แต่ที่ผ่านมาหลังอกหักจากตำแหน่งสำคัญในพรรคตัวเอง ก็มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในวันนี้ (17 ก.ย.)กรณ์ได้โพสต์ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านโซเชียลมีเดียทั้งบนเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ของตนว่า "วันนี้มี ข่าว ผมจะตั้งพรรคกับคุณชัชชาติ ผมต้องขอโทษเพื่อนๆ สื่อมวลชนที่พยายามติดต่อเข้ามาสอบถาม ผมขอชี้แจงทางนี้สั้นๆนะครับว่า.. ผมเป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และตราบใดที่ยังอยู่ในสถานะนี้ ผมจะทำหน้าที่ในสภาฯ อย่างเต็มที่ และยังไม่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่กับใครครับ"
ด้านชัชชาติ ก็ออกมาชี้แจงทั้งบนเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ของตนเช่นกันว่า "ที่มีข่าวว่าผมจะตั้งพรรคใหม่นั้นไม่จริงนะครับ ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย ตอนนี้คิดแต่จะทำอย่างไรให้แก้ปัญหาของคนกรุงเทพได้ดีที่สุดครับ"
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทั้งคู่ซึ่งต่างมีประวัติและดีกรีทางการเมืองไม่แพ้กัน ก็ตกเป็นข่าวเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบทบาทในอนาคตของตนอยู่บ่อยครั้ง
ย้อนไปช่วงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ของประชาธิปัตย์ เมื่อเดือน พ.ค.กรณ์ลงสมัครเป็น 1 ใน 4 ผู้ท้าชิงตำแหน่งนี้ด้วย แต่ปรากฏว่าเขาได้คะแนนเสียงจากสมาชิกพรรคเป็นอันดับ 3 เพียง 8.4% เทียบกับผู้ชนะอย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้คะแนนถึง 50.5%
ในการตอบคำถามก่อนลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนั้น กรณ์บอกว่า ที่ตัดสินใจลงสมัครเพราะอยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงและกลับมาเป็น "ที่พึ่งหวังของประชาชน" อีกครั้งแต่จากผลที่ออกมาก็ชัดเจนว่า อดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คน คือ ชวน หลีกภัย,บัญญัติ บรรทัดฐาน และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สนับสนุนจุรินทร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใหญ่ของพรรคไม่ได้มองโจทย์ของพรรคตรงกับกรณ์ ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงพรรคต้องมีการพัฒนาให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาในเดือน มิ.ย. หลังจากมีการจัดคณะรัฐมนตรีและเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เกิดเครื่องหมายคำถามอีกครั้ง เพราะไม่ปรากฏชื่ออดีตขุนคลังยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งในคณะรัฐมนตรีโควตาประชาธิปัตย์ และทีมเศรษฐกิจของพรรคเองซึ่งสุดท้ายตั้ง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคเป็นประธานคณะทำงาน
หลังเจอเหตุการณ์เหล่านี้ เมื่อถูกสื่อถามถึงอนาคตกับพรรคประชาธิปัตย์ กรณ์ได้พูดแบบมีนัยว่า "จะตอบให้โลกสวยก็ได้ว่าจะอยู่กับ ปชป.ตลอดไป แต่ในความเป็นจริงต้องดูว่า อุดมการณ์ แนวทางการเมืองของพรรคในอนาคตจะเป็นอย่างไรคือถ้าไม่ตรงกัน หรือ พรรคไม่ต้องการเราก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เพราะเราคิดว่าเรายังสามารถทำงานได้ เรายังสามารถทำงานให้ประเทศชาติได้มากกว่านี้ ถ้าเราอยู่ที่อื่นอันนี้ก็ต้องพิจารณา เพราะตอนนี้อายุ 55 ปี คงมีเวลาทำงานอีกอย่างน้อย 10 ปี"
ที่ผ่านมา กรณ์เคยเป็นทั้งรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค แต่ปัจจุบันเขาเหลือเพียงตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งเจ้าตัวประกาศไว้แล้วว่าจะทำหน้าที่ ส.ส.เพียงอย่างเดียวในขณะที่พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และพร้อมสนับสนุนการทำงานของทีมเศรษฐกิจของพรรคเต็มที่
ขณะที่ชัชชาติ ผู้ที่ชาวเน็ตตั้งฉายาว่า "รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" แสดงความพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งโดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คช่วงก่อนสิ้นปีที่แล้วว่า "วันนี้ (หมายถึงวันที่ 28ธันวาคม ที่โพสต์ข้อความ) เป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ครบวาระหลังจากทำงานมา 4 ปีเต็ม ขอบคุณอดีต สำหรับทุกๆ บทเรียน / สวัสดีอนาคต ผมพร้อมแล้ว"
