หากเราไปเที่ยวประเทศพม่าแล้ว แน่นอนว่าหนึ่งในสถานที่ไปเที่ยวจะต้องมีพุทธศาสนสถานอย่างแน่นอน ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากประชาชนส่วนใหญ่ในพม่านับถือศาสนพุทธกว่า 88% ประเทศพม่านับได้ว่าเป็นประเทศที่นับถือศาสนพุทธมากที่สุดเมื่อเทียบสัดส่วนต่อจำนวนประชากรด้วยกัน พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศพม่า ตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ได้อุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 ได้มีการส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแถบสุวรรณภูมิ ซึ่งพม่าก็คือประเทศที่อยู่หนึ่งในนั้น พระพุทธศาสนาจึงได้เริ่มเจริญแพร่หลายในประเทศพม่ามานับแต่นั้นเมื่อพระพุทธศาสนาได้เจริญแพร่หลายมากขึ้น พุทธสถานจึงได้ถูกสร้างมากขึ้นตามไปด้วยในประเทศพม่า ซึ่งหากใครมาเที่ยวพม่าก็จะพบกับพุทธสถานมากมายให้ได้ไปสักการะ แต่มี 5 มหาบูชาสถานที่ชาวพม่าต่างเลื่อมใสยกไว้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า ชาวพม่าจึงมีความเชื่อว่าจะต้องหาโอกาสไปสักการะ 5 มหาบูชาสถานสักครั้งในชีวิต
จนเมื่อครั้งที่ผมมีโอกาสไปประเทศพม่า ผมจึงหาโอกาสไปสักการะ 3 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์ อันได้แก่ พระธาตุอินทร์แขวน (ซึ่งผมได้เคยเขียนถึงไปแล้วทาง Talk Today, พระมหาเจดีย์ชเวมอร์ดอว์ และ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง วันนี้ผมจะขอเขียนถึงพระมหาเจดีย์ชเวมอร์ดอว์ให้ได้อ่านกันครับ
พระมหาเจดีย์ชเวมอร์ดอว์ หรือ ที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อว่าพระธาตุมุเตา มีความสูง 114 เมตร นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า ซึ่งคำว่า “มุเตา” นั้นหมายถึง “จมูกร้อน” มาจากการที่พระมหาเจดีย์สูงมาก เวลาชาวพม่าจะมองขึ้นไปที่ยอดพระะธาตุจะต้องแหงนหน้าขึ้นไปอันเป็นเหตุให้แดดมาส่องเผาจมูก จนกลายเป็นคำว่า จมูกร้อน หรือ “มุเตา” ในภาษาพม่าในที่สุด พระธาตุมุเตาประดิษฐานอยู่ที่เมืองหงสาวดี การเดินทางจึงไม่ยากเย็นอะไรนัก ก่อนที่ผมจะเดินทางไปสักการะนั้นไกด์นำทางได้เล่าเรื่องราวตำนานให้ผมฟัง เชื่อกันว่าพระธาตุมุเตาเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า สร้างขึ้นในสมัยพุทธกาลโดยชาวมอญเมื่อกว่า 2,000 กว่าปีมาแล้ว โดยเริ่มต้นก่อสร้างเป็นพระสถูปสูง 25 เมตร แล้วบรรจุพระเกศา 2 เส้น ที่ชาวมอญได้รับจากพระพุทธเจ้ามา กาลเวลาล่วงเลยมาผ่านยุคสมัยต่างๆ กษัตริย์มอญและพม่าแต่ละองค์ก็มีการสร้างองค์พระเจดีย์ครอบสูงทับขึ้นไปเรื่อยๆ ในสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ได้ใช้บริเวณพระธาตุมุเตาเป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณเมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ท่ามกลางวงล้อมศัตรูที่เป็นทหารมอญ ด้วยความเชื่อศรัทธาที่มีต่อองค์พระธาตุ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ก็สามารถรบชนะได้ในที่สุด ในสมัยพระเจ้าบุเรงนองได้มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พระธาตุเป็นอย่างมากจึงได้มีการสร้างฉัตรเจดีย์ถวายครอบเพิ่มเติมอีกหลายชั้น พระมหาเจดีย์จึงสูงขึ้นอีกหลายเท่า จนในที่สุดก็มีความสูงเท่าในปัจจุบัน ที่เป็นมหาเจดีย์สูงที่สุดในพม่า ด้วยความเลื่อมใสที่มีต่อองค์พระธาตุของชาวพม่า ทำให้ชาวพม่าไปกราบไหว้ต่อองค์พระธาตุมุเตาไม่เคยขาดสาย จนยกย่องให้เป็นพุทธศาสนสถาน 1 ใน 5 ที่สำคัญที่สุดในพม่า
จนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่พม่า ส่งผลให้ยอดพระธาตุมุเตาหักลงมา พื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหายอย่างมาก แต่ยอดพระธาตุที่หักลงมาตัวองค์พระธาตุนั้นไม่หักลงถึงพื้น ชาวบ้านและชาวพม่าจึงเลื่อมใสศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์จึงได้ร่วมกันบูรณะตัวองค์พระธาตุมุเตาขึ้นมาใหม่ ส่วนยอดพระธาตุที่หักลงมาก็ทำฐานประดิษฐานไว้ตรงตำแหน่งที่หักลงมาเพื่อให้คนได้เข้ามากราบไหว้
เมื่อไกด์นำทางได้เล่าเรื่องราวตำนานเสร็จ ผมก็นั่งรถมาถึงทางเข้า อาจด้วยเป็นเพราะองค์พระธาตุสูงใหญ่มาก ผมจึงสามารถมองเห็นองค์พระธาตุได้ตั้งแต่ระยะไกล ด้วยการที่พม่าเคารพนับถือพุทธสถานเป็นอย่างมาก เวลามาไหว้เคารพสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งจะต้องถอดรองเท้าทิ้งไว้ตั้งแต่หน้าอาณาเขตพระธาตุ ซึ่งถ้าใครมาในช่วงวันแดดร้อนจัดมีโอการเท้าพองได้ง่ายๆ โชคดีในวันที่ผมมาถึงแดดจะจ้าแต่ก็ไม่ร้อนมากนัก จึงเดินเท้าเปล่าเข้าไปได้ไม่ยากเย็น ที่ทางเข้าด้านหน้าจะมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัวยืนคู่กัน เมื่อเดินลอดซุ้มประตูเข้ามาผมก็เห็นพระธาตุมุเตาประดิษฐานอยู่ตรงหน้า เป็นองค์พระธาตุสีทองคำเมื่อแสงแดดตกมากระทบทำให้ดูน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก พระมหาเจดีย์พระธาตุมุเตามีรูปทรงคล้ายระฆังทองคำอันเป็นศิลปวัฒนธรรมของมอญ ซึ่งจะต่างจากลักษณะรูปทรงของพระมหาเจดีย์ชเวดากองโดยสิ้นเชิงที่มีรูปทรงศิลปวัฒนธรรมเป็นแบบของพม่า
ที่ฐานด้านล่างของตัวองค์พระธาตุจะมีเจดีย์ทองคำองค์เล็กรายล้อมตัวองค์พระธาตุ บริเวณโดยรอบพระธาตุจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในพระวิหารตามมุมทิศต่างๆ ของพระธาตุมุเตา ผมเดินดูรอบๆ พระธาตุก็เห็นทางด้านหนึ่งมียอดพระธาตุองค์เก่าที่หักลงมาจากเหตุเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ประดิษฐานอยู่ ที่ด้านบนยอดที่หักมีการสร้างเจดีย์องค์เล็กพร้อมแผ่นจารึกที่มีคำบรรยายเหตุการณ์วันที่เกิดแผ่นดินไหวเอาไว้ ยอดพระธาตุองค์เก่านั้นเป็นอิฐมอญที่ก่อขึ้นเป็นชั้นๆ ผมเห็นชาวพม่าไหว้พระธาตุขอพรเสร็จก็นำธูปไปปักค้ำไหว้ตรงแนวอิฐยอดพระธาตุองค์เก่าพร้อมเอาหน้าพากไปแตะที่ยอดพระธาตุองค์เก่า ไกด์อธิบายว่าชาวพม่ามีความเชื่อว่าการทำแบบนี้จะทำให้คำอธิษฐานที่ขอพรไว้สัมฤทธิ์ผล ผมได้ยินดังนั้นผมก็ทำตามอย่างตั้งใจ
เมื่อผมสักการะไหว้ขอพรต่อองค์พระธาตุเสร็จ ผมก็เดินชมความงดงามของพระธาตุมุเตาโดยรอบ ผมเห็นชาวพม่าทุกเพศทุกวัยต่างพากันมากราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จำนวนมาก
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ได้ยิน
ตำนานที่ได้ฟังจะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
เพราะเรื่องราวก็ผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีมาแล้ว
แต่เท่าที่ผมเห็น ความเลื่อมใส ความศรัทธาของชาวพม่า
ที่มีต่อองค์พระธาตุมุเตา
ก็ทำให้สถานที่นี้ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก…
ติดตามผลงานเขียนอื่นๆ จากเพจปั่นเรื่อง เป็นภาพ อีกได้ที่ https://www.facebook.com/writestoryforphoto
แมววัด ได้ไปสักการะมาแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทุกๆที่ไปสักการะมามีความรู้สึกว่าจะต้องไปอีกครัง
18 พ.ย. 2562 เวลา 10.29 น.
Chitipat อนุโมทนาสาธุกับผู้ที่ได้ร่วมกันสร้างพระมหาเจดีย์มุเตาและผู้ที่เผยแพร่เป็นธรรมทาน สาธุครับ
18 พ.ย. 2562 เวลา 03.52 น.
สุรเดช ด่านชาญจิตต์ ลูกขอนอบน้อมกราบนมัสการองค์พระธาตุครับสาธุ
18 พ.ย. 2562 เวลา 12.43 น.
AAAAAAAAAAA อยากให้ประเทศไทยดูแลทนุบำรุงพุทธศาสนา.... ให้ดีกว่านี้นะคะให้สมกับเป็นศาสนาประจำชาติ
18 พ.ย. 2562 เวลา 12.39 น.
สิริพงศ์ อรุโณทัย สวยมากๆ
18 พ.ย. 2562 เวลา 20.03 น.
ดูทั้งหมด