พ่อค้าทุเรียนแสบ ลักลอบนำเข้าทุเรียนกัมพูชา-เวียดนาม “สวมสิทธิ์” ตีตราแหล่งกำเนิดไทยส่งออกจีน หวั่นเจอโรค-แมลง โดนจีนขึ้น “แบล็กลิสต์” กรมวิชาการเกษตรตรวจเข้ม ล่าสุดจับได้ใน จ.จันทบุรี 20 ตัน ชี้ปีนี้ความต้องการบริโภคทุเรียนในจีนสูง ขณะที่ทุเรียนเวียดนามถูกจีนออกกฎห้ามนำเข้าเลยทะลักเข้าไทย
แหล่งข่าวจากวงการส่งออกทุเรียนไปตลาดจีน จังหวัดจันทบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้เกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นในการส่งออกทุเรียนไทยไปตลาดจีน เนื่องจากล่าสุดพบว่าพ่อค้าไทยร่วมมือกับพ่อค้าต่างชาตินำทุเรียนเวียดนาม กับทุเรียนกัมพูชา สวมสิทธิ์ทุเรียนไทย ส่งออกไปขายในตลาดเจียงหนาน มณฑลกว่างโจว โดยดัมพ์ราคาขายลงต่ำมากแค่กล่องละ 600 กว่าหยวน (18 กก./กล่อง) เทียบกับต้นทุนส่งออกทุเรียนไทยที่ 740-750 หยวน/กล่อง นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เคยตรวจพบพ่อค้าเวียดนามก็นำทุเรียนหมอนทองของเวียดนาม และกัมพูชา บรรจุกล่องที่ระบุเป็นทุเรียนไทย ส่งไปขายในจีนเช่นเดียวกัน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางป้องกันแก้ไขปัญหา มิฉะนั้นจะกระทบชื่อเสียงภาพลักษณ์การส่งออกทุเรียนไทยทั้งระบบ
จับพิรุธส่งออกสวนทางผลผลิต
กรณีดังกล่าวเบื้องต้นพบว่าขั้นตอนทั้งหมดทำในเวียดนาม แต่ปีนี้จีนเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ไทยได้ส่งรายชื่อโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ที่ได้มาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) ที่ขึ้นทะเบียนกับทางการไทยไปให้จีนตรวจสอบ พ่อค้าเวียดนามจึงหันมาร่วมมือกับพ่อค้าไทยและพ่อค้าจีนที่เข้ามาทำล้งในไทย นำทุเรียนหมอนทองจากกัมพูชาเข้ามาบรรจุกล่องในไทยแล้วส่งออกไปจีน หรือบางครั้งนำกล่องทุเรียนไทยไปบรรจุในกัมพูชา และส่งกลับเข้ามาประเทศไทย เพื่อส่งออกผ่านทางเวียดนามไปตลาดจีน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2562 มีรายงานข้อมูลจากด่านโย่วอี้กวน มณฑลกว่างซี ว่ามีทุเรียนไทยส่งเข้าจีนทั้งหมด 51 ตู้ ทั้งที่ในความเป็นจริงการส่งออกทุเรียนจากไทย ไม่น่าจะเกิน 29 ตู้ เพราะขณะนี้ผลผลิตทุเรียนในภาคตะวันออกเริ่มมีปริมาณลดลงแล้ว
ไร้ PC เสี่ยงจีนขึ้น “แบล็กลิสต์”
นายสมพล ช่างบุ นายด่านตรวจพืชจันทบุรี กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาการนำเข้าทุเรียนกัมพูชา เวียดนาม เข้ามาสวมสิทธิ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน เนื่องจากทุเรียนในภาคตะวันออกใกล้หมดฤดูกาล และมีราคาสูงขึ้น แต่ตลาดจีนยังมีความต้องการบริโภคทุเรียนสูง โดยหน่วยตรวจสอบพืชจันทบุรีได้ตรวจพบการนำเข้าทุเรียนกัมพูชา 20 ตัน มาบรรจุกล่องที่ล้งแห่งหนึ่งบริเวณเนินสูง จ.จันทบุรี จึงส่งทุเรียนลอตนี้กลับไปกัมพูชา อย่างไรก็ตาม การลักลอบนำเข้าทุเรียนโดยไม่ผ่านการตรวจสุขอนามัย น่าเป็นห่วงเรื่องโรคพืช แมลง เพราะหากจีนสุ่มตรวจพบไม่ได้มาตรฐาน จะตรวจสอบทุเรียนไทยเข้มงวดมากขึ้น และไทยอาจเสี่ยงถูกแบล็กลิสต์ได้
ปกติการนำทุเรียนผลสดจากกัมพูชา และเวียดนาม เข้ามาประเทศไทยสามารถทำได้ แต่ต้องผ่านพิธีการศุลกากร การตรวจสอบโรคเพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (phytosanitary certificate : PC) และต้องนำเข้าตามช่องทางที่ถูกต้อง คือ จุดผ่านด่านถาวรบ้านผักกาด และบ้านแหลม แต่ผู้ลักลอบนำเข้ามักเลี่ยงไปใช้จุดผ่อนปรน 3-4 จุด ที่ไม่มีหน่วยงานศุลกากร หน่วยตรวจสอบพืชประจำอยู่ ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาก็มีปัญหาการลักลอบนำเข้าทุเรียน เพราะพื้นที่ชายแดนมีช่องทางธรรมชาติหลายช่องