คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย พัฒนพันธุ์ วงษ์พันธุ์
เลวร้ายยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เป็นสิบเท่า คือความเห็นบรรดาบิ๊ก ๆ ธุรกิจมองผลกระทบโควิด-19 ที่จนถึงขณะนี้ไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย ตัวเลขแพร่ระบาดสะสมทั่วโลกเกือบจะ 7 ล้าน เสียชีวิตใกล้จะ 4 แสน
ปี 2540 ธุรกิจที่บาดเจ็บหนัก ๆ คือ ธุรกิจที่กู้เงินสกุลต่างประเทศมาลงทุน พอมีการปรับค่าเงินบาทเป็นลอยตัว หนี้สินเลยพุ่งทะยาน ได้รับผลกระทบมากกว่าใคร คือ เรียลเอสเตตและสถาบันการเงิน ในขณะที่ภาคการผลิตเพื่อส่งออก ธุรกิจท่องเที่ยว-บริการ ได้รับประโยชน์มหาศาลจากค่าเงินบาทที่ปรับตัว
แต่กับโควิด-19 นาทีนี้ อย่าเพิ่งถามหาแสงสว่างปลายอุโมงค์ แค่ประคองตัวเองให้รอดยังยาก
เศรษฐา ทวีสิน หัวขบวนแสนสิริที่พลิกตัวเปิดแคมเปญระบายสต๊อกอย่างรวดเร็ว เปรียบว่า เป็นเพียงยกแรกที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญ หากยังมียกต่อ ๆ ไปที่คงต้องเหนื่อยกันอีกมาก น่าเป็นห่วงคือรายย่อย หรือรายกลางที่เสียเปรียบรายใหญ่ทุกด้าน
ส่วนศุภจี สุธรรมพันธุ์ จากดุสิตธานี ซึ่งมีเครือข่ายโรงแรมทั้งลงทุนเองและที่รับบริหารในหลาย ๆ ประเทศ ทำนายว่า ใน 6 เดือนนับจากนี้ การท่องเที่ยวน่าจะค่อย ๆ กลับคืนมา ระยะแรกจะเป็นคนไทยด้วยกันเอง ตามมาด้วยประเทศอย่างจีน ฮ่องกง เกาหลี ส่วนยุโรปหรืออเมริกา อาจต้องรอกลางปีหน้าโน่นเลยทีเดียวถึงจะมีเข้ามา โดยที่ตลาดไมซ์เดินทางเพื่อประชุมหรือสัมมนาขนาดใหญ่ เป็นตลาดที่ฟื้นตัวช้าสุด และอาจต้องรออีกพักใหญ่ ๆ
ขณะที่สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอเอไอเอส ที่ถูกมองว่าน่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จาก social distancing และการทำงานที่บ้าน เนื่องจากออนไลน์เป็นช่องทางสื่อสารที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเวลานี้มากที่สุด ยืนยันว่าค่ายมือถือหนีไม่พ้นผลกระทบนี้เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะการเปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่าย ที่ลดจำนวนลงจากการปิดช็อปในช่วงที่ผ่านมา ในมุมมองของซีอีโอค่ายมือถือยักษ์เชื่อว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยจะปรากฏภาพชัดเจนขึ้นในไตรมาส 3 และ 4
ฟาก ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน ภัทร ชี้ว่า เราจะต้องอยู่กับโควิด-19 ต่อไปอย่างน้อย 1 ปี หรืออาจมากกว่านั้น จนกว่าวัคซีนจะถูกผลิตออกมา ซึ่งถ้าหากรัฐยังไม่ผ่อนคลายให้เศรษฐกิจเดินหน้า การฟื้นตัวใน 2-3 ปีข้างหน้า จะเป็นไปอย่างทุลักทุเล
แต่นี่เป็นเพียงการคาดคะเน สุดท้ายตัวแปรสำคัญคือ “วัคซีน” ที่ตอนนี้ยังเป็นวุ้นอยู่ในห้องแล็บทั่วโลก
ยิ่งท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าเท่าไหร่ เศรษฐกิจไทยยิ่งสาหัสเท่านั้น เพราะในช่วงก่อนโควิด ท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ประเทศไทยมหาศาล เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเดียวที่เหลืออยู่
โดยสรุปคือทุกคนกังวลเป็นเสียงเดียวกัน รวมถึงความเห็น ที่ว่า ถ้ารัฐกลัว ๆ กล้า ๆ ไม่มีแผนประคับประคองเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมออกมาในระยะเวลาอันสั้น ที่เรานำหน้าในการจัดการปัญหาโควิด-19 ได้เร็วกว่าคนอื่นเขา สุดท้ายอาจไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แน่นอนว่าเรื่องนี้คนที่ต้องถือธงออกโรงเป็นใครไปไม่ได้
นอกเสียจากบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างที่รู้กันการเมืองไทยมีความพิเศษ มีความเฉพาะตัว ไม่ว่าประเทศจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะย่ำแย่ หรือได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดขนาดไหน
หน้าฉากคือการแย่งชิงอำนาจ แต่หลังฉากคือผลประโยชน์มหาศาล ว่ากันว่างบฯกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 จำนวน 4 แสนล้าน ดูเป็นที่สนอกสนใจของกระทรวงต่าง ๆ
และนักเลือกตั้งเป็นพิเศษ พยายามขอมีส่วนร่วมในการใช้งบฯก้อนใหญ่นี้ ชนิดออกนอกหน้า
โควิด-19 ครั้งนี้ก่อให้เกิด new normal ไปทั่วโลก ยกเว้นการเมืองไทย
.. ไอ้พวกส้นตี....บังคับชาวบ้านให้เว้นระยะ แต่ที่พวกมรึงสุมหัวกันมันใช่มั้ย
06 มิ.ย. 2563 เวลา 22.14 น.
สจ.. ยุบๆไปเถอะเลือกตั้งใหม่
07 มิ.ย. 2563 เวลา 01.09 น.
PANVIRIN PLACE พร้อมหน้าพร้อมตาคนอัปฯจันฯเลยนะ
07 มิ.ย. 2563 เวลา 01.10 น.
A159 มีแต่ New Animal !!
07 มิ.ย. 2563 เวลา 01.08 น.
ตั้ม นะจ๊ะ สราด เฮีย ้ชัด ๆ
07 มิ.ย. 2563 เวลา 01.18 น.
ดูทั้งหมด