สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมียนมาบุกตรวจไร่เถื่อนบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ในนครมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของเมียนมา และพบว่ามีการลักลอบทำไร่กัญชากว่า 50 ไร่ และปลูกกัญชาไว้กว่า 350,000 ต้น รวมถึงมีกัญชาหลายต้นที่มีความสูงกว่า 2 เมตร นอกจากนี้ยังพบเมล็ดกัญชากว่า 300 กิโลกรัม และกัญชาที่ผ่านการแปรรูปแล้วอีก 270 กิโลกรัม
ทั้งนี้รายงานระบุว่ามูลเหตุที่นำไปสู่การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการโพสต์ภาพที่ถ่ายในไร่กัญชาแห่งนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก และมีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย ทำให้เจ้าหน้าที่ สามารถจับชายชาวอเมริกันได้ 1 คน และชาวเมียนมาอีก 2 คน โดยมีการตั้งข้อหาฐานละเมิดกฎหมายยาเสพติดและควบคุมวัตถุออกฤทธิ์ในเมียนมา
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหารายหนึ่งเป็นชาวอเมริกันมีชื่อว่าจอห์น เฟรดริก โทโดโรกิ อายุ 63 ปี ถูกควบคุมตัวพร้อมกับชาวพม่าสองคนคือนายยู ชิน แลท วัย 37 ปี และนายหม่านชู่เลอม ยัตโน วัย 23 ปี ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาถูกกักตัวในเขตการปกครองของ Ngazun โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาตัวผู้ต้องสงสัยชาวอเมริกันอีก 1 คนคือนาย Alexander Skemp Todoroki วัย 49 ปีที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อกับคดีนี้เช่นกัน
กฎหมายเกี่ยวกับ ‘กัญชา’ ในเมียนมา
กัญชาถูกขึ้นบัญชีให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายในเมียนมาตั้งแต่ปี 2413 ซึ่งในขณะนั้นเมียนมายังอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แต่กระนั้นกัญชายังคงเป็นที่ต้องการในหมู่แรงงานชาวอินเดีย หลังจากนั้นในปี 2482 รัฐบาลพม่าในขณะนั้นจึงเปลี่ยนมารับรองการใช้กัญหาถูกฎหมาย และเก็บภาษีกัญชา
แต่ในปัจจุบัน ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ cannabis.info ระบุว่าการผลิตการขาย และการครอบครองผลิตภัณฑ์กัญชาทุกรูปแบบถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในเมียนมา ส่วนการเพาะปลูกกัญชาเพื่อการสันทนาการนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในเมียนมาเช่นกัน ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืน ก็อาจนำไปสู่การถูกลงโทษที่รุนแรงได้
https://seeme.me/ch/goodmorningthailand/9W5KX4
เทียบกฎหมายกัญชาในไทย
ในประเทศไทย “กัญชา” ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้กัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เช่นเดียวกับพืชกระท่อม พืชฝิ่น
โดยมีการระบุว่า กัญชา มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC)ซึ่งมีฤทธิ์ต่อสมอง ควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้เสพ ทำให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้า เมื่อเสพจะต้องการปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ความคิดอ่านช้า และสับสน ประสาทหลอน โดยเฉพาะการเสพกัญชาด้วยการสูบเพียง 4 มวน เท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน (1 ซอง) เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าสูบบุหรี่ถึง 5 เท่า
แต่หลังจากนั้น เมื่อไม่นานมานี้ มีการออกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2562 ที่ระบุให้ “กัญชา” และ “กระท่อม” สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคได้ ทำให้ประเทศไทยกลายได้ว่าเป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัยทางวิทยาศาตร์ได้ หลังจากมีการถกเถียงเรื่องกัญชาเสรีในไทยมาระยะหนึ่ง
กฎหมายกัญชาในประเทศพัฒนาแล้ว
ในหลายประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องผ่านกระบวนการอันซับซ้อน กว่าจะเปลี่ยนให้ “กัญชา”กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ยกตัวอย่างอย่างในสหรัฐฯ ที่ต้องรอนานกว่า 3 ทศวรรษ กว่าประชาชนจะสามารถใช้กัญชาเพื่อ “ความบันเทิง” ได้
แต่ในทุกวันนี้ ประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วมากมาย อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ก็สามารถใช้กัญชาในทางการแพทย์ หรือเพื่อความบันเทิงได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะนอกจากจะรักษาโรคได้แล้ว ยังสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้รัฐโกยภาษีมหาศาลเข้าประเทศ รวมถึงสามารถรับรายได้จากการท่องเที่ยว ส่งออก และในทางการแพทย์ได้อีกด้วย
ที่มา www.nytimes.com
oah โชคดีของไทยไป... ไม่งั้น.....
26 เม.ย. 2562 เวลา 09.09 น.
Super cat2 แล้วยาบ้าที่ผลิตเป็นตันๆ ผลิตที่ประเทศอะไร ?
ทำไมถึงกำจัดที่ต้นตอโรงงานผลิตไม่ได้?
26 เม.ย. 2562 เวลา 08.53 น.
ของกลางเอาไปไหน กัน
26 เม.ย. 2562 เวลา 08.51 น.
การเขียนข่าวผมขอตำหนิหน่อยนะครับการเขียนฟาดหัวข้อหรือเนื้อหานั้นกรุณาเช็คข้อความก่อนนะครับเพื่อจะไม่ผิดเพี้ยนเนื้อหาอย่ารีบลงๆไปมั่วๆครับผมเห็นหลายๆข่าวแล้วยิ่งเฉพาะข่าวโจมตีหรือถากถางฝ่ายตรงข้ามยิ่งกระแหนะกะแหน่กันจริงๆครับสร้างสรรค์บ้างครับสื่อดีๆนะ
26 เม.ย. 2562 เวลา 08.38 น.
traveller อเมริกา..อเมริโกย..ลิเก..ยังมีอีกเยอะ..ประเทศนี้..บอยคอตเอาเท่ห์แค่นั้นแหละ
26 เม.ย. 2562 เวลา 08.14 น.
ดูทั้งหมด