สัมภาษณ์พิเศษ
หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (responsible lending) มากขึ้น อย่างเช่น การจะเลิกทำแคมเปญสำหรับผู้มีรายได้น้อย อย่างการทำโปรโมชั่นผ่อน 0% เพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งจะทำได้แค่ไหน“ประชาชาติธุรกิจ” ได้
พูดคุยกับ “ฐากร ปิยะพันธ์” ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ในฐานะที่สวมหมวก “ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต” มานำเสนอ
เขาบอกว่า สิ่งที่ ธปท.และสมาคมธนาคารไทยพยายามบอก ก็คือ ภาวะหนี้ครัวเรือนขณะนี้ยังอ่อนไหว แต่ไม่ใช่แค่บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ แต่จริง ๆ แล้วเป็นภาพรวมของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ทำให้ต้องมาพิจารณากันว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อดูแลตรงนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะออกกฎเกณฑ์มา เพื่อให้หยุดทำโปรโมชั่นผ่อน 0% ไปเลย เพราะในความเป็นจริงแล้วคงไปหยุดไม่ได้ เนื่องจากในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเงินมากหรือมีเงินน้อย ไม่ว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อประกัน ฯลฯ ก็ล้วนใช้วิธีการผ่อนชำระกันทั้งสิ้น
“ต้องเข้าใจสิ่งที่ ธปท.กับสมาคมธนาคารไทยกำลังพูดถึงกันอยู่ คือ ทำอย่างไรที่เราจะสร้าง sustainability (การพัฒนาอย่างยั่งยืน) ทางด้านการเงินก็มีหลายรูปแบบ ก่อนหน้านี้ก็มีการปรับลดวงเงินบัตรเครดิตให้เป็นไปตามรายได้ผู้สมัคร อย่างกลุ่มรายได้ 1.5-3 หมื่นบาท/เดือน สมัครบััตรเครดิตก็ได้วงเงินแค่ 1.5 เท่า คนรายได้ 3-5 หมื่นบาท สมัครก็ได้วงเงิน 3 เท่า และคนรายได้ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ก็จะได้วงเงิน 5 เท่า จากเดิมสมัครแล้วก็ได้ไปเลย 5 เท่า ดังนั้น ก็จะเห็นว่ามีซีรีส์ของความพยายามที่จะประคับประคองไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว”
ผ่อน 0% “เลิกไม่ได้”
“ฐากร” อธิบายถึงการที่ต้องมีโปรฯผ่อน 0% ว่า เป็นเรื่องของการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด จากสมัยก่อนเวลาทำโปรฯจะมี “ลด-แลก-แจก-แถม” แต่ปัจจุบันจะเป็น“ลด-แลก-แจก-แถม” หรือ “ผ่อน” ซึ่งใช้กับคนทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มที่รายได้น้อย อย่างกรณีสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ ฯลฯ ต้องบอกว่า ในปัจจุบันธุรกิจที่ขายสินค้า มีโปรแกรมการผ่อนเป็นตัวช่วยสร้างยอดขายอยู่ 40-50% ดังนั้นหากหยุดให้มีผ่อน 0% ก็จะกระทบธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวม
“ถามว่า ผ่อน 0% มีผลกระทบบ้างหรือเปล่า ผมว่าก็อาจจะมีบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องหยุด ห้ามทุกคนใช้ เพราะเป็นเรื่องการตลาด แล้วถ้าหยุดจริง ๆ ธุรกิจที่ขายสินค้านั่นแหละที่จะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะปัจจุบันโปรแกรมผ่อน ช่วยสร้างยอดขายให้เขาถึง 40-50%”
“มือถือ” ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย
ส่วนที่มีการมองกันว่า“โทรศัพท์มือถือ” ที่มีโปรฯผ่อน 0% เป็นปี ๆ น่าจะเป็น“สินค้าฟุ่มเฟือย” นั้น “ฐากร” มองต่างว่า มือถือไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย เพราะทุกวันนี้คนแทบจะใช้ชีวิตอยู่บนมือถือกันตลอดแล้ว
