วันที่ 21 ตุลาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เห็นชอบข้อเสนอเพื่อยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือ 30 บาท สามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ ดำเนินการเร่งด่วนใน 4 เรื่องด้วยกัน ดังนี้
1.ประชาชนเจ็บป่วย ไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ ในระบบบัตรทอง ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” โดยเป็นการเริ่มที่บริการระดับปฐมภูมิ เบื้องต้นนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
2.ผู้ป่วยใน ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว เดิมผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล (รพ.) มีส่วนหนึ่งต้องนอนรักษาต่อเนื่องด้วยสาเหตุทางการรักษา ซึ่งในกรณีที่ใบส่งตัวครบกำหนด ในการใช้สิทธิบัตรทองต่อเนื่อง ผู้ป่วยหรือญาติต้องกลับไปยังหน่วยบริการประจำเพื่อขอใบส่งตัวใหม่ เกิดความไม่สะดวกและเป็นปัญหา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัด
ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลในกรณีนี้สปสช.ได้ปรับระบบให้ผู้ป่วยในสามารถรักษาต่อเนื่องได้ทันที ตามการวินิจฉัยของแพทย์โดยไม่ต้องใบส่งตัว ใช้เพียงบัตรประชาชนตรวจสอบตัวตนผู้ป่วย ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่เขต 9 นครราชสีมา
3.โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม โรคมะเร็งเป็นภาวะเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อาการลุกลามและมะเร็งบางชนิดยังเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยขั้นตอนการส่งตัวผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง บางครั้งอาจเป็นอุปสรรคทำให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว
ดังนั้น สปสช. ได้ปรับระบบการดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่ถูกวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็งจะได้ใบรับรองและประวัติ หรือโค้ดเพื่อเลือกไปรับบริการที่อื่นผ่าน 3 ช่องทาง คือ สายด่วนสปสช.1330 แอพลิเคชั่นสปสช. และติดต่อที่หน่วยบริการโดยตรงเฉพาะที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งที่มีความพร้อมเข้าร่วม ให้บริการตามขั้นตอนรักษามะเร็ง บริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth) บริการปรึกษาเภสัชกรทางไกล (Tele pharmacy)
รวมทั้งการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) โดยค่าบริการให้ส่งข้อมูลเบิกจ่ายมายัง สปสช. ซึ่งได้มีการออกแบบการบริหารจัดการไว้แล้ว ทั้งนี้จะเริ่มในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั่วประเทศ ในวันที่ 1 มกราคม 2564
4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน เป็นปัญหาที่ประชาชนเรียกร้องมาระยะหนึ่ง ด้วยติดขัดการเข้ารับรักษาในช่วงของการเปลี่ยนหน่วยบริการที่ตามระบบกำหนดให้ต้องรอ 15 วัน
แต่ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาก้าวหน้า โดยเฉพาะการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วยบริการ ทำให้ สปสช. สามารถปรับระบบแก้ปัญหาช่องว่างนี้ได้ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันทีหลังเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ
รวมถึงกรณีที่ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการเองผ่านแอพพ์ฯ สปสช. โดยหน่วยบริการสามารถพิสูจน์สิทธิและเบิกจ่ายค่าบริการผ่านบัตรประชาชนสมาร์ท การ์ด ทั้งนี้จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2564
Lhindiamond จำได้ว่าช่วงเข้าสภาใหม่ๆ เค้านับคะแนนสนับสนุนนายกตู่ คุณงดออกเสียงจนข่าวขึ้นเลย ลักษณะ คุณก็คล้าย ทักษิณเลยน้า
22 ต.ค. 2563 เวลา 01.49 น.
Chuta เรื่องนี้ขอชม เท่าที่ทราบมายังไม่มีประเทศไหนให้ประชาชนมีสวัสดิการด้านสุขภาพได้มากเท่าประเทศไทยในวันนี้เลย เป็นโชคดีอย่างหนึ่งของคนไทย ถ้าผู้มีอำนาจบางคนเลิกรังแกคดโกงเอาเปรียบคนไทยกันเองได้ ประเทศไทยจะน่าอยู่ที่สุดในโลกเลย
22 ต.ค. 2563 เวลา 01.47 น.
Lhindiamond ปัจจุบันไม่ต้องมี 30 ก็รักษาฟรีอยู่แล้ว ล่าสุด คนแถวบ้านเป็นมะเร็ง รักษาในห้องICU ต้องหลายวัน กลับมาบ้านแล้ว ไม่เสียเงินเลย ทำไมต้องมี 30 บาท คิดถึงทักษิณ หรือ อนุทิน
22 ต.ค. 2563 เวลา 01.45 น.
Note ก็ต่อยอดแบบนี้สิครับ ไม่ใช่ปากบอก30บาททำโรงบาลขาดทุน แต่ไปคุยอยู่เวทีระดับโลกว่าผลงานตัวเอง ทำให้ดีกว่าทักกี้ครับ แล้วประชาชนจะมารักท่านเอง
22 ต.ค. 2563 เวลา 01.18 น.
Keetapat รู้ตัวว่าใกล้หมดเวลาของเอ็งแล้วสิเลยเร่งทำคะแนนไอ้กาก
22 ต.ค. 2563 เวลา 01.07 น.
ดูทั้งหมด