คอลัมน์ : จับกระแสตลาด
ยังเป็นสินค้าที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสวนกระแสกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่สดใสนัก สำหรับกลุ่มอาหารแช่แข็ง (frozen food) และอาหารพร้อมรับประทาน (ready to eat)
โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้หลาย ๆ ธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ธุรกิจอาหารแช่แข็งทั้งพร้อมปรุงและพร้อมทานกลับมีทิศทางการเติบโตมากขึ้น
จากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาเลือกซื้ออาหารแช่แข็งมากขึ้น และการขยายตัวของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีสาขาจำนวนมากกระจายเข้าไปใกล้ชุมชน และมีการเพิ่มโปรดักต์ที่หลากหลาย และมีโปรโมชั่นจูงใจเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดอาหารแช่แข็งพร้อมทานมีมูลค่าราว ๆ 18,000-20,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 12-14% ต่อปี
วันนี้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ค่ายยังมีความเคลื่อนไหวในการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง
เอสแอนด์พีสร้างเมนูต่างคู่แข่ง
“กำธร ศิลาอ่อน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการผลิตและการเงิน บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านอาหารและเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “เอส แอนด์ พี” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง หรืออาหารแช่แข็งพร้อมทาน มีแนวโน้มเติบโตขึ้น
โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนใหญ่แล้วอาหารแช่แข็งเติบโตในช่องทางขายส่ง ขณะที่ช่องทางขายปลีกที่เน้นจำหน่ายอาหารพร้อมทานมีการแข่งขันสูง รวมไปถึงการเกิดขึ้นของทางเลือกใหม่ ๆ
อย่างร้านอาหารตามสั่งที่เปิดตัวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ข้อดีของอาหารแช่แข็งผู้บริโภคสามารถซื้อเก็บไว้ได้นาน และลดความเสี่ยงจากการไปซื้อของตามตลาดและในพื้นที่แออัดด้วย
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของธุรกิจเองอาจจะไม่หวือหวานัก เนื่องจากธุรกิจอาหารแช่แข็งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นต่ำ การปรับราคาเป็นเรื่องยาก ยิ่งอยู่ในภาวะที่ต้นทุนทั้งวัตถุดิบ แพ็กเกจจิ้งมีราคาสูง
สำหรับเอส แอนด์ พีปัจจุบันมีเมนูที่หลากหลายมากกว่า 30 รายการ ทั้งอาหารไทย คาว-หวาน เมนูทานเล่น รวมถึงไส้กรอกตรา Premo ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มฟู้ดเซอร์วิสและช่องทางขายส่ง
“บริษัทยังมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากลุ่มอาหารแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง เน้นจุดเด่นของเมนูที่มีความแตกต่างจากค่ายอื่น ๆ ในตลาด และเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่หลากหลายและมีบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบช่วยในเรื่องการอุ่นทานได้สะดวก เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ”
เมนู “อิ่มคุ้ม” หัวหอก “ซีพีแรม”
“วิเศษ วิศิษฏ์วิญญู” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ในเครือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารและเบเกอรี่รายใหญ่ เปิดเผยว่ากลยุทธ์สำคัญของซีพีแรม คือ การให้น้ำหนักกับเมนูอิ่มคุ้ม ซึ่งเป็นเมนูอาหารพร้อมทานในราคาเข้าถึงง่าย
โดยบริษัทมีเป้าหมายขยายตลาดเพิ่มขึ้น 10% ขณะเดียวกัน ได้พัฒนากลุ่มสินค้าใหม่ที่ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริโภค ภายใต้ตราสินค้า “VG for Love” อาหารกลุ่มใหม่สำหรับผู้บริโภคที่มีการบริโภคพืชเป็นหลัก
มีเมนูสปาเกตตีพอร์กบอลแพลนต์เบส และข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่แพลนต์เบสนอกจากการวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เป็นช่องทางหลักแล้ว ยังกระจายสินค้าไปสู่ช่องทางอื่น ๆ อาทิ แม็คโคร และโลตัส รวมถึงร้านค้าชั้นนำครอบคลุมทั่วประเทศตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังได้สร้างโรงงานเบเกอรี่เพิ่มที่จังหวัดชลบุรี โดยจะมีกำลังผลิต 1.2 ล้านชิ้นต่อวันซึ่งโรงงานใหม่แห่งนี้จะสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการในกลางปี 2565 นับเป็นโรงงานแห่งที่ 16 ของซีพีแรม
