ไลฟ์สไตล์

ชีวิตพลาสติก - วินทร์ เลียววาริณ

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 13 ม.ค. 2563 เวลา 04.19 น. • วินทร์ เลียววาริณ

ปีใหม่นี้ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไทยยกเลิกถุงพลาสติก เป็นจุดเริ่มต้นแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชน ทว่านี่มิใช่หมายความว่าถุงพลาสติกจะหายไป แค่ลดปริมาณลง

แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่เราต้องระวังไม่ชี้นิ้วไปที่จุดจุดเดียวคือถุงพลาสติกตามห้าง ว่ามันเป็นตัวการเดียวของขยะพลาสติก เพราะอาจทำให้ลืมมองภาพรวมของปัญหา ยังมีพลาสติกอื่น ๆ ที่ก่อปัญหา อาจมากกว่าถุงของซูเปอร์มาร์เก็ต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อาจจะชัดเจนกว่าถ้าขยายเป้าให้ใหญ่ขึ้น นั่นคือ พลาสติกใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic) เพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกกว้างขวางขึ้น และได้ผลขึ้น

จะว่าไปแล้ว คนจำนวนไม่น้อยใช้ถุงของซูเปอร์มาร์เก็ตหลายครั้งกว่าจะทิ้ง ถุงของซูเปอร์มาร์เก็ตอาจไม่ใช่ Single-use plastic เมื่อเทียบกับขวดน้ำพลาสติกและอื่น ๆ

Single-use plastic ที่สังคม (ยัง) ไม่ได้กดดันให้เลิกใช้ เป็นพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เราใช้อยู่ทุกวัน เช่น ถุงที่ใส่ลูกชิ้นปิ้ง ถุงใส่น้ำปลา พริก หลอดดูดกาแฟ ถ้วยกาแฟ ขวดน้ำอัดลม ขวดชาเขียว กล่องโฟมใส่อาหาร ฯลฯ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งหมดนี้เป็น Single-use plastic ที่มีอายุสั้นมาก ใช้ครั้งเดียวไม่กี่นาที ก็กลายเป็นขยะทันที ใช้ไม่คุ้มอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับอายุขัยหลายร้อยปีของมัน

สั่งก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหนึ่งห่อ จะได้ถุงพลาสติกมาหกถุง หนึ่งถุงบรรจุก๋วยเตี๋ยว หนึ่งถุงบรรจุน้ำราดหน้า หนึ่งถุงบรรจุพริกป่น หนึ่งถุงบรรจุพริกน้ำส้ม หนึ่งถุงบรรจุน้ำปลา และถุงพลาสติกใหญ่ใส่ทุกถุงเข้าด้วยกัน

เดี๋ยวนี้ร้านกาแฟจำนวนมากไม่เสิร์ฟด้วยถ้วยเซรามิกแล้ว ดื่มในร้านก็ยังเสิร์ฟด้วยถ้วยพลาสติก ใช้ครั้งเดียวก็กลายเป็นขยะในมหาสมุทร

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จะลดขยะพลาสติกสำเร็จหรือไม่จึงอาจไม่ใช่การแบนพลาสติก แต่คือการรู้จักใช้พลาสติกเท่าที่จำเป็น และใช้ให้คุ้มที่สุดในอายุขัยของมัน

……………

สมัยผมเป็นเด็ก พลาสติกมีคุณภาพต่ำมาก เสื้อกันฝนพลาสติกนั้นหนาเตอะ หนักจนไม่มีใครอยากใช้

กาแฟกลับบ้านในสมัยนั้นใส่กระป๋องนม มีเชือกหิ้ว ซื้ออาหารสดในตลาดใช้ใบตองเป็นหลัก

แต่ในที่สุดใบตองก็ถูก ‘ดิสรัพท์’ ด้วยเทคโนโลยีพลาสติก PET ที่ทำให้การผลิตบรรจุภัณฑ์ง่าย สะดวก ราคาถูก มันเปลี่ยนวิถีชีวิตเราโดยสิ้นเชิง

