สุดฮิต! ปากกัดตีนถีบ ส่งลูกเรียน”เอกชน” เพื่อ “ซื้อสังคมให้ลูก”
หมดยุคความเป็นเลิศทางวิชาการ ผู้ปกครองห่วงสิ่งแวดล้อมเด็ก ตรากตรำหาค่าเทอมแพงหูฉี่ หวังภาษาอังกฤษลูกก้าวล้ำ ได้คบหาสังคมดี มีอุปกรณ์การเรียนทันสมัย
ในอดีตนั้น การเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดเป็นเส้นทางของคนเก่ง สถิตินักเรียนจากโรงเรียนรัฐบาลถูกส่งต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้มาก ทำให้เด็กที่จบจากโรงเรียนรัฐบาลเป็นความเชิดหน้าชูตาของผู้ปกครอง ซึ่งผ่านขั้นตอนการสอบคัดเลือกอันแลกมาด้วยความเพียร และเป็นแหล่งรวมมันสมองชั้นดีก่อนจะเป็นความหวังของชาติต่อไป
แต่ปัจจุบันโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง พัฒนาการเรียนการสอนที่โดดเด่นขึ้นมา แถมปรับหลักสูตรการเรียนจนนำไปสู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ประกอบกับสังคมก้าวไปสู่โลกของเทคโนโลยี ( Millenium Technology Era ) การสื่อสารกับโลกทั้งใบจึงผ่านความสามารถด้านภาษา จึงนำมาสู่ค่านิยมในการส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชนกันมากขึ้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาลมากก็ตาม
สภาพสังคมในมุมมองของผู้ปกครอง วัดความพึงพอใจผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นเรียน เครื่องปรับอากาศ สัดส่วนคอมพิวเตอร์ต่อจำนวนนักเรียน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า โรงเรียนเอกชนมีบุคลากรครูอาจารย์ที่เอาใจใส่เด็กได้มากกว่า เนื่องจากปริมาณนักเรียนต่อห้องน้อยกว่าโรงเรียนรัฐบาล ครูถูกจ้างด้วยเงินเดือนที่สูง มุ่งเน้นคุณภาพในการสอนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องคอยสอบวัดระดับ หรือหาช่องทางเลี้ยงปากท้องเหมือนครูโรงเรียนรัฐ
อีกทั้งบ่อยครั้ง ที่โรงเรียนรัฐบาล มีมาตรฐานความปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมต่ำ ปัญหาสังคมในโรงเรียนมีมาก โดยขาดการเหลียวแลจากครูอาจารย์ที่ไม่เพียงพอ ความเป็นอยู่ ห้องน้ำ โรงอาหาร คุณภาพสื่อการสอนภายใต้งบสนับสนุนซึ่งถูกจำกัด แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่แบกรับไหว โรงเรียนรัฐบาลจึงเป็นแหล่งรวมความร้อยพ่อพันแม่ซึ่งผูกมัดไว้ ภายใต้ค่าเทอมอันสัมผัสได้
อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาตัวแปรความเหลื่อมล้ำ
โรงเรียนรัฐบาล ค่าเทอมฟรี มีค่าใช้จ่ายพิเศษแล้วแต่โรงเรียน แม้อาจถูกเล่นแร่แปรธาตุเป็นค่ายาม ค่าจ้างครูภาษา ค่ากิจกรรมและตำราเรียน เครื่องแบบ แม้แต่ค่าห้องโสตทัศนอุปกรณ์ ค่าห้องคอมพิวเตอร์ ก็มักจะปรากฏบนใบเสร็จ แต่ก็อยู่ในอัตราที่ผู้ปกครองรับได้ ซึ่งรัฐบาลช่วยค่าเรียน โดยรวมแล้วพ่อแม่จะแบกภาระที่เทอมละหลักพัน