โดยปัจจุบันตลาดธุรกิจอาหารแช่เย็น-แช่แข็ง มีการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% และไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว รวมถึงปัจจัยโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
“เซ็น” เตรียมโดดร่วมวง
“บุญยง ตันสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านอาหาร อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เซ็น, อากะ, ออน เดอะ เทเบิล, อาหารตามสั่ง เขียง ฯลฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า บริษัทสนใจตลาดอาหารแช่แข็ง อยู่ระหว่างมองหาโอกาสพัฒนาสินค้า
โดยเริ่มไปที่คอนเนกต์ซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์โดยตรง เรามองว่าตลาดค่อนข้างน่าสนใจและมีโอกาส เนื่องจากอาหารแช่แข็งมีมาร์เก็ตไซซ์ที่ค่อนข้างใหญ่กว่า 9 หมื่นล้านบาท
และมีแนวโน้มโตสวนทางกับวิกฤตโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจซึ่งไม่ได้รับผลกระทบเหมือนกับธุรกิจร้านอาหารที่ตลาดซบเซาไป 2-3 ปี แต่ธุรกิจของอาหารแช่แข็งกลับเติบโตขึ้น
ขณะที่ “นพพร ภัทรรุจี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ ระบุว่า ปัจจัยหนุนหลักของอาหารแปรรูปแช่แข็งและอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปพร้อมทาน (ready to eat) ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอาจเป็นไปตามการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวกลับมา โดยเฉพาะช่วงหลังจากคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย
ล่าสุดบริษัทได้ผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนพืช (plant based) ภายใต้แบรนด์ “Kitchen Plus” วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ มีเมนูที่หลากหลาย อาทิ กะเพรา บะหมี่หมูสับ เปาะเปี๊ยะทอด ลาบทอด ฯลฯ ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
และมีแผนเตรียมขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มทั้งยุโรปและอเมริกา จากปัจจุบันมีสัดส่วนการขายอาหารแช่แข็งมาจากตลาดในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%
เซเว่นฯดึงเชฟดัง-โปรฯจูงใจ
รายงานข่าวจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาปัจจุบันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำงานหรืออยู่บ้านมากขึ้น หรือมีการทำงานที่บ้าน (work from home)
โดยเฉพาะช่วงที่โควิดระบาด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มอาหารพร้อมทานเติบโต เนื่องจากสะดวกหาซื้อง่าย และราคาคุ้มค่า เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการยกระดับอาหารพร้อมทานให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ทั้งอาหารจานเดี่ยวและกับข้าว ที่พัฒนาร่วมกันกับพันธมิตรอย่างแบรนด์อาหารดัง รสนิยม หรือเมนู chef care ที่ได้เชฟชื่อดัง อาทิ เจ๊ไฝ มาช่วยทำให้เมนูมีความแปลกใหม่มากขึ้น
และที่ผ่านมายังมีเมนูที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ เช่น อาหารแคลอรีต่ำ อาหารที่ลดเกลือ ลดน้ำตาล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชั่นโดยนำอาหารพร้อมทานมาจับคู่กับเครื่องดื่ม เบเกอรี่ ชูจุดขายราคาที่คุ้มค่า ทำให้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีหลายบริษัทออกมาเคลื่อนไหวในการรุกตลาดอาหารแช่แข็งและอาหารพร้อมทานอยู่เป็นระยะ ๆ เช่น เครือเบทาโกร ปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานมากขึ้น
โดยมีเมนูมากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ได้แก่ อาหารทานเล่น และสินค้าทอดประเภทหมู ไก่ ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน กับข้าวสำเร็จรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์ปรุงรสและเบเกอรี่ เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เครือเบทาโกรยังได้จัดตั้งบริษัทร่วมกับเคอรี่ เปิดตัวธุรกิจ “KERRYCOOL” ให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสดแช่เย็น และผลิตภัณฑ์แช่แข็งต่าง ๆ โดยจะให้บริการแบบเต็มรูปแบบช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 เพื่อช่วยนำสินค้าอาหารแช่แข็งเข้าไปถึงลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น
จากนี้ไปคาดว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ กระโดดเข้ามาในตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดนี้เติบโตมากขึ้น