E-DUANG : อาการ โรคระบาด การเมือง ปรากฏการณ์ #โตไปไม่โจ

หากไม่มองอย่างเป็น “องค์รวม” หากไม่มองอย่างเป็น “กระบวน การ” ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจสถานการณ์อันนำไปสู่การติดแฮชแท็ก

# โตไปไม่โจ

คำว่า “องค์รวม” ในที่นี้ต้องยึดตามแนวทางที่  นพ.ประเวศ วะสี อธิบายเอาไว้ นั่นก็คือ ตั้งแต่ “ต้น”จนถึง”ปลาย”

นั่นก็คือ อย่างที่ศัพท์ในทางสังคมวิทยาเรียกว่าเป็นระบบเป็นกระบวนการ ไม่แยกส่วน

จุดเริ่มมาจากคำให้สัมภาษณ์ของ”ดร.โก”ผ่านเวิร์คพอยต์

หลังจากนั้น “ลุงยุทธนา”บังเกิดความหงุดหงิดโพสต์แย้งแล้ว โจ นูโว นำไปขยายกลายเป็นเรื่องของ จอห์น วิญญู

เพราะว่า “ดร.โก” เป็นบิดาของ จอห์น วิญญู บรรดา FC จอห์น วิญญู รับท่วงทีกิริยาของ โจ นูโว ไม่ได้จึงก่อปฏิบัติการสาวลึกไปยัง เจริญ พ่อโจ

คราวนี้ก็ได้เรื่อง

ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่าง “เจริญ พ่อโจ” กับ “ดร.โก พ่อจอห์น”

ตกลงใครสร้างคุณูปการให้กับ”สังคม”มากกว่ากัน

เท่ากับเป็นการเปรียบเทียบการส่งผ่านระหว่าง “เจริญ พ่อโจ” ไปยัง โจ นูโว เท่ากับเป็นการเปรียบเทียบการส่งผ่านระหว่าง “ดร.โก พ่อจอห์น” ไปยัง จอห์น วิญญู

ยิ่งเมื่อ จอห์น วิญญู เปิดไลฟ์การสนทนากับ ดร.โก พ่อจอห์น โดยมีมาดามหม่ามี่มา JAM อยู่ด้วย

ยิ่งทำให้เรตติ้ง จอห์น วิญญู พุ่งกะฉูด

เกิดการทำประชามติความนิยม เห็นด้วยระหว่าง โจ นูโว กับ จอห์น วิญญู ขึ้นมา และกลายเป็นประเด็นร้อนในลักษณะทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์

กระทั่ง #โตไปไม่โจ ติดอันดับ 1 ทวิตเตอร์

ปรากฏการณ์ โจ นูโว คือ การตอกย้ำให้เห็นอาการดิ้นของบรรดา ลุงๆป้าๆ ไม่ว่าจะเป็น “ลุงเสรี” ไม่ว่าจะเป็น “ป้าสินจัย”ได้อย่างเป็นรูปธรรมในเมื่อจุดเริ่มมาจาก”ดร.โก”มาจาก”ลุงยุทธนา”

ไม่ว่า โจ นูโว ไม่ว่า จอห์น วิญญู จึงเสมือนกับเป็นผลข้างเคียง บ่งบอกไปถึงพ่อไปถึงแม่

นี่คืออาการโรคระบาดก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อปี 2549