ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.63 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือ ด่วนที่สุด สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ ปช 0015/07/07 ถึงนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แจ้งผลการพิจารณาการชี้มูลความผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 1 ฐานไม่แจ้งหนี้สินในมูลค่านาฬิกาหรูที่มาจากการยืม ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น ลงนามโดยนายสุกิจ บุญไชย ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง
หนังสือดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นเจ้าของนาฬิกา ตามที่ปรากฎเป็นข่าวและได้ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณยืมใช้ในโอกาสต่าง ๆ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณได้คืนนาฬิกให้กับนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เมื่อใช้สอยสร็จแล้ว
“การยืมใช้ดังกล่าวเป็นการยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่มิใช่หนี้สินตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะตามคำอธิบายการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินท้ายแบบบัญชีรายการหนี้สินล้วนหมายถึง หนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น มิใช่เป็นการยืมใช้สอยได้เปล่าและมีการคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้ให้ยืม”
ดังนั้นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงการยืมนาฬิกาดังกล่าวเป็นหนี้สินในบัญชีแสดรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ทั้งนี้ กรณีการไต่สวน พล.อ.ประวิตรกรณีการยืมนาฬิกาเพื่อน 21 เรือน เป็นการรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ กรรมการ ป.ป.ช.มีมติยกคำร้อง 5 ต่อ 3 (พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ถอนตัว) “ไม่มีมูลเพียงพอ” ว่า พล.อ.ประวิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2561
พล.อ.ประวิตร เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่สวน 4 ครั้ง ขยายระยะเวลาชี้แจงข้อกล่าวหา 1 ครั้ง (15 วัน รวมระยะเวลาต้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 30 วันหลังจากป.ป.ช.มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวน รวมทั้งสิ้น 45 วัน)
พล.อ.ประวิตรให้การว่า ยืมจาก “ปัฐวาท ศรีสุขวงศ์” นักธุรกิจ อดีตประธานบริษัท คอมลิงค์ ที่เป็นเพื่อนสนิท-เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
“สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร” กรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า กรณีการยืม “นาฬิกาเพื่อน” เป็นการยืม “เชิงนิติประเพณี” ไม่ใช่การยืม “เชิงพาณิชย์”
“การยืมมี 2 ลักษณะ คือ ยืมในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นหนี้สิน และยืมในเชิงนิติประเพณี โดยในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ไม่มีการกำหนดให้แสดงรายการทรัพย์สินที่ยืมในเชิงนิติประเพณี และเรื่องการยืมที่ถือเป็นนิติประเพณีนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดก่อน เคยวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด””
โดยยกแนวคำวินิจฉัย “เบนท์ลีย์สีชมพู” ของนักการเมืองบ้านใหญ่บางบอน “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” เป็นบรรทัดฐาน “ตีตก”
ประกอบกับเทียบเคียงคดี “โฟล์กสวาเกน” ของ “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม
“ไทม์ไลน์” ของคดีแหวนแม่-นาฬิกาเพื่อนจากเชิงบันไดทำเนียบรัฐบาล ถึงสนามบินน้ำ-ป.ป.ช.
4 ธ.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล “พล.อ.ประวิตร” ยกมือขึ้นบังแดดระหว่างถ่ายถาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แขนเสื้อปกติขาวถกขึ้นทำให้เห็นข้อมือข้างขวาสวมใส่ “นาฬิกาหรู” ยี่ห้อ “ริชาร์ดมิลล์” สะดุดตา พร้อมกับแหวนเพชรแสงระยับแทงตา และถูกตั้งคำถามว่าพล.อ.ประวิตรแสดงรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือไม่
จนเป็นที่มาของการ “ขุดคุ้ย” ของสื่อโซเชียล-นักสืบคีย์บอร์ด จนภาพพล.อ.ประวิตรสวมใส่ “นาฬิกาหรู” ต่างกรรม-ต่างวาระ ออกมาตีแผ่ 25 เรือน มูลค่ารวมกันกว่า 40 ล้านบาท
7 ธ.ค.60 “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายกสมาคม ต่อต้านสภาวะโลกร้อน “นักร้องมืออาชีพ” ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ข้อหาจงใจแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตามมาด้วยรับสิ่งของมูลค่าเกิน 3,000 บาท
27 ธ.ค.61 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 3 ยกคำร้อง
แม้ “พล.อ.ประวิตร” จะ “พ้นมลทิน” ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. “ยกคำร้อง” คดีแหวนเพชร-นาฬิกาหรูไปแล้วกว่า 1 ปี
ทว่า “นาฬิกาเพื่อน” ยังคงเดินทวนเข็มเวลาไม่รู้จบ
😇 TTe’ ดีครับ เป็นอีกมาตราฐานที่จะได้ใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมืองและผู้บริหารระดับสูงต่อไป 5555
30 พ.ค. 2563 เวลา 14.47 น.
JO>CM. ควายมันไถนาเป็นก็เลยเป็นอย่างควายกันทั้งคอก
30 พ.ค. 2563 เวลา 10.53 น.
เสียดายภาษี ทำงานแบบนี้อายยันลูกยันหลาน โคตรโกง
30 พ.ค. 2563 เวลา 10.50 น.
ต่อไปก็จะเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นทำตาม
30 พ.ค. 2563 เวลา 10.40 น.
แถได้ตอเเหลมาก คิดนานมั้ย ยืมใช้คงรูปส้นตีนไรนี่
30 พ.ค. 2563 เวลา 10.39 น.
ดูทั้งหมด