“รถบรรทุกแก๊สระเบิด” ปี 2533 เคยเป็นพาดหัวหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ถนนเพชรบุรีซึ่งเป็นถนนสายหลักของกรุงเทพมหานครต้องกลายเป็นทะเลเพลิงเผาผาญบ้านเรือนประชาชน รถยนต์ และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ทันที 89 ชีวิต บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก เหตุการณ์นี้แม้จะผ่านมานานถึง 28 ปี แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงจดจำโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้ดี และยังมีอีกหลายคนที่ยังคงต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วยทั้งร่างกาย และจิตใจจากเหตุการณ์นี้ ทีมข่าวสปริงนิวส์จะพาไปย้อนเหตุการณ์นี้กันอีกครั้ง
เวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 24 กันยายน 2533 ถนนเพชรุบรีตัดใหม่บริเวณใต้ทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ ก็มีสภาพการจราจรที่ไม่แตกต่างจากปัจจุบัน ซึ่งเวลานี้เองขณะที่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และพาหนะอื่นๆกำลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่บริเวณใต้ทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.จู่ๆก็มีรถบรรทุกแก๊ส ที่บรรทุกถึงแก๊สขนาด 20,000 ลิตร จำนวน 2 ถัง จากพระราม 3 ที่กำลังจะไปส่งให้ปั๊มแก๊สย่านห้วยขวาง แล่นลงมาจากทางด่วนด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังว่าจะไม่ให้ติดสัญญาณไฟแดงเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่ด้วยรถมีน้ำหนักมากประกอบกับความเร็วทำให้ นายสุทัน ฝักแคเล็ก คนขับรถบรรทุกแก๊สไม่สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ ส่งผลให้รถบรรทุกแก๊สเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ถึงแก๊สที่อยู่บนรถกระเด็นหลุดออกจากตัวรถ ก่อนจะเสียดสีกับถนนจนเกิดการรั่วไหลเป็นควันสีขาวปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
แต่หมอกของแก๊สที่กระจายปกคลุมพื้นที่อยู่ได้ไม่นาน ทำปฎิกิริยากับประกายไฟกลายเป็นดวงไฟขนาดมหึมาขนาดความสูงเท่าตึก 3 ชั้น พุ่งลามไปตามถนนเผาผลาญรถยนต์ อาคารบ้านเรือนประชาชน และเผาผลาญทุกชีวิตที่อยู่โดยรอบ รถยนต์ที่จอดอยู่ก็จมอยู่ในทะเลเพลิง มีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้รอดชีวิตให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในสมัยนั้นว่า ท่ามกล่างเสียงร้องโหยหวน ของผู้ประสบภัยทั้งที่อยู่บนรถยนต์ ในบ้าน อาคารที่พัก และที่วิ่งหนีตายออกมานอกถนน บ้านเรือนกว่า 30 คูหา ถูกไฟเผาใหม่อย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในรถ ต่างพยายามสตาร์ทรถหนี้แต่ไม่เป็นผล เพราะเปลวไฟพุ่งเข้าหาอย่ารวดเร็ว เนื่องจากแก๊สได้ระเหยเข้าไปในช่องแอร์ของตัวรถ เมื่อเปิดประตูลุกวิ่งหนี ไฟได้ลุกท่วมตัว ล้มลงนอนครวญคราง และเสียชีวิตอย่างอเนจอนาถ สุดที่ใครจะช่วยเหลือได้ทัน ไม่เพียงเท่านั้นแสงเพลิงยังลุกลามเผาผลาญชุมชนอยู่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานถึง 24 ชั่วโมง ก่อนจะพบว่ามีอาคารบ้านเรือนประชาชนเสียหายไป 51 ห้อง รถยนต์เสียหาย 67 คัน
เหตุการณ์นี้ยังคร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปมากถึง 89 ชีวิต รวมถึงนายสุทัน ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกแก๊สด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ นพ.ประจักษ์วิช เล็บนาค รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความสามารถของทีมแพทย์ที่ทำการรักษาในขณะนั้น ประกอบกับกำลังใจของครอบครัวและประชาชนที่มอบให้ ทำให้ น.พ.ประจักษ์วิช ผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตมาได้ และจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้รายการโทรทัศน์ในสมัยนั้นเชิญ น.พ.ประจักษ์วิช ไปออกรายการ รวมถึงมีภาพยนต์ต่างประเทศนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปสร้างเป็นภาพยนต์มาแล้วเช่นกัน
หลังเหตุการณ์นี้มีการสืบหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทราบว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความประมาทของนายสุทัน ซึ่งเป็นคนขับเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะเจ้าของกิจการที่มักง่ายที่นำถึงบรรจุแก๊สแบบที่ใช้ติดตั้งบนพื้นดิน มาติดตั้งกับรถบรรทุกโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบ และทดสอบจากกรมโยธาธิการ อีกทั้งเจ้าของกิจการก็ไม่ได้ติดตั้งระบบลิ้นควบคุมการไหลหรือวาล์วนิรภัยไว้ที่ถังบรรจุแก๊ส 27 ธ.ค.2533 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 2 หมื่น กรรมการบริการบริษัทแก๊สสยาม จำกัด 27 ธ.ค.2537 ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในที่สุดศาลชั้นตฎีกาได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 ลดโทษจำคุกจำเลยเหลือ 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท โทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งสาเหตุที่ลดโทษเนื่องจาก จำเลยได้ชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไปแล้วกว่า 137 ล้านบาท
หลังเหตุการณ์นี้หน่วยงานราชการต่างตื่นตัวแก้ไขและออกกฎหมายเพื่อมาควบคุมเพื่อความปลอดภัย ทั้งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อไฟ พ.ศ.2542 พร้อมอนุมัติงบประมาณ 500 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบ แม้จะมีกฎหมายออกมาแต่ไม่ใช่ตัวยืนยันว่าจะไม่มีอุบัติเหตุในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เพราะหลังจากนั้นมาประเทศไทยยังมีเหตุการณ์เกี่ยวกับรถแก๊สเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง แต่โชคดีที่ทุกครั้งยังไม่มีเหตุรุนแรงจนกลายเป็นโศกนาฎกรรมเหมือนเหตุการณ์เมื่อปี 2533
ชมคลิปเต็ม ศูนย์วิทยุพระราม199 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
T ค่อยๆพิมพ์ไม่ต้องรีบครับ
25 ก.ย 2561 เวลา 02.59 น.
Kaitong ทำให้ยอดการขายถังดับเพลิงติดบ้าน ตอนนั้นพุ่งเกือบ 200% เลยทีเดียว
25 ก.ย 2561 เวลา 02.47 น.
Σ ö O k คนตายขนาดนี้ โทษเบามากแถมลดโทษอีก เห้อออกม.ไทย
25 ก.ย 2561 เวลา 02.46 น.
ขออย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะน่ากลัวมาก
25 ก.ย 2561 เวลา 02.39 น.
สุทัศน์ พรมภักดี สรุป. รอลงอาญา. เมื่อ28. ปีที่แล้ว. จนทุกวันนี้
25 ก.ย 2561 เวลา 01.42 น.
ดูทั้งหมด