอเมริกา ทำให้แนวคิดทางวิชาการนี้เริ่มได้รับความนิยมในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐและผู้กำหนดนโยบาย หนึ่งในนักมานุษยวิทยาที่มีชื่อและผลงานทรงอิทธิพลก็คือ รูธ เบเนดิกต์
ผลงานชิ้นหนึ่งของ รูธ เบเนดิกต์ คือ “Thai Culture and Behavior” ฉบับแปลภาษาใช้ชื่อว่า “วัฒนธรรมและพฤติกรรมของไทย” (สนพ.มติชน) ถือเป็นงานทางมานุษยวิทยาที่มีการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับประเทศไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้นักมานุษยวิทยารุ่นต่อมานำไปเป็นรูปแบบการศึกษาสังคมไทย
ตอนหนึ่งในผลงานดังกล่าวของ รูธ เบเนเดิกต์ กล่าวถึง “ศีล 5” กับคนไทยไว้ว่า
1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต คนไทยถือปฏิบัติตามกฎข้อนี้อย่างคิดเข้าข้างตนเอง เช่น การรับประทานเนื้อสัตว์ ไม่ว่าใครที่สั่งให้คนจากตลาด หรือสั่งให้คนรับใช้ของตนไปตลาดเพื่อซื้อสัตว์ชนิดหนึ่งๆ หรือซื้อเนื้อสัตว์บางชนิดที่ผ่านการฆ่ามาแล้วล้วนแต่เป็นบาป แต่หากซื้อสัตว์หรือสัตว์ปีกที่ตายมาก่อนแล้วก็นับว่าไม่เป็นบาป (Alabaster: 60)
2. ไม่ลักทรัพย์ของผู้อื่น ในประเทศไทยมีการลักขโมยกันมาก “จำนวนขโมยขโจรนั้นมีมากจนน่ากลัว ในปี ค.ศ. 1903-1904 (พ.ศ. 2446-2447) มีรายงานว่า เพียงกรุงเทพฯ แห่งเดียวซึ่งมีจำนวนประชากรราว 750,000 คน มีคดีลักขโมยถึง 5,570 คดี ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากกว่าคดีลักขโมยของพม่าตอนใต้ทั้งหมดที่มีประชากรถึง 5 ล้านคน…” (P.A. Thompson: 69-70) ไม่มีผู้ให้ข้อมูลคนไหนอธิบายเหตุผลใด แต่มักกล่าวว่าเป็นเพราะความจน
3. ไม่ประพฤติผิดในกาม อลาบาสเตอร์ (P: 62) ได้สรุปคำพูดของนักวิจารณ์ไทยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเกี่ยวกับศีลข้อนี้ไว้ว่า “สตรีผู้ซึ่งเป็นที่หวงแหนของผู้อื่น ได้แก่ ภรรยาและสตรีโสด ซึ่งมีสามีหรือญาติพี่น้องเป็นผู้ดูแลคุ้มครอง และสตรีที่มีคู่หมั้นหมาย ล้วนแล้วแต่เป็นสตรีที่ไม่เหมาะจะพึงปรารถนา แต่ในเมื่อ ‘ข้อคิดเห็นเหล่านี้เป็นเพียงความคิดเห็นที่ไม่มีใครมาถกเถียง’ จึงมีพวกชายโฉด ที่คิดว่าการผิดประเวณีไม่เป็นพิษภัยหากไม่มีผู้จับได้”
ประเด็นที่ควรพิจารณาก็คือ ทำไมศีลข้อนี้จึงวางฐานะบุรุษและสตรีไว้ต่างกัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไม “การมีคู่ครองหลายคนในบุรุษจึงเป็นที่ยอมรับได้”
4. ไม่กล่าวเท็จ สุภาษิตและคำสอนต่างๆ ล้วนให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัจธรรมของคนไทย สุภาษิตบางบทก็เป็นสำนวนที่ใช้ทั่วไป เช่น
“สิ่งที่คนพูดกันนั้น ต้องเอา 5 หาร”
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” (หมายถึง แม้คน 10 คนอาจพูดเท็จหรือพูดเกินความจริง ทางที่ดีต้องเห็นด้วยตาตนเอง)
นอกจากนี้ก็ยังมีสุภาษิตอื่นๆ ซึ่งอ้างถึงการพูดเกินความจริง เช่น
“ลิ้นยาวจนตวัดถึงใบหู”
