ในวันที่มีแต่ข่าวสุดอาชญกรรมหดหู่ รอบตัวมีแต่ความเครียด ถ้าได้อ่านเรื่องราวอะไรที่ฟีลกู๊ดหน่อย ๆ ให้หัวใจได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้างก็คงจะดีไม่ใช่น้อย นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของคอลัมน์ “ดีกับใจ” ประจำวันพุธบน LINE TODAY คอลัมน์นี้ ที่เราอยากจะแชร์เรื่องราวดี ๆ หรืออะไรที่สร้างแรงบันดาลใจที่เจอได้ในทุก ๆ วัน อาจจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก ๆ ที่เราไม่ทันได้สังเกต แต่เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันที่ดีและเปลี่ยนวันร้าย ๆ ของเราให้สดใสขึ้นได้!
มาเริ่มกันที่เรื่องแรกที่เรามักจะนึกถึงเวลาคิดถถึงเคสอะไรที่ “ดีกับใจ” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2016 ในศาลของเขตเจฟเฟอร์ซัน รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา “แอมเบอร์ วูล์ฟ” ผู้พิพากษาหญิงที่ประจำการ ณ ศาลแห่งนี้ ได้สร้างเรื่องที่ประทับใจคนทั้งโลกโดยการใช้ความเป็นมนุษย์ของเธอเข้าตัดสินและทั้งสองเรื่องนี้ก็กลายเป็นไวรัลในอินเตอร์เนตชั่วข้ามคืน…
“จะไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาไม่ใส่กางเกงได้ยังไง ฉันรับเรื่องนี้ไม่ได้”
ผู้ต้องหาหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องตัดสินคดีของแอมเบอร์ เธอโดนข้อหาลักเล็กขโมยน้อยและถูกนำตัวมาตัดสินอีกรอบหนึ่งเพราะเข้าร่วมโปรแกรมปรับพฤติกรรมไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด เธอถูกพาตัวเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้ใส่กางเกง อัยการของผู้ต้องหาบอกกับแอมเบอร์ว่าเจ้าหน้าที่ในคุกปฏิเสธที่จะให้กางเกงและเครื่องใช้ที่จำเป็นกับเธอ โดยที่เธอต้องอยู่ในเสื้อผ้าเดิมเป็นเวลาเกือบทั้งอาทิตย์
พอแอมเบอร์ได้ยินเรื่องเธอก็รู้สึกโกรธมาก เธอพูดแต่ว่า “อะไรนะ นี่มันบ้าไปแล้ว” และ “ฉันรับเรื่องนี้ไม่ได้” เธอโทรหาผอ.พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องขัง เพราะสำหรับเธอแล้ว คนที่ทำผิดก็ยังสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติขั้นพื้นฐานเท่าเทียมกับมนุษย์คนอื่น ๆ
แอมเบอร์กล่าวขอโทษผู้ต้องหาอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่เธอต้องเจอมาทั้งวันและหากางเกงมาให้เธอใส่ ภายหลังเธอตัดสินยกเลิกการคุมขัง 75 วัน เพราะไม่พบหลักฐานที่เพียงพอที่จะมัดตัวเธอได้ พร้อมให้เงินอีก 100 ดอลลาร์กับผู้ต้องหาเพื่อเป็นค่าเสียเวลาและเสียโอกาสที่ทำให้เธอต้องมานอนคุกฟรี ๆ ในครั้งนี้
“ฉันจะไม่เปลี่ยนผลของการตัดสิน แต่ฉันจะอนุญาตให้คุณอุ้มลูกได้ตรงนี้"
หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่วีดีโอตัวแรกถูกแชร์ไปทั่วโลก แอมเบอร์ก็สร้างความประทับใจอีกครั้ง คราวนี้เป็นเคสของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่โดนข้อหาร่วมกันลักขโมย ทั้งคู่มีลูกน้อยอายุ 1 เดือนแต่ด้วยเหตุที่ทั้งสามีและภรรยาถูกคุมขังแยก ทำให้ทั้งคู่รวมถึงลูกชายแรกเกิดของพวกเขาจะได้มาเจอกันอีกครั้งในวันตัดสินคดีที่มีแอมเบอร์เป็นผู้พิพากษา
เธอบอกกับนักข่าวของช่อง WDRB ว่า “ฉันเห็นแอชลีย์ (ภรรยา) พยายามอุ้มลูกให้สามีของเธอเห็น ตอนที่เขาเดินเข้ามาในศาล และสิ่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งได้รู้ก็คือเขายังไม่เคยเจอหน้าลูกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ และถ้าต้องเข้าคุกไป พวกเขาอาจจะไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานเลย”
และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธออนุญาตให้เจมส์ (สามี) อุ้มลูกน้อยของเขาเป็นครั้งแรก แอมเบอร์บอกกับทั้งคู่ว่า “ฉันรู้ว่าฉันสั่งให้คุณทั้งสองห้ามติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน ฉันจะไม่เปลี่ยนคำสั่งนั้น แต่ฉันจะให้ข้อยกเว้นนี้เพียงชั่วคราวเพื่อที่จะให้คุณได้เจอหน้าลูกชายของคุณ และเขาอยู่ที่นี่แล้ว”
วินาทีที่เด็กน้อยถูกส่งจากอ้อมกอดของแม่ไปสู่อ้อมแขนของพ่อ ทุกคนในห้องร้องไห้ไปด้วยความซาบซึ้งกันหมดรวมไปถึงเจมส์และแอชลีย์ด้วย แอมเบอร์ส่งกระดาษทิชชู่ให้ทั้งคู่และบอกในภายหลังจากที่ผู้ต้องหาออกจากห้องไปแล้วว่า “ถ้าคุณไม่ร้องไห้ คุณก็ไม่มีหัวใจแล้วล่ะ”
กฎหมายคือกรอบที่กำหนดการกระทำของเรา แต่ในบางครั้ง การทำตามกฎก็ต้องมีเรื่องของหัวใจและมนุษยธรรมเข้ามาผสมด้วย จากสองเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า โลกต้องการผู้พิพากษาอย่างเธอจริง ๆ
แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ กับเรา ส่งเรื่องของคุณเข้ามาได้ที่เฟซบุคเพจ LINE TODAY Thailand หรืออีเมล nisara.s@linecorp.com เรื่องที่โดนใจทีมงาน LINE TODAY จะได้รับการนำเสนอในครั้งต่อ ๆ ไป และติดตามคอลัมน์ "ดีกับใจ" ได้ทุกวันพุธ ที่นี่ที่เดียว!
Achilles ภรรเมียที่เคารพรักของผม
โปรดกรุณาดูท่านผู้พิพากษาเป็นตัวอย่างด้วย!
หัวใจและมนุษยธรรม!!!
“คิดจะให้กูซื้อของที่กูชอบบ้างได้ไหม!!!”
07 ส.ค. 2562 เวลา 08.22 น.
ooy013 รักษาความยุติธรรมแต่ต้องมีมนุษยธรรมด้วย
07 ส.ค. 2562 เวลา 08.24 น.
Poppy Stitch Meow แบบนี้ เรียกว่าเป็นผู้พิพากษาทั้งกายทั้งใจ
07 ส.ค. 2562 เวลา 08.14 น.
KruPing There should be more judges like this in Thailand who care more about humanity rather than what is right or wrong.
07 ส.ค. 2562 เวลา 07.40 น.
"pex"🪬 🙏👍👏
07 ส.ค. 2562 เวลา 07.55 น.
ดูทั้งหมด