แต่จากการเรียนฟรีนี้เอง ความห่างชั้นทางสภาพสังคมของโรงเรียนรัฐบาลจึงมีมากขึ้น ในขณะที่ผู้ปกครองซึ่งสามารถมีกำลังในการจ่ายค่าเทอมได้ ก็จะส่งลูกเรียนยังโรงเรียนเอกชน อันหล่อรวมสภาพสังคมที่ดีกว่า ในแง่การใช้ชีวิต รายได้ต่อครัวเรือนของผู้ปกครองยิ่งดี เด็กก็มักจะเป็นลูกคนมีเงิน แม้ว่าความรวยไม่ใช่ตัววัดความดีงามในจิตใจ แต่ผู้ปกครองก็สบายใจที่จะส่งบุตรหลานให้มาอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมซึ่งปลอดภัยและเครื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันไฉไลมากกว่า
ค่าเรียนของโรงเรียนเอกชน บางแห่งมีค่าแรกเข้า ไม่รวมค่าธรรมเนียมพิเศษ ค่าอุปกรณ์ เครื่องปรับอากาศกิจกรรมพิเศษ ท่องชมศึกษานอกสถานที่ รวมแล้วเทอมการศึกษาหนึ่ง เฉลี่ยที่หนึ่งหมื่นห้าพันบาท และสองหมื่นกว่าในโรงเรียนซึ่งมีชื่อเสียง และถ้าเป็นเขตกรุงเทพหรือโรงเรียนระดับท็อป ก็อาจสูงถึงเทอมละสี่หมื่นบาท
ความเป็นเลิศทางภาษาปัจจัยซึ่งทำให้ผู้ปกครองยอมเหนื่อย
จากยุคโลกาภิวัตน์ ( Globalization Era ) เป็นต้นมา ภาษาถูกพบว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เด็กซึ่งจบจากโรงเรียน มีโอกาสทางการศึกษาต่อได้หลากหลาย และเมื่อเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย ก็มักจะมีงานที่ดีรออยู่ พ่อแม่ผู้ซึ่งเติบโตมาผ่านยุคบุปผาชน ( Baby Boomer ) และ ยับปี้ ( Generation X ) ต่างเล็งเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ ไปจนถึง ภาษาที่ 3 อันจะทำให้ลูกหลาน มีโอกาสไปได้ไกลกว่าคนอื่น จึงไม่ยี่หระ ถ้าจะต้องจ่ายแพงกว่า เพื่อนำพาบุตรไปสู่ทางที่ปูด้วยกลีบดอกไม้และต้นหญ้าอ่อนนุ่ม
จุดแข็งโรงเรียนรัฐบาล
ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ ครูโรงเรียนรัฐบาลจะต้องมีการสอบแข่งขันกันเข้ามาอย่างดุเดือด มีเกณฑ์วัดชัดเจน จึงทำให้ครูโรงเรียนรัฐมีมาตรฐานในด้านคุณภาพความรู้ พัฒนาองค์ความรู้อยู่เสมอจากการอบรมของภาครัฐ แถมโรงเรียนรัฐบาลจะมีโควตาพิเศษในการศึกษาต่อ อีกทั้งยังมีทุนเรียนดี ทุนนักเรียนยากจน และทุนศึกษาต่อต่างประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจากทุกภาคฝ่ายมากกว่า
จุดแข็งโรงเรียนเอกชน
ครูเอาใจใส่นักเรียนได้ดี และสืบเนื่องจากค่าตอบแทนสูง จึงไม่มุ่งเน้นการสอบวัดระดับหรือบรรจุซึ่งมักจะพรากเวลาในการดูแลเด็กนักเรียน ตลอดจนมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กและผู้ปกครองได้ดีกว่า เครื่องมืออุปกรณ์การเรียนทันสมัย ภาษาอังกฤษแข็ง ภาษาที่สามเป็นทางเลือก ความปลอดภัยในโรงเรียน อนามัยและสุขลักษณะที่เหนือกว่ามาก
“ตอนเด็กเข้าเอกชนพอมัธยมค่อยเข้ารัฐ” ค่านิยมพ่อแม่รุ่นใหม่
ในวัยที่เด็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ ผู้ปกครองยุค 4.0 เลือกที่จะให้แก้วตาดวงใจ เรียนโรงเรียนอนุบาล และประถมในโรงเรียนเอกชนซึ่งอุดมไปด้วยความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมที่น่าพอใจ ใกล้บ้าน รับส่งได้สะดวก ครูประจำชั้นยกหูหาเราเสมอเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน กิจกรรมของเด็กปรับเข้ากับยุคสมัย พื้นฐานทางภาษาได้เริ่มก่อนใคร