ซึ่งตามคำกล่าวของเลอ เมย์ หมายความว่า คน “สามารถบิดเบือนคำพูดและจับต้นชนปลายจนสามารถทำให้กลายเป็นเรื่องราวตามที่เขาต้องการได้ รัฐบุรุษอาวุโสผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่งของไทยเคยกล่าวว่า การเป็นนักการทูตที่ดีนั้นต้องไม่เพียงแต่ต้องตวัดลิ้นถึงใบหูได้เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถตวัดรอบให้ได้ถึง 7 รอบ” (Le May A: 164)
5. ไม่ดื่มของมึนเมา “คนส่วนมากไม่ค่อยถือศีลข้อนี้มากนัก ในงานรื่นเริง งานมงคลสมรส งานนักขัตฤกษ์ หากไม่มีเบียร์ เหล้า และเครื่องดองของเมาทั้งหลายก็จะถือว่าไม่ได้ฉลองกันอย่างเต็มที่ ร้านขายเหล้าถือเป็นส่วนหนึ่งประจำเมืองใหญ่ๆ ทีเดียว” (Landon: 151) ที่กล่าวนี้มิได้หมายความว่า การมึนเมาเป็นปัญหาสังคมในเมืองไทย การเมาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และโดยทั่วไปแล้วสังเกตได้ว่าไม่มีการห้ามดื่มของมึนเมาต่างๆ
ทว่า “หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจสังคมไทยได้ดีขึ้น หากจะมีประโยชน์อยู่บ้างก็ตรงที่ทำให้รู้ว่า ปัญญาชนชาวตะวันตกมีทัศนะต่อชนชาติที่ด้อยพัฒนาเช่นชาวไทยอย่างไร มีข้อน่าสังเกตว่าทัศนะเช่นนี้ช่างคล้ายกับทัศนะของอภิสิทธิ์ชนไทยที่มีต่อชาวนาชาวไร่เหลือเกิน” อานันท์ กาญจนพันธุ์ กล่าวไว้ใน “บทกล่าวนำ” ของหนังสือ วัฒนธรรมและพฤติกรรมของไทย
อ่านเพิ่มเติม :
ฝรั่งวิจารณ์คนไทย สมัยพระไชยราชาฯ ถึงร.5 เรียงนิสัยฮิต “ขี้เกียจ-ขี้ขลาด-ขาดคุณธรรม”
นิสัย “คนไทย” หวังสิ่งตอบแทนในชาตินี้มากกว่าชาติหน้า-ชอบดื่มเหล้าเพราะสบายใจ
ข้อมูลจาก :
รูธ เบเนดิกต์-เขียน, พรรณี ฉัตรพลรักษ์-แปล. วัฒนธรรมและพฤติกรรมของไทย, สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่ 2 ธันวาคม 2564 (ฉบับปรับปรุงใหม่)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2565
คุณชาญ ทั้ง 5 ข้อเป็นกิเลสพื้นฐานของมนุษย์ ศีล 5 จึงเป็นสิ่งเตือนสติให้มนุษย์รู้จักยับยั้งชั่งใจไม่ให้ประพฤติปฏิบัติจนเกินเลยขอบเขต แต่จะให้ยับยั้งไม่ให้ทำเลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีกิเลส เพียงแต่ลดละเลิกให้สังคมสามารถดำรงค์อยู่อย่างสุขสงบได้ตามสมควร ชาวตะวันตกคงจะเข้าใจได้อยากเพราะวัฒนธรรมของเขาเคยชินกับการรุกรานเข่นฆ่าและเอาเปรียบผู้อื่น อย่าว่าแต่เว้นการฆ่าสัตว์เลยการฆ่ามนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์สำหรับพวกเขายังเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเลยครับ
09 ก.พ. 2565 เวลา 04.42 น.
GRN 2017 ศีล5ก็เหมือนกับกฏหมายของบ้านเมือง
คนดีมักจะปฏิบัติได้ ส่วนคนที่ชอบทำตามใจตนเอง
ไม่ว่ากฏใด เขาผู้นั้นก็จะขอแหกกฏได้อย่างไม่ละอาย
ใจ คนแบบนี้จะนำเอาอารมณ์นำชีวิต จะไม่สนใจกฏเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น มีให้เห็นทุกประเทศ
เรียกว่า ที่ใดมีคนดี ที่นั้นก็มีคนไม่ดี
09 ก.พ. 2565 เวลา 04.58 น.
กู้เกียรติ อึ่งอ่างในรอยตีนควาย..!
09 ก.พ. 2565 เวลา 04.48 น.
Angthong จริงไม่เถียงเลย
09 ก.พ. 2565 เวลา 04.41 น.
นลิน ไม่เข้มงวดในศีล5 แต่เน้นปฏิบัติในเรื่องการดำเนินชีวิตในทางสายกลาง มีคุณธรรม จริยธรรม ที่อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่ละเมิดผู้อื่น
09 ก.พ. 2565 เวลา 05.00 น.
ดูทั้งหมด