ทุกอย่างมุ่งตรงไปที่พลาสติก อะไร ๆ ก็ต้องพลาสติก จนในที่สุดเราก็กลายเป็นสังคมที่พึ่งพลาสติก

เวลานี้น้ำเปล่าใส่ขวดเป็นตัวการสำคัญหนึ่งของขยะล้นโลก ขวดพลาสติกบรรจุน้ำเปล่าใช้เวลา 450 ปีในการย่อยสลายตามธรรมชาติ 

ณ วันนี้โลกใช้ขวดพลาสติกบรรจุน้ำหนึ่งล้านขวดต่อนาที ถ้านำขวดทั้งหมดในโลกต่อวันมากอง คงสูงเป็นภูเขา วันละภูเขา

ยอดจำหน่ายน้ำขวดพลาสติกในสหรัฐฯสูงกว่าน้ำอัดลม มาตั้งแต่ปี 2016

ขวดพลาสติกและฝาจุกจัดเป็นอันดับสามของขยะในมหาสมุทร มันกลายเป็นอาวุธฆ่าสัตว์น้ำจำนวนไม่น้อย

งานวิจัยบอกว่า พลาสติกที่เราใช้ ๆ กันในโลก รีไซเคิลไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ลงเอยที่การถมที่และทิ้งลงมหาสมุทร ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีรีไซเคิลในโลกยังมีข้อจำกัด

โลกเรามีพื้นที่กว้างขวางก็จริง แต่ถ้าใช้ทิ้งใช้ขว้างแบบนี้ ไม่นานก็ไม่เหลือที่กลบฝังขยะพลาสติก เมื่อพื้นที่กลบฝังลดลง ก็ทิ้งลงห้วงสมุทร

……………

อะไรคือต้นเหตุของปัญหา ?

ผู้ผลิตถุงและบรรจุภัณฑ์พลาสติก ? อาจจะใช่ แต่ไม่ใช่ตัวการหลัก

พ่อค้าแม่ค้าที่ใช้ถุงพลาสติก ? อาจจะใช่ แต่พ่อค้าแม่ค้าก็อาจไม่ใช่ตัวการหลัก

ตัวการหลักก็คือเรา !

บางทีกระบวนการรีไซเคิลควรเกิดที่เราก่อน

คนที่จะรีไซเคิลได้ดีที่สุดก็คือเราทุกคน

ขั้นแรกที่เราช่วยได้ก็คือลดการใช้ Single-use plastic ลง

ถามตัวเองว่า เวลาดื่มน้ำ ดื่มกาแฟเย็น พอจะดื่มโดยไม่ใช้หลอดได้ไหม ? ดื่มจากถ้วยจากแก้วได้ไหม ? ดื่มกาแฟที่ร้านดีกว่าไหม  ?

พอจะกรอกน้ำใส่กระติกมาจากบ้าน พกติดตัวไปทุกที่ได้ไหม? เวลาไปร้านอาหาร ก็จะได้ไม่ต้องสั่งน้ำขวด

เวลาสั่งอาหารกลับบ้าน ไม่เอาถุงพริกถุงน้ำปลาได้ไหม ? ไปใช้น้ำปลาในขวดใหญ่ที่บ้านได้ไหม ?

น้ำอัดลมที่บรรจุในขวดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดเลิกไปเลยดีไหม? มิใช่เพื่อโลก แต่เพื่อสุขภาพตัวเอง

คิดเสียว่าเป็นโอกาสในวิกฤติก็แล้วกัน รักษาทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

ทุกอย่างในโลกทำงานด้วยระบบ Demand-supply เมื่อเราใช้น้อยลง พลาสติกจากผู้ผลิตก็น้อยลง

น่ายินดีที่หลายร้านเริ่มเปลี่ยนจากพลาสติกเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ หลายร้านยกเลิกหลอดพลาสติกไปแล้ว 

แต่ท้ายที่สุดก็เป็นผู้บริโภคนี่เองที่กำหนดชะตาของสังคมและอนาคตของลูกหลานของเรา

เราช่วยได้ คนละไม้คนละมือ

เราเลิกไม่ใช่เพราะกฎหมายบังคับ เราลดมิใช่เพราะสังคมกดดัน หรือเป็นแฟชั่นลดโลกร้อน แต่เพราะความเข้าใจและความเมตตา มองไกล ๆ ไปถึงโลกในอนาคตที่ลูกหลานเราอยู่

……………

เอาละ สมมุติว่าเราไม่แยแสโลก ไม่ไยดีสิ่งแวดล้อม ไม่สนใจว่าพลาสติกจะติดคอปลาหรือเต่า อย่างน้อยเราก็ควรแคร์สุขภาพตัวเอง

สรรพสิ่งดำเนินไปตามหลักอิทัปปัจจยตา เหตุทำให้เกิดผล ผลทำให้เกิดเหตุ ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อใช้พลาสติกมากเกินไป ลูกศรของอิทัปปัจจยตาจะย้อนกลับมาหาเรา ไม่ตรงก็อ้อม ไม่เร็วก็ช้า สิ่งที่เรียกว่าไมโครพลาสติกก็ปรากฏบนจานอาหารและน้ำดื่มของเรา

อะไรคือไมโครพลาสติก ?

ไมโครพลาสติกคืออนุภาคพลาสติกที่มีขนาดต่ำกว่า 5 มม. อาจเป็นอนุภาคใยไฟเบอร์จากเสื้อผ้า หรือละอองอนุภาคจากบรรจุภัณฑ์พลาสติก อาจเกิดจากขั้นตอนการผลิตหรือขั้นตอนการเสื่อมสลายของพลาสติก

เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ไมโครพลาสติกสามารถเข้าไปในอาหาร เครื่องดื่ม แล้วลงเอยไปฝังตัวในเนื้อเยื่อภายในร่างกายเรา

องค์กรวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายแห่งตรวจตัวอย่างขวดน้ำพลาสติกที่จำหน่ายในหลายประเทศ พบว่า 93 เปอร์เซ็นต์ปนเปื้อนอนุภาคไมโครพลาสติก นี่รวมน้ำยี่ห้อดัง ๆ ด้วยถึง 11 ยี่ห้อที่จำหน่ายในสหรัฐฯและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย

อัตราส่วนเฉลี่ยไมโครพลาสติกคือ 325 อนุภาคต่อลิตร บางยี่ห้อสูงถึง 10,000 อนุภาคต่อลิตร

นักวิทยาศาสตร์พบว่าไมโครพลาสติกไม่ได้อยู่แค่ในขวดน้ำ มันยังกระจายในอากาศ ในดิน ในน้ำใต้ดิน

นี่ทำให้อาหารที่เรากินมีโอกาสสูงที่มีไมโครพลาสติกเป็นผงชูรสพิเศษ

ในปี 2018 ผลตรวจอุจจาระของประชากรจากฟินแลนด์ ญี่ปุ่น อิตาลี รัสเซีย และที่อื่น ๆ พบว่าปนเปื้อนไมโครพลาสติก

ผู้ผลิตน้ำดื่มแบบขวดมักโฆษณาว่า น้ำดื่มขวดพลาสติกสะอาดกว่าน้ำประปา แต่ในงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าตรงกันข้าม มันอาจจะมีอันตรายกว่า เนื่องจากมีไมโครพลาสติกแถมมาด้วย

เวลาดื่มน้ำใสแจ๋วจากขวดพลาสติก ก็พึงรู้ว่าอาจได้รับอนุภาคพิเศษเป็นของแถม

งานวิจัยหลายที่พบไมโครพลาสติกในขวดน้ำดื่มพลาสติกมากกว่าในน้ำประปาถึงสองเท่า

พูดง่ายๆ คือดื่มน้ำก๊อกน่าจะเจอไมโครพลาสติกน้อยกว่าดื่มจากขวดพลาสติก

นักวิทยาศาสตร์พบว่าไมโครพลาสติกที่พบในขวดน้ำดื่มส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของ Polypropylene ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำฝาขวด

แม้ว่าวันนี้เรายังไม่รู้หรือไม่มีข้อมูลมากพอเกี่ยวกับผลร้ายของไมโครพลาสติกต่อร่างกาย แต่การที่ร่างกายสะสมสิ่งแปลกปลอมย่อมไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ดีหรือ ?

ในประเทศด้อยพัฒนาที่ขาดแคลนหรือเข้าไม่ถึงน้ำสะอาด น้ำขวดพลาสติกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะปลอดภัยกว่า แต่ที่น่าขันขื่นคือ เป็นโลก ‘ด้อยพัฒนา’ นี่เองที่กลับแบนหรือลดการใช้ขวดพลาสติก ประเทศเคนยากำลังเริ่มแบนขวดพลาสติกตามชายหาดและป่าสงวน เริ่มปีนี้ 

////////////////////////////////////////////////////////

วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

ความเห็น 20
  • คุณไนท์
    เป็นบทความที่ดีมากค่ะ เห็นด้วยที่ทุกอย่างควรจะเริ่มต้นที่ตัวของเราเอง
    13 ม.ค. 2563 เวลา 06.38 น.
  • Mr.Yody 👹
    การรณรงค์ลดใช้พลาสติกในเมืองไทย เป็นไปได้อย่างงดงามและไร้อุปสรรคมากกก ดูได้จากคอมเมนท์ต่างๆในกระทู้ข่าวที่เกี่ยวกับการใช้ถุงพลาสติก จะทำได้อย่างไรในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มที่ตัวเอง เลิกดื่มน้ำขวด แล้วกรอกใส่กระติกมาจากบ้าน ไหม นำอาหารที่ทานเหลือเมื่อคืนใส่กล่องถนอมอาหารมากินเป็นอาหารเช้าที่ออฟฟิศ เพื่อที่ตอนกลางวันจะได้นำไปใส่อาหารขึ้นมาทานไหม ทุกๆวันนี้คนเขียนบทความประเภทนี้มักจะมีแต่คนขำและโต้แย้งด้วยเหตุผลต่างๆนาๆเสมอ คนไทยส่วนใหญ่ทำทุกอย่างยกเว้นบางอย่างที่ส่งผลกับตัวเอง
    13 ม.ค. 2563 เวลา 05.32 น.
  • ในการมีจิตสำนึกที่ดีต่อในสิ่งแวดล้อม ย่อมสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ดีที่สุด.
    13 ม.ค. 2563 เวลา 06.12 น.
  • Nong
    ขอให้มีจิตสำนึกกันบ้างเราใช้กันมาเยอะแล้ว พอที คนไทยบางพวกจะขี้บ่น ว่าเวลาไปซื้อแกงจะทำอย่างไร มันมีให้เลือกเยอะเลย เอาปิ่นโตไปสิ ไม่ก็กล่องที่ใส่อาหารได้ แล้วเราจะรู้สึกเลยว่าในขยะจะไม่มีถุงแกงให้ทิ้งเยอะอีกแล้ว มันไม่ใช่แฟชั่น แต่ต้องทำให้ชิน ใครๆในโลกนี้เขาก็ร่วมรณรงค์กันทั้งนั้น
    13 ม.ค. 2563 เวลา 07.48 น.
  • 🍻แซ็ก"กี้😱
    👍
    13 ม.ค. 2563 เวลา 06.25 น.
ดูทั้งหมด