พ่อบอกให้เดชาเรียนแพทย์ แม่อยากให้เขาเรียนกฎหมาย แต่เขาอยากเรียนศิลปะ เดชาบอกพ่อแม่ว่าเขาโตแล้ว เลือกทางเดินตัวเองได้ เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของพ่อแม่ แต่รู้สึกแย่กว่าเมื่อทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ
ถาวรทำงานออกแบบโฆษณา เขาใส่รูปสินค้าเล็กๆ แต่เจ้านายบอกว่าอยากให้รูปสินค้าใหญ่ เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของเจ้านาย แต่รู้สึกแย่กว่าหากทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ
นารีไปซื้อกระเป๋าสะพายกับเพื่อนสาวสองคน เธอชอบใบสีเหลือง เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าใบสีแดงเหมาะกับเธอมากกว่า เพื่อนอีกคนว่าน่าจะเป็นกระเป๋าหนังมากกว่า เธอไม่ชอบทั้งสองแบบที่เพื่อนแนะนำ นารีรู้ว่าเพื่อนของเธอมีรสนิยมดี เธออยากเอาใจเพื่อน แต่เธอรู้สึกว่าทำแล้วไม่มีความสุข
ฯลฯ
มนุษย์เรามีสัญชาตญาณกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ เราอยากรู้ว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาอะไรเมื่อเราทำเรื่องหนึ่งๆ คนอื่นจะคิดอะไรเมื่อเราสวมเสื้อไม่เหมือนคนอื่น สีไม่ตรงใจพวกเขา กินไม่เหมือนพวกเขา เราอยากให้คนอื่นชอบเรา
เรารู้สึกว่าเราเป็นคนมีค่าก็เมื่อคนอื่นชอบเรา ยิ่งมากคน ยิ่งดี
ถ้าเราไม่ทำสิ่งที่ขัดกับความชอบของคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ เพราะกลัวจะได้ยินคำว่ากล่าวของคนอื่น
ปัญหาคือถ้าเราทำตามใจคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ
……………
มนุษย์แต่ละคนมีความฝัน ความคิด ความต้องการ และวิถีทางของตัวเอง แต่ละคนเชื่อว่าตนเองถูกต้อง คนส่วนใหญ่ชอบหาคำตอบสุดท้ายคำตอบเดียวในทุกเรื่อง
พวกเขาเห็นว่าคนที่แตกต่างจากตนคือคนประหลาด ทั้งนี้เพราะคนส่วนใหญ่กลัวความแตกต่างจากความเคยชินของพวกเขา พวกเขาคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นคือเรื่องไม่ถูกไม่ดี
ประสบการณ์ชีวิตต่างกันปรับหลอมโลกทัศน์และมุมมอง และเมื่อใช้มุมมองแบบหนึ่งไปมองอีกคนหนึ่ง ย่อมเห็นความแตกต่าง และหากใจไม่กว้างพอ ก็จะวิพากษ์และตัดสินคนอื่นด้วยมุมมองและกรอบคิดแคบๆ ของตัวเอง
ดังนั้นเราจึงมักถูกคนที่เห็นต่างจากเราตัดสิน และพยายามชี้ทางที่เขาเชื่อว่าถูกต้องหรือดีที่สุดให้เราเดิน
หากเราทำตามใจเขา ก็เท่ากับเราพยายามเอาใจเขาคนนั้น
แต่ความจริงคือ ไม่ทุกเรื่องในชีวิตที่มีคำตอบเดียวหรือต้องมีคำตอบ
ความจริงคือ มีคนนับล้านๆ ที่เห็นต่างกัน ความเห็นหรือคำแนะนำนับล้านและขัดแย้งกัน ไม่อาจถูกต้องพร้อมกัน
นี่แปลว่าความเห็นเป็นความคิดส่วนตัว ไม่ใช่สัจธรรม
เรื่องหลายเรื่องในโลกเป็นรสนิยมส่วนตัว เป็นนานาจิตตัง ดังนั้นไม่มีวิถีทางใดที่ถูกต้องสูงสุด
จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาใจทุกคน
และเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราไม่ทำตามใจคนอื่น เราจะถูกวิพากษ์
……………
มนุษย์เราชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น มันเป็นสัญชาตญาณมืดของเราแต่ละคน บางคนชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวด
โลกโชเชียลในเวลานี้ทำให้การนินทาว่าร้าย ใส่ความ ตัดสินคนอื่นกระทำได้ง่ายดายด้วยปลายนิ้ว อิโมจิแบบต่างๆ ใช้แทนความรู้สึกของคนในการตัดสินคนอื่น
คนจำนวนมากมีมายาคติ อคติ เมื่อเห็นคนอื่นทำเรื่องแตกต่าง ก็พ่นคำร้ายๆ ออกมาไม่ยั้ง พวกเขาสามารถสรรหาคำพูดมาทำร้ายเราได้เสมอ ราวกับว่าพวกเขาว่างงาน และเป็นโรคซาดิสต์อย่างรุนแรง
คนส่วนใหญ่ต้องแสดงความเห็นในทุกเรื่อง แม้แต่ในเรื่องที่ตัวเองไม่มีความเห็น ก็ต้องขุดอะไรสักอย่างออกมา ถ้าคิดไม่ออก ก็สนับสนุนความเห็นของคนอื่นที่ตนชอบที่สุด
พูดง่ายๆ คือไม่ว่าเราจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ก็มีคนวิพากษ์และตัดสินเราเสมอ
เมื่อเข้าใจดังนี้ เราจึงไม่ต้องไปสนใจความเห็นต่างที่เป็นรสนิยมส่วนตัว “ชอบ-ไม่ชอบ” นัก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาใจทุกคน
การเอาใจคนอื่นเท่ากับการไม่เอาใจตัวเอง เท่ากับการปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของเรา ถ้าเช่นนั้น เรามีชีวิตอยู่ไปทำไม ในเมื่อเราไม่สามารถใช้ชีวิตของเราเองได้?
ถ้าเราทำตามคนอื่นทุกครั้งที่ได้ยินการชี้ทางของคนอื่นโดยไม่ไตร่ตรอง มิเพียงเราจะสูญเสียตัวตนของตัวเอง เรายังสูญเสียความสุข
เราควรเป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่เราชอบ เรารัก ทำเรื่องที่ดีและสร้างสรรค์ ไม่ทำเรื่องชั่วร้ายหรือทำร้ายคนอื่น ส่วนที่เหลือ - ช่างหัวมัน
อยากทำอะไรก็ทำ แค่อย่าเหยียบเท้าคนอื่น
เดินไปข้างหน้า ใครจะคิดอะไรก็ปล่อยเขา เพราะคนบางประเภทชอบละลายเวลาที่มีค่าวิพากษ์คนอื่น
……………
วินทร์ เลียววาริณ
tuk tic ก็รู้อยู่นี่ แต่คุณก็วิจารย์คนอื่น และคิดไหม๊ว่าเขาก็คิดเหมือนคุณ
24 มิ.ย. 2562 เวลา 12.24 น.
𝐩𝐮𝐧𝐜𝐡 🫶🏻💐 👍👍👍👍👍
24 มิ.ย. 2562 เวลา 15.26 น.
😍😍😍
24 มิ.ย. 2562 เวลา 13.01 น.
ratchaya367 พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า การกระทำที่ถูกต้องต้องไม่เบียดเบียนตน และผู้อื่น ที่สำคัญ ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย อย่ายึดมั่นถือมั่น แล้วจะไม่ทุกข์ ไม่หนัก
24 มิ.ย. 2562 เวลา 15.37 น.
ถึงแม้ว่าเรารู้ว่าในบางสิ่งบางอย่างถ้าเราได้ทำลงไปแล้วนั้นอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจกับใครบางคนก็ตาม แต่ถ้าเราได้คำนึงถึงในความถูกต้องและผลลัพย์ที่จะเกิดขึ้นตามมาดีแล้วเราก็สามารถที่จะตัดสินใจได้เอง.
24 มิ.ย. 2562 เวลา 12.36 น.
ดูทั้งหมด