แล้วพอเด็กโตขึ้น ก็ไปสอบวัดระดับความรู้ความสามารถ เข้าโรงเรียนรัฐบาลแห่งที่ดี มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะสอบได้ ประหยัดค่าใช้จ่าย และมีมาตรฐานทางวิชาการอันจะส่งให้ลูกหลานเข้ารั้วมหาวิทยาลัยชั้นดีสำเร็จ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ยังมีโรงเรียนเอกชนเป็นทางเลือก แม้จะเหนื่อยในการแบกค่าเทอมแสนแพงต่อไป แต่เพื่อลูก พ่อแม่ทุกคนก็ยอมโดยสดุดี
สนับสนุนโรงเรียนรัฐโอบอุ้มโรงเรียนเอกชน
ภาครัฐควรมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อม และเพิ่มความปลอดภัย อันควรเป็นงบประมาณแรกที่ถูกใช้ในการพัฒนาโรงเรียนไม่แพ้คุณภาพทางวิชาการ ซึ่งก็จะดึงดูดให้คนเรียนโรงเรียนรัฐมากขึ้น เสริมสมาคมผู้ปกครองให้แข็งแกร่ง ในขณะที่เพิ่มโควตาการศึกษาต่อ หรืองานจากภาครัฐ ให้แก่สถานศึกษาเอกชน ที่ปรับค่าเรียนค่าเทอมให้เหมาะสม อันจะช่วยให้ผู้ปกครองเข้าถึงได้มากขึ้น เป็นการแบ่งเบาความแออัดของโรงเรียนรัฐบาลได้อีกแรง เมื่อโรงเรียนรัฐบาลสามารถเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในใจของผู้ปกครองได้ ค่านิยมในการเรียนโรงเรียนเอกชนก็อาจลดน้อยลง เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองให้โรงเรียนเอกชนที่ขูดรีดค่าเล่าเรียนอันแสนแพง ได้ปรับลดลงไปอยู่ในอัตราที่เหมาะสมเพื่อแข่งขัน
สังคมดี เริ่มที่บ้าน แต่การส่งต่อเด็กไปยังเพื่อนและครู ซึ่งใช้เวลากับเขาทั้งวัน มันควบคุมได้ยาก ผู้ปกครองหลายคนคิดเช่นนี้.. และโรงเรียนเอกชน จึงเติบโตจากมูลเหตุนี้นั่นเอง..
Dew 😎Secret C ครูโรงเรียนรัฐมีความรู้จริง แต่หยิ่ง ทะนงตัว ไม่เน้นบริการ ไม่ใส่ใจเด็ก จะเห็นได้จากตอนประชุม มีแต่คนเก่งทั้งนั้น แต่โรงเรียนไม่พัฒนา
05 พ.ย. 2561 เวลา 05.17 น.
POM รร.รัฐบาลดีๆมีมากมาย สอนให้เขาสู้บนพื้นฐานความจริง ถ้าไปอยู่รร.แพงๆแต่เราไม่ได้มีแบบเขาจะกลายเป็นปมด้อยไหม จะแสวงหาในวิธีที่ผิดเพื่อให้ทัดเทียม สุดท้ายก็ลงที่พ่อแม่
05 พ.ย. 2561 เวลา 05.10 น.
Keng nopdon เอกชนปรับตัว รัฐก็สอนไปเรื่อยๆ การแข่งขันเด็กสูงมาก
05 พ.ย. 2561 เวลา 03.53 น.
🙂 สันดานส่วนใหญ่ถึงเห็นแก่ตัว
เห็นแก่พวกพ้อง
ความเห็นใจผู้อื่น ถ้าไม่ลำบากมาก่อนก็ยากจะมองเห็น
05 พ.ย. 2561 เวลา 03.43 น.
ພີຮພງສື ผมเด็ก รร.วัดครับ แต่ปัจจุบัน ปริญาตรี2ใบ พร้อมกับรับราชการ ได้ดีเพราะ รร.วัดที่ผมเรียนเขาเอาใจใสเด็กตั้งแต่พื้นฐานครับ ส่วนเพื่อนผมแถวบ้าน พ่อแม่มันส่งไปเรียนเอกชนที่แพงๆ ทุกวันนี้ติดคุกครับ ดี-เลว อยู่ที่เด็ก กับการเลี้ยงดูของครอบครัว ส่วนสถานศึกษา ผมว่าใกล้เคียงกัน เพราะคุณค่าของชีวิต ไม่ได้วัดกันที่ รร.ดังๆ แต่มันวัดกันที่ความสำเร็ของชีวิตมากกว่าครับ
05 พ.ย. 2561 เวลา 05.15 น.
ดูทั้งหมด