15 ธ.ค. 16 - ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศาลนัดฟังคำสั่งขออนุญาตฎีกา คดีที่นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการนิตยสารชื่อดัง “ลิปส์” และนักจัดดอกไม้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธีรวัต ณ ป้อมเพชร อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นางชวนพิศ วัชรสินธุ์, ม.ร.ว.นิวัตการ ณ ป้อมเพชร และนายพัชรพงศ์ ณ ป้อมเพชร เป็นจำเลยที่ 1-4 ในคดีมรดก พินัยกรรม กรณีที่ดินโฉนดเลขที่ 1003 เลขที่ 15 ถนนจันทร์ ต.ทุ่งวัดดอน อ.ยานนาวา กรุงเทพฯ รวมอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจำเลยที่ 1, 3 และ 4 เป็นทายาทของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร อดีตเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในหลายประเทศ
คดีนี้นายศักดิ์ชัย โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2549 นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร บิดาของจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ถึงแก่ความตาย มีโจทก์เป็นทายาทผู้รับพินัยกรรม จำเลยที่ 1, 3 และ 4 เป็นทายาทโดยธรรม และจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของนายวิวรรธน์ ก่อนถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2548 นายวิวรรธน์ได้ทำพินัยกรรมฉบับก่อนยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1003 ต.ทุ่งวัดดอน อ.ยานนาวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย. 2559 ศาลฎีกาพิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับหลังเป็นโมฆะ ทำให้พินัยกรรมฉบับก่อนยังคงมีผลบังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นทายาทผู้รับพินัยกรรมได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้ง 4 คนดังกล่าว โอนทรัพย์มรดกแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้ง 4 เพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยร่วมกันโอนที่ดินที่พิพาทดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์
จำเลยทั้ง 4 เบิกความต่อศาลว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พินัยกรรมตามฟ้องไม่สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2550 จำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์คดีนี้ เป็นจำเลยให้เพิกถอนพินัยกรรม ฉบับลงวันที่ 21 ธ.ค.2548 เนื่องจากเป็นพินัยกรรมที่โจทก์กับพวกร่วมกันทำปลอมขึ้นตามคดีหมายเลขดำที่ 2942/2560 ของศาลชั้นต้น ต่อมาศาลฎีกาในคดีเดิม พิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 21 ธ.ค. 2548 เป็นโมฆะ พินัยกรรมที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ มีวันที่และข้อความเดียวกับพินัยกรรมในคดีเดิม เมื่อคดีเดิมถึงที่สุด ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ และดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความไปแล้ว
โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากระบุว่าพินัยกรรมที่โจทก์นำมาฟ้อง โจทก์ยอมรับตามคำฟ้องว่ามีอยู่ก่อนพิพาทกันในคดีหมายเลขดำที่ 2942/2560 ซึ่งโจทก์ก็เป็นจำเลยในคดี แต่ก็ไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุว่า เพิ่งทราบว่ามีพินัยกรรมฉบับที่นำมาฟ้องเพิ่งจะมีผลนั้นไม่ได้
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา พร้อมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 1442/2550 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ และคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสี่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่นั้น ไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง (1) (3) และ (5) จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา ยกคำร้องขออนุญาตฎีกาและไม่รับฎีกาของโจทก์ และคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์
Jaseda ของที่ไม่ใช่ของๆเรา ....แต่ก็ยังอยากจะได้.
เอาใจคนแก่ที่ลูกหลานเค้าไม่ใส่ใจเพื่อหวังสมบัติ.เค้ามันน่าทุเรศนะ....อยากทำตัวหรูหราฟุ่ฟ่าในวงสังคมแต่ตัวเองมาจากดินเลยอยากได้สมบัติของคนอื่น....น่าอนาจใจจริงๆ
15 ธ.ค. 2561 เวลา 02.49 น.
bigsu ภาษีกมนี่อ่านแล่วงง วนไปวนมา สรุปว่าไงใครบอกที555
15 ธ.ค. 2561 เวลา 02.42 น.
ปรี๊ดดดด! เป่านกหวีดต้านโกง แต่โกงอยากได้มรดกของคนอื่น ทุเรศจริงๆ
15 ธ.ค. 2561 เวลา 01.38 น.
กาญจนา บริหาร เออ!!!มียังงี้ด้วย
15 ธ.ค. 2561 เวลา 01.31 น.
Dum มรึงเป็นอะไรกะเค้า? ผัวหรือเมีย
15 ธ.ค. 2561 เวลา 01.26 น.
ดูทั้งหมด