ลา ลูแบร อัครราชทูตจากราชสำนักฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีในแผ่นดิน “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ได้บันทึกถึงสภาพสังคม ประชากร รวมถึง ซ่องโสเภณี ในสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้อย่างน่าสนใจ
ประชากรในกรุงศรีอยุธยามีเท่าไหร่?
ตอบว่าไม่มีหลักฐานเลย และยังไม่มีเครื่องมือใด ๆ คำนวณได้ แต่เท่าที่รู้จากจดหมายเหตุของมร.เดอะ ลา ลูแบร อัครราชทูตจากราชสำนักฝรั่งเศส ที่เดินทางเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ (ราชอาณาจักรสยาม โดย ลา ลูแบร – แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร. สำนักพิมพ์ก้าวหน้า ๒๕๑๐) ว่า ในพระราชอาณาจักรสยามมีประชากรประมาณ 1,900,000 คน ซึ่งลา ลูแบร บอกไว้ด้วยว่า มากไป ๆ ตัวเลขนี้จะให้เชื่อแน่นอนยังไม่ได้
ลา ลูแบร ยังบันทึกเรื่องราวลึกลับไว้อีกว่ามีโสเภณี 600 คน อยู่ในซ่องของ“ออกญามีน” ถ้าจำนวนไม่ “เว่อร์” เกินไปก็แสดงว่าทั้งกรุงศรีอยุธยาต้องมีโสเภณีนับเป็นพัน ๆ เพราะเพียงซ่องเดียวก็ปาเข้าไป 600 แล้ว
“ออกญามีน” เป็นใคร?
ลา ลูแบรบันทึกว่า “บรรดาผู้ที่มีบันดาศักดิ์สูงนั้น หาใช่เจ้านายใหญ่โตเสมอไปไม่ เช่นเจ้ามนุษย์อัปรีย์ที่ซื้อผู้หญิงและเด็กสาวให้มาฝึกเป็นหญิงนครโสเภณีคนนั้นก็ได้รับบันดาศักดิ์เป็นออกญา เรียกกันว่าออกญามีน (Oc-ya-Meen) เป็นบุคคลที่ได้รับการดูถูกดูแคลนมากที่สุด มีแต่พวกหนุ่มลามกเท่านั้นที่ไปติดต่อด้วย” ซ่องของออกญามีนไม่ใช่ซ่องเถื่อน แต่เป็นซ่องที่ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะมีการส่งส่วย “เสียเงินภาษีถวายพระมหากษัตริย์” ด้วย
โสเภณีเหล่านี้เป็นใคร? มาจากไหน?
ลา ลูแบร บันทึกว่าบรรดาโสเภณี 600 คน “ล้วนแต่เป็นบุตรีขุนนางที่ขึ้นหน้าขึ้นตาทั้งนั้น” นอกจากนี้หัวหน้าซ่อง“ยังรับซื้อภรรยาที่สามีขายส่งลงเป็นทาสีด้วยโทษคบชู้สู่ชาย” มารับแขกเป็นโสเภณีด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะ“สามีเป็นผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดในครอบครัว ถึงขนาดอาจขายบุตรและภรรยาทั้งหลายเสียได้ ยกเว้นภรรยาหลวงแต่ผู้เดียวเท่านั้นที่เขาจะทำได้เพียงขับไล่ไปเสียให้พ้นเท่านั้น” การลงโทษเมียและลูกสาวที่ “ขุนนาง” ไม่พอใจคือขายเข้าซ่อง
ทำไมต้องเป็นเมียและลูกสาวขุนนาง?
เรื่องนี้ ลา ลูแบร บอกร่องรอยไว้ว่า ภรรยาพวกขุนนางผู้ใหญ่ไม่ค่อยได้พบปะใคร และไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปไหนมาไหน นอกเสียจากไปเยี่ยมญาติและไปทำบุญที่วัดเป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งก็มักอยู่ข้าง ๆ บ้านนั่นเอง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความเป็น “ผู้ดี” หรือความเป็น “เบญจกัลยาณี” ที่จะต้องยึดถือคติ “อยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน” อย่างเข้มงวด ซึ่งลา ลูแบร บันทึกว่า “แทนที่นางจะรู้สึกว่าตนดำเนินชีวิตอยู่ในที่กวดขัน กลับรู้สึกเป็นเกียรติแก่ตัวเสียซ้ำ และเห็นว่าการไปไหนมาไหนได้โดยเสรีนั้น กลับเป็นสิ่งที่น่าอัปยศไปเสียอีก กลับจะเห็นว่าสามีไม่ยกย่องและดูหมิ่นนางไปเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาปล่อยปละละเลยให้นางไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจ”
พฤติกรรมกวดขันดังกล่าวจะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น ถ้าขุนนางผู้นั้นมีศักดิ์และอำนาจสูงขึ้น ทำให้เกิดประเพณีไม่อนุญาตให้หญิงสาวสนทนาพาทีกับชายหนุ่่ม ซึ่งเท่ากับสร้างความกดดันทางเพศอย่างยิ่ง ฉะนั้นหญิงสาวจะมักลักลอบพบชายหนุ่มในที่ลับ ๆ ได้เสมอ ๆ แม้ในหมู่นารีราชบาทบริจาริกาของพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ผู้ตกอยู่ในที่แวดล้อมกวดขันมั่นคงก็หลบลี้หนีไปหาชายชู้จนได้ ถ้าถูกจับได้ก็ตาย ถึงไม่ตายก็ถูกขายเข้า “ซ่องโสเภณี” เพราะเป็นเรื่องศักดิ์ศรีและหน้าตาของผู้มีอำนาจที่ถูกทำให้เสียศักดิ์ศรีและเสียหน้า
เมียและลูกของพวกไพร่ล่ะมีชีวิตเป็นยังไง? ถูกขายเข้าซ่องบ้างไหม?