แต่หลังจากนั้นก่อนถึงการเลือกตั้ง 1 เดือน เกิดการพลิกโผขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของชัชชาติรวมอยู่ด้วยโดยพรรคให้เหตุผลว่า เจ้าตัวประสงค์จะช่วยงานบริหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ชัชชาติยังคงเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติศิริอดีต รมว.ยุติธรรม
ทว่าเมื่อถึงเวลารวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยรวมเสียงข้างมากไม่สำเร็จแม้มีส.ส.มากที่สุด จึงต้องเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ และพันธมิตรรวมถึงพรรคเสรีรวมไทย
จากนั้น พรรคเพื่อไทยกลับตัดสินใจไม่เสนอชื่อแคนดิเดตของตน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือชัชชาติ แล้วหันไปสนับสนุน "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เป็นแคนดิเดตนายกฯของฝ่ายค้าน เพื่อแข่งขันกับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ที่มีเสียงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ, ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และส.ว.อีก 250เสียงถ้วน ระหว่างการลงมติเลือกตั้งนายกฯ ช่วงต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาดคือ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเสียงสนุนขาดลอย
การเดินหมากครั้งนั้นของเพื่อไทย นอกจากทำให้ชัชชาติพลาดหวังเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังทำให้เขาไม่มีทั้งที่นั่งและที่ยืนในสภาเลย
หลังจากนั้น ชัชชาติยังเคลื่อนไหวในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่คาดว่าจะมีขึ้นภายในปีหน้า ล่าสุด ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกกลุ่ม "กรุงเทพที่ดีกว่าเดิม" เผยว่า กลุ่มฯให้การสนับสนุนชัชชาติ ที่ตัดสินใจจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ เพราะต้องการร่วมมือการทำงานกับทุกภาคส่วน ให้ทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน โดยจะทำงานอย่างอิสระจริง ๆ ไม่มีพรรคอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าท่าทีล่าสุดจากพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ชัดเจน หลังจาก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค เผยวันนี้ว่า ต้องรอความชัดเจนเรื่องช่วงเวลาเลือกตั้งท้องถิ่นจากรัฐบาล จึงยังไม่มีการพิจารณาตัวผู้สมัครในนามพรรคและส่วนตัวก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับชัชชาติ
หากประเมิน ..หน้าม่านการเมือง "ชัชชาติ" ยังมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคเพื่อไทย และไม่แสดงตัวเป็นเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบัน ในขณะที่ "กรณ์" มีหมวกส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่บทบาทในพรรคเก่าแก่ดูไม่สดใส แต่ก็พยายามเสนอทัศนะผ่านเวทีสภาและสื่อโชเชียลเป็นระยะ เสมือนสร้างพื้นที่ให้ตัวเองเพื่อทางเลือกในอนาคต
แน่นอนว่า "หลังม่านการเมือง" ความเคลื่อนไหวทั้ง "ชัชชาติ-กรณ์" คนเคยเป็นดาวรุ่งของ 2 พรรคใหญ่ เคยเป็นแคนดิเดตผู้นำแต่กลับต้องอกหัก! เพราะสถานการณ์ภายในพรรคไม่เป็นใจ ดังนั้น "การพูดคุยหรือเสนอทางเลือก" จึงมีร่องรอยของคนใกล้ชิดขยับก้าวของ "พรรคพวกทางเลือกใหม่" อย่างน่าสนใจยิ่ง!!
พฤกษ์ ขอบครับ
17 ก.ย 2562 เวลา 15.20 น.
Pin คุณชัชชาติ ลงอิสระ เถอะ การเลือกตั้งที่ผ่านมาคุณได้รับบทเรียนจากเพื่อไทย แล้ว และถ้าคุณลงในนามเพื่อไทยเชื่อว่าคุณไม่ได้รับเลือกตั้งหรอก
17 ก.ย 2562 เวลา 14.21 น.
sangdad☀️ ตั้งขึ้นมาก็ดีนะ น่าเบื่อกับนักการเมืองตอนนี้มีแต่ขัดแย้ง กัดกันไม่เลิก ไม่รู้กาละเทศะชาวบ้านเดือดร้อนจากน้ำท่วม
ก็ยังจะกัดกัน ทุเรศมาก
17 ก.ย 2562 เวลา 13.51 น.
เบิร์ด อยากเห็นคุณกร มาทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอีกครั้ง คุณกรเป็นคนที่พร้อม และมีความสามารถมาก ตอนครั้งก่อนที่ประเดิมการเป็น รมต ด้วย รมต คลัง ก็มีผลงานโดดเด่นมาก
17 ก.ย 2562 เวลา 13.23 น.
Darran ก็เป็นแค่เพียงความพยายามของใครบางคนเท่านั้นเอง
17 ก.ย 2562 เวลา 12.57 น.
ดูทั้งหมด