“มือถือทุกวันนี้ กลายเป็นการใช้ชีวิตของคนแล้ว ผมว่าไม่ฟุ่มเฟือย เพราะทุกคนต้องใช้”
ส่วนการผ่อน 0% เที่ยวต่างประเทศนั้น “ฐากร” ไม่ปฏิเสธว่า มีผู้ที่ทำโปรฯนี้อยู่ เพียงแต่อยากย้ำว่า ไม่ว่าผู้ผ่อนจะมีรายได้ 5 หมื่นบาท หรือ 1 แสนบาท หากมีโปรแกรมผ่อนให้ ก็จะเลือกผ่อนกันเกือบทั้งสิ้น แม้ว่าจะสามารถซื้อเงินสดได้ก็ตาม เพราะผ่อนแล้วไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
“ยิ่งถ้าคนมีรายได้เยอะ ๆ เขาก็ดูแล้วว่า ทำไมต้องจ่ายทีเดียว 5 หมื่นบาท จ่ายทีละงวด งวดละ 1 หมื่นบาท เงินที่เหลือนำไปลงทุน หรือฝากเงินไว้ก็ได้ดอกเบี้ย เพราะยังไงส่วนที่ผ่อนก็ไม่เสียดอกเบี้ย ดังนั้น ถามว่ากระตุ้นไหม ก็อาจมีบ้าง แต่ผมไม่คิดว่าจะทำให้ทุก ๆ คนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปขนาดนั้น”
คุม DSR แก้ปัญหาตรงจุดกว่า
“ฐากร” ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แต่ละปีมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตร่วม 2 ล้านล้านบาท/ปี ซึ่งแต่ละปีสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 2-3 หมื่นล้านบาท แต่หากไปดูในหนี้ครัวเรือน จะพบว่า หนี้คงค้างบัตรเครดิตอยู่ที่กว่า 4 แสนล้านบาท มีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับหนี้ครัวเรือนทั้งหมดกว่า 12 ล้านล้านบาท ดังนั้น การแก้ปัญหาควรจะโฟกัสอย่างตรงจุด โดยใช้การควบคุมดูแลกลุ่มผู้กู้ที่อ่อนไหว เหมือนอย่างที่ ธปท.ส่งสัญญาณว่าจะคุมภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ที่ 70% ซึ่งมีการขอความร่วมมือสถาบันการเงินมา ต้นปีหน้า กรุงศรีฯก็จะเริ่มดำเนินการตามนั้น
สำหรับบัตรเครดิตของ “กรุงศรี” ปัจจุบันก็ยังใช้โปรแกรมผ่อนอยู่ในหลายหมวดสินค้า อาทิ มือถือ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ประกัน เป็นต้น ส่วนหมวดอื่น ๆ ไม่ได้โตมาก ดังนั้นหากจะไปลดผ่อน 0% ในส่วนที่ไม่ได้มีมาก ก็ไม่กระทบอะไร แต่หมวดท่องเที่ยวนั้น หากจะเลิกโปรแกรมผ่อนส่วนนี้ ก็จะกระทบคนที่มีเงินไปด้วย
“เราคงดูว่า อะไรมีความ sensitive (มีความอ่อนไหว) ต่อกลุ่ม ถ้าอยากจะประคับประคองกลุ่มรายได้น้อยกว่า 3 หมื่นบาท ก็คงต้องเข้าไปจัดการตรงนั้น แต่ถ้าไปหว่านแล้วกระทบหมดทุกกลุ่ม คงไม่ถูกต้อง”
ปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของ “กรุงศรี” รวมกันอยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท โดยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต “กรุงศรี” ปีนี้น่าจะโตได้ 12% หลัง 9 เดือนโตมาแล้ว 10-11% ส่วนบัตรกดเงินสดน่าจะโตราว 10% หลัง 9 เดือนโตแล้ว 8-9% ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้คนขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น
Most 🍋 060 มันบวมมาจากบัตรกดเงินสดก็ไปคุมส่วนนั้นซิ
26 ก.ย 2562 เวลา 02.30 น.
' 🌻คมสัน🌞 55 โปร 0% ผมว่าเค้าบวกราคาไปแล้วแหงครับ
26 ก.ย 2562 เวลา 02.29 น.
T 51 เลิกไม่ได้เห็นด้วยครับ
แต่ก็สามารถออกมาตรออกกฎห้ามโปรโมทเพื่อ
กระตุ้นให้คนอยากผ่อน ชั่วคราวก็ได้ครับ
คนที่เขาต้องการจริงๆ เขาก็ผ่อนได้สบายๆ
26 ก.ย 2562 เวลา 02.22 น.
chayaphol ของฟรีไม่มีในโลกของธุรกิจทุกอย่างมีนัยยะ
24 ก.ย 2562 เวลา 15.14 น.
MoKoTo นโยบายรัฐบาล ต้องชะลอเศรษฐกิจ ชะลอการซื้อของ
24 ก.ย 2562 เวลา 14.07 น.
ดูทั้งหมด