ตรงกันข้ามกับเจ้าขุนมูลนายทุกประการ เพราะบรรดาเมียและลูกของพวกไพร่ต้องทำมาหากินและทำมาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ “มีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้เต็มที่” จึงไม่มีความเก็บกดทางเพศ และไม่ต้องถูกขายเข้าซ่อง ถ้าจะเก็บกดก็คงเรื่องไม่มีจะกิน
แต่พวกไพร่อาจถูกขายเป็นทาสี เพราะผู้ชายเสียการพนันแล้วขายลูกเมียใช้หนี้ ซึ่งมีโอกาสเข้าไปอยู่ใน ซ่องโสเภณี ได้เหมือนกัน
อ่านเพิ่มเติม :
- “ซ่องโสเภณี” ไต้หวันยุค 80 กับสถานะทางกฎหมายที่เปลี่ยนกลับไปกลับมา
- ส่องซ่องโสเภณีถูกกฎหมายในปอมเปอี หลักฐานสถานบริการยุคโรมันสะท้อนวิถีโบราณ
- เรื่องเพศสมัยกรุงเก่า “รับจ้างทําชําเราแก่บุรุษ” มีเจ้าของ “ซ่อง” เป็นถึง “ออกญา”
- คำว่า ชำเรา ที่พบตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ฤาจะไม่ใช่ภาษาไทย แต่ไปขอจากเขมร?
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ“ซ่องโสเภณี สมัยกรุงศรีอยุธยา มีแต่ลูกสาวขุนนาง” ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับมีนาคม 2536
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 2 สิงหาคม 2562
K: ไม่คิดว่าฝรั่งเขียนจากมุมมองมันมั่ง เราไม่ได้อยู่ในสมัยนั้น จะรู้ได้ไงว่าไม่ป้ายสี ฝรั่งสมัยเข้าประเทศเราใหม่ๆ ดูถูกดูแคลนพวกเรา ว่าพวกเราเป็นชาวป่าเถื่อนด้วยซ้ำ
23 ก.ค. 2562 เวลา 13.51 น.
พี่นาวา&น้องนาวิก✓ คุณเคยคิดว่าคนอื่นดีกว่าคุณไหมครับผมว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ใครดูดีกว่าตนแน่นอนประเทศก็เหมือนกันไอ้พวกฝรั่งอัปรีย์พวกนี้ก็เช่นกันมันก็คงไม่เขียนประวัติศาสตร์ของประเทศเราให้ดูดีกว่าพวกมันหรอกมั้ง
23 ก.ค. 2562 เวลา 14.00 น.
TSGD2456 ฝรั่งมองจากมุมฝรั่ง
แต่อดีต ชายมีเมียมากไม่แปลกโดยเฉพาะเจ้าพระยานาหมื่น หากหญิงใดคบชู้สู่ชาย หากถูกจับได้ก็จะถูกนำตัวไปขายซ่องบ้าง ลงโทด้วยการทรมานต่างๆนาๆ สารพัด
ส่วนใครบอกเชื่อตามฝรั่งก็สุดแท้แต่
หากใช้สติและสมอง ตรอง ศึกษาให้มาก
ก็จะเข้าใจว่า บรรดาคนมียศฐาบรรดาศักดิ์ รักในศักดินาตนแค่ไหน คงเดาไม่ยาก ใช่ไหม...
23 ก.ค. 2562 เวลา 14.09 น.
คิดดี ทำดี มีน้ำใจ อยากรู้จังว่ามึงมีวัตถุประสงค์อะไรถึงได้เจาะจงคัดลอกมาเขียนให้เค้าอ่านกัน ตอบด้วยนะ
23 ก.ค. 2562 เวลา 14.05 น.
โก้ ด้านมืดมีจริง ปัจจุบันนี้ก็ยังมีให้เห็น โถ...เขาพูดความจริง ทำเป็นดัจจริตรับไม่ได้
24 ก.ค. 2562 เวลา 01.30 น.
ดูทั้งหมด