วันที่ 14 พ.ย. ที่รัฐสภา การประชุมเพื่อพิจารณารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ ได้อภิปรายเรื่องการทำงานใน กมธ. ว่า ถ้าจะสรุปบทเรียนจากการทำงานคณะกรรมาธิการครั้งนี้ในประโยคเดียว คือ “การเพิ่มราคาสินค้าทางการเกษตรกับการยกระดับสินค้าเกษตรไม่เหมือนกัน”
วันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมามีการอภิปรายเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ ราคาข้าวอยู่ที่ระดับค่อนข้างต่ำ วันนี้ราคาข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมขึ้นมาสูงกว่าราคาที่รัฐบาลจะประกันด้วยซ้ำไป ซึ่งถ้าปล่อยให้แล้งไปหรือน้ำท่วมไป ราคาก็จะขึ้นมาโดยปริยาย แต่คำถามคือข้าวนี้อยู่ในมือของชาวนาหรือไม่ ชาวนาจะได้รับประโยชน์ตรงนี้หรือไม่
สำหรับเรื่องข้าว ตนเห็นว่า ถ้าจะสรุปเป็นประโยคเดียวอีกครั้ง เราต้องยกระดับข้าวจาก “โภคภัณฑ์” ให้เป็น “ผลิตภัณฑ์” ซึ่งต้องมีการคิดแบบบูรณาการเป็นระบบ ยกตัวอย่างในระยะสั้น
ในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีวิธีคิดในการอุดหนุนอยู่สองขั้ว มีทั้งประกันราคาและจำนำ แต่สำหรับตน ไม่ว่าจะประกันหรือจำนำมีทั้งข้อดีข้อเสีย รัฐบาลต้องเลือกใช้เครื่องมือความหลากหลายทางนโยบายให้ถูกต้องกับประเภทของข้าว ผ่านวิธี 3 ป. คือ
“ประกัน” - การประกันราคาข้าวนั้นมีข้อดีตรงที่ว่ามีผู้เล่นน้อย โรงสีไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์การคลังสินค้าไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นโอกาสในการรั่วไหล โอกาสในการทุจริตก็มีน้อย เหมาะแก่การทำข้าวที่มีการออกมาหลายๆ รอบ ส่วนการจำนำ มีข้อดี คือการดึงข้าวออกจากระบบสำหรับข้าวที่มีการเก็บเกี่ยวรอบเดียวต่อปี ตอนที่ข้าวออกมาราคาต้องตกลง แต่พอออกมาเรื่อยๆ ช่วงปลายของการเก็บเกี่ยวราคาก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราสามารถดึงข้าวออกจากระบบได้และทำให้อุปสงค์สมดุลได้ ราคาข้าวจะทรง ไม่มีราคาที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป
“เพราะฉะนั้นความหลากหลายทางนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวนาในระยะสั้นนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดเป็นขั้วอีกต่อไป หมดยุคแล้วที่จะประกันดีหรือจะจำนำดี มันได้ทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับประเภทของข้าวที่ท่านจะใช้ต่างหาก”
“ปรับพอร์ท” - ถ้าเราดูราคาตอนนี้ ข้าวเจ้า 5% เป็นข้าวชนิดเดียวที่ราคาอยู่ที่ประมาณ 7 พันกว่าบาท แต่รัฐบาลประกันไว้ที่หมื่นกว่าบาท เป็นพันธุ์เดียวที่มีปัญหาอยู่ จากการที่คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ จากการเรียกข้าราชการมาชี้แจง ตนถามว่าข้าวที่เป็นพอร์ทมีพันธุ์อะไรบ้าง กรมการข้าวบอกว่ามีการวิจัยออกมา สรุปว่ามีเป็นพันเป็นหมื่นพันธุ์ แต่เมื่อถามว่าที่ปลูกจริงๆ อยู่ในประเทศไทยมีอยู่กี่พันธุ์ มีข้าวแข็งกี่พันธุ์ที่จะส่งออกไปแอฟริกา เป็นข้าวนุ่มที่จะส่งออกไปจีนอีกกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครทราบในส่วนนี้ ตนคิดว่านี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ เพราะว่าถ้าเกิดเราปลูกข้าวแบบเดียวซ้ำไป ไม่มีความหลากหลายทางพันธุ์เมื่อไหร่ ก็หมายความว่าอุปทานของข้าวประเภทนั้นจะออกมาเยอะ วันใดที่แอฟริกาไม่เอาแล้วหรือขึ้นภาษีก็ขายไม่ได้ ถ้าวันไหนเรามีคู่แข่งที่ไปขายให้จีนมากขึ้นเราก็ขายไม่ได้ การทำให้สมดุลต้องมีอยู่
“แปรรูป” - ดังที่ประธานคณะกรรมาธิการได้พูดไปแล้ว ว่าข้าวสามารถแปรรูปเป็นเหล้าชุมชนได้ เชิงอรรถที่ตนได้ให้ไว้ครั้งที่แล้วเมื่อเดือน ก.ค.คือการแปรรูปเป็นสุราชุมชน ไม่ได้หมายถึงการสนับสนุนให้มีการดื่มสุราเพิ่ม แต่เป็นการสนับสนุนเกษตรกรของเรา
“ท่านทราบหรือไม่ ว่าเหล้าอะวาโมริ ที่ดังที่สุดของโอกินาว่าราคาขวดละสองพันกว่าบาท แต่ต้องนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เราส่งข้าวจากเมืองไทยไปที่โอกินาว่าให้เขาทำแบรนด์ แล้วส่งกลับมาขายร้านอาหารญี่ปุ่นเราที่ทองหล่อทุกวันนี้ เก็บข้าวไว้ในขวดราคามีแต่ขึ้น เก็บข้าวไว้ในโกดังราคามีแต่ลง”
Nink_MGW เห็นด้วยเรื่องแนวคิดปรับพอร์ทกับแปรรูปครับ น่าตกใจที่ราชการเราไม่มีข้อมูลแยกประเภทนะครับ กรมการข้าวใส่แต่เกียร์ว่าง
14 พ.ย. 2562 เวลา 14.40 น.
เห็นด้วย
14 พ.ย. 2562 เวลา 14.42 น.
Bommax แนะอะไร จะดี ไม่ดี ก็โดนด่าหมดแหละ
คนไทยมันเป็นแบบนี้
14 พ.ย. 2562 เวลา 14.35 น.
Chaiwut.pong ใอ้คนวิจารเขาที่ว่าเขาพูดไม่ถูกหนะมันไม่มีสมองเหมือนเขาๆพูดถูกแล้ว
14 พ.ย. 2562 เวลา 14.42 น.
𝑰'𝒎 𝑵𝒂𝒕𝒕𝒂𝒘𝒖𝒕 ไอ้พวกอคติ ดีหรือไม่ดี คือกูด่าใว้ก่อนก่อน ทำไม่ได้มั้ง โน้นนี้นั้นมั่ง แล้วประเทศมันจะเจริญได้ไงว่ะ บอกไทยทำไม่ได้ ทำไม ญี่ปุ่นทำได้ ข้ออ้างพวกอคติแม่งเยอะชิบหาย
14 พ.ย. 2562 เวลา 15.00 น.
ดูทั้งหมด