ไอที ธุรกิจ

“เศรษฐกิจจีน”...กำลังปรับสู่ ‘สมดุลใหม่’ สู่การเติบโตที่มีเสถียรภาพในระยะยาว

Wealthy Thai
อัพเดต 24 ก.พ. 2563 เวลา 09.51 น. • เผยแพร่ 24 ก.พ. 2563 เวลา 09.51 น. • wealthythai

“เศรษฐกิจจีน” ปีหมู2019 โต 6.1% ต่ำสุดในรอบ 29 ปี ข่าวนี้อาจทำแฟนพันธุ์แท้ ‘ตลาดหุ้นจีน’ สะดุ้งไปตามๆ กัน
แต่ทราบหรือไม่ว่าในปีเดียวกันนี้เอง ‘หุ้นจีน’ ดัชนี MSCI China ให้ผลตอบแทน 23.66% สวนทางเศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่ม ‘กองหุ้นจีน’ สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึง 21.94% สูงกว่าดัชนี ‘ตลาดหุ้นไทย (SET TRI)’ ที่ +4.29% เท่านั้น
และกองทุนที่มีผลงาน ‘ดีสุด’ ในอุตสาหกรรมกองทุนในปีหมูที่ผ่านมา ก็เป็น ‘กองหุ้นจีน’ เช่นเดียวกัน ด้วยผลตอบแทนสูงถึง 51.32% เลยทีเดียว
แล้วปีหนู2020 นี้ “หุ้นแดนมังกร” ยังจะท่องเมฆผงาดฟ้าต่อไปได้อีกหรือไม่?
เพราะเปิดศักราชรับตรุษจีนมาด้วย ‘ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019’ กันเลยทีเดียว
ทีมงาน ‘Wealthythai’ยังคงมีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

(Vivien Ng, เกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์)

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“Vivien Ng” Equity Specialist Global Emerging Markets and Asia Pacific Equities, Director, UBS Asset Management มองว่า ในเรื่องของ ‘สงครามการค้า’ คงไม่มีบทสรุปการจบที่สมบูรณ์แบบ แต่จะพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งในเรื่องอื่นๆ ต่อไปตามมา ซึ่งยังคงจะเป็นปัจจัยรบที่เข้ามาในตลาดอยู่เป็นระยะๆ แม้ว่าภาพรวมจะดีขึ้นก็ตาม แต่ปัจจัยในเรื่องนี้ตลาดได้รับรู้ไปหมดแล้ว ดังนั้นผลกระทบต่อตลาดคงมีไม่มากแล้วเช่นกัน

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในส่วนของ ‘การผิดนัดชำระหนี้ (Default)’ ของบริษัทในจีนนั้น เรามองเป็นเรื่องที่ดี เพราะรัฐกำลังเข้ามาดูแลอย่างมีเป้าหมาย เพื่อปรับสมดุลในตลาดสินเชื่อของจีน บริษัทที่ไม่เข้มแข็งก็ปล่อยให้ล้มไป แต่บริษัทที่มีศักยภาพทางการก็ยังพร้อมจะเข้ามาดูแลเพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปได้ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เกิด Default ไปทั้งหมดแต่ประการใด นี่จึงเป็นเรื่องที่ ‘ดีมากกว่าแย่’ ในปี19 มีบริษัท Default 35 บริษัท ใกล้เคียงกับปี18 ที่ 38 บริษัท และคาดว่าตัวเลขจะใกล้เคียงนี้ไปในระยะข้างหน้าเช่นกัน
“ส่วนไข้หวัดโคโรน่านั้น คงส่งผลกระทบกับตลาดในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เป็นต้น แต่เราก็มองดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่ราคาต่ำลงมาเกินปัจจัยพื้นฐาน จากความกังวลของตลาด ตรงนั้นก็จะเป็นโอกาสเข้าลงทุน เพราะในครั้งนี้เรามองว่ารัฐบาลเข้ามาดูแลเรื่องนี้ได้เร็วและมีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ต่างกับในอดีตที่ปกปิดตัวเลขผู้ป่วย แต่ครั้งนี้จะสื่อสารออกมาตลอดซึ่งเรามองเป็นเรื่องที่ดีและเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะสามารถดูแลได้”

 

เรายังมีมุมมอง ‘เชิงบวก’ กับเศรษฐกิจจีนจากนี้ไป จากการที่รัฐบาลเข้ามามี ‘ส่วนร่วม’ อย่างถูกที่ถูกทาง มีการใช้นโยบายต่างๆ อย่างเหมาะสม ได้แก่
-นโยบายการเงิน มาเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจเป็นระยะๆ
-นโยบายการคลัง ในการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับคนบางกลุ่ม เป็นต้น
-การผ่อนคลายกฎระเบียบในหลายๆ อย่าง เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น เช่น การให้ต่างชาติถือครองหุ้นได้มากขึ้น เป็นต้น
-การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติให้เข้ามาลงทุน
“รัฐบาลจีนช่วยให้เศรษฐกิจมี ‘สมดุล’ มากขึ้น เป็นการเข้ามาแซกแทรงอย่างพอดี ถูกที่ ถูกเวลา และมีเป้าหมาย จะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว”
เช่นเดียวกับ “เกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์” ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี จำกัด ที่มองว่า แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่การ

 

 

“หุ้น A-Share”…ยังน่าสนใจสุดในกลุ่ม ‘หุ้นจีน’

แม้ปัจจัยลบจะมีเข้ามารบกวน ‘จีน’ ตลอดทั้งปี2019 แต่เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติก็ยังคงหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินของจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน ‘ตลาดหุ้น’ และ ‘ตลาดตราสารหนี้’ โดยเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี2015 เป็นต้นมา หนึ่งในตลาดหุ้นจีนที่ยังมีความน่าสนใจนั่นก็คือ “A-Share
โดย “เกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์” ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี จำกัด บอกว่า แม้เศรษฐกิจจีนจะมีแนวโน้มชะลตัวก็จริง แต่ ‘หุ้นจีน’ ก็ยังลงทุนได้และยังมีการเติบโตของกำไรที่ต่อเนื่อง แต่เราต้องเลือกลงทุนใน ‘New China Economy’ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตลาด ‘A-Share’ เป็นผลบวกมาจากการที่จีนมีคนชั้นกลางมากขึ้น มีรายได้ต่อหัวประชากรที่สูงขึ้น นำไปสู่การบริโภคสินค้าบริการที่ดีตามไปด้วย หากไปดูยอดขายรถยนต์แม้ภาพรวมอาจจะดูชะลอตัวลงก็จริง แต่ถ้าเป็นรถ BMW Benz ยังคงเติบโตเป็นเลข 2 หลัก เช่นเดียวกับตลาดสุราในจีน สุราเกรดต่ำๆ ยอดขายไม่ดี แต่สุราเกรดพรีเมี่ยมยอดขายยังคงเติบโตในระดับสูง เป็นต้น

            แม้ตลาดหุ้น ‘A-Share’ จะปรับตัวขึ้นมามากในปี2019 แล้วก็ตาม ปัจจุบันขึ้นมาซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 13 เท่า ซึ่งยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของตัวเองและถูกกว่าหุ้น ‘ตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Market)’ และ ‘ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)’ ด้วยเช่นกัน

 

 

“แหล่งรายได้ของบริษัทในดัชนี MSCI China มีรายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่ 92.5% ในขณะที่มีรายได้จากสหรัฐเพียง 1.8% เท่านั้น ดังนั้นสงครามการค้าจึงไม่กระทบการเติบโตของบริษัทในจีนเหล่านี้เลย และหากจะเลือกลงทุนในตลาดหุ้น ‘A-Share’ ควรเลือกกองทุนที่เป็น Active Fund เพราะจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่ากองทุนที่เป็น Passive Fund ที่เกาะไปกับดัชนีแต่เพียงอย่างเดียว โดยจะเห็นได้จากผลตอบแทนที่สามารถทำได้ในช่วงปี2007-2019 เฉลี่ย 14.7% ต่อปี แต่ดัชนีให้ผลตอบแทนเพียง 3.7% ต่อปี เท่านั้น”

 

 

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาด ‘A-Share’ มีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตานักลงทุนทั่วโลก คือ การปรับเพิ่มน้ำหนักของหุ้น ‘A-Share’ ใน ‘ดัชนี MSCI Emerging’ นั่นเอง
“Vivien Ng” บอกว่า ในปี2019 ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว 2 ครั้งในเดือนพ.ค. และพ.ย. ก่อนที่จะเงียบหายไป เพราะทาง MSCI อยากเห็นตลาด A-Share เป้นตลาด ‘แบบเปิด’ มากขึ้น ซึ่งกระบวนการปรับน้ำหนักนี้ยังไม่สมบูรณ์ 100% หากอ้างอิงจากครั้งที่เอาไต้หวันและเกาหลีเข้ามาคำนวณในดัชนี กว่าจะเพิ่มน้ำหนักจนครบ 100% นั้นใช้เวลาประมาณ 6-9 ปี ดังนั้นก็อาจจะต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี จากนี้ จึงจะครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น ตลาด ‘A-Share’ ก็ยังเป็นเป้าหมายของนักลงทุนทั่วโลกอยู่นั่นเอง
“สำหรับธีม (Theme) การลงทุนนั้น เรามองการลงทุนระยะยาวเป็นสำคัญ และมองหาผู้ชนะในแต่ละธีมนั้น โดยธีมการลงทุนหลัก 4 ธีม ที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) การบริโภคของคนจีนที่มีฐานะดีขึ้น ก็จะบริโภคดีขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเอง 2) ความเป็นเมืองที่ขยายตัวมากขึ้น 3) นวัตกรรมและเทคโนโลยี และ 4) การที่คนมีอายุสูงขึ้น”
สำหรับใครที่มองหาโอกาสการลงทุนและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ “หุ้นจีน” ก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่สามารถจะแบ่งเงินกระจายไปลงทุนได้ในส่วนของพอร์ตหุ้นของคุณเอง หากคุณเชื่อมั่นในการกลับมาของจีนใน ‘ระยะยาว’

 

 

           

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 5
  • ไทยแลนด์ เราจะอดตายตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามกำลังจะจม เราจะโกงอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงใว้ใจส่าอดตายยย แผ่นดินจะจมในไม่ช้าาา กบฎ จะคืนมา ประเทศไทยยย
    15 ก.พ. 2563 เวลา 19.18 น.
  • Pilot guide
    ยังตาบอดเชียร์จีนอยู่อีก ช่างไม่รู้อะไรเลย จีนจะพังครับ อีกไม่นาน เพราะช่องว่างคนจนกับรวยต่างกันมาก และจีนจะปิดประเทศอีกครั้ง พร้อมกับชี้หน้าโทษต่างชาติว่าเป็นต้นเหตุ เหมือนที่เคยทำในยุคเหมา มาแล้ว
    12 ก.พ. 2563 เวลา 07.56 น.
  • ♠️
    ตัดภาพมายังบ้านเรา
    24 ม.ค. 2563 เวลา 03.26 น.
  • 5555 ผลตอบแทนน้อยก็ไม่มีใครอยากจะสนใจ
    19 ก.พ. 2563 เวลา 12.12 น.
  • preeda phoopao
    ใครบอกท่าน ตำราหรือว่าวิเคราะห์เอง จีนบริหารแบบแชร์ลูกโซ่บ้านเรา เหมือนที่อดีตนายยกหนีคดีบ้านเราใช้บริหาร ไม่รู้ไปแนะนำกันมาเปล่าเหมือนกันเปะๆเลย พอถึงจุดนึง ก็จะพังทั้งระบบ ของไทยโชคดีที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ยอมให้ถึงจุดนั้น แต่จีน ผู้ใหญ่เป็นเองไม่น่าจะรอด สัญญาณมาแล้ว ได้ยินว่ากู้เงินไอเอ็มเอฟมหาศาล ไอเอ็มเอฟมันก็หนุนจีนใหญ่เลยเพราะกู้เงินมัน จนเมกาด่า แต่ก็ด่าไปงั้นๆเพราะเข้าทางมัน เมกาก็เลยกระทุ้งแผลให้แชร์แตกเร็วขึ้น
    25 ม.ค. 2563 เวลา 08.15 น.
ดูทั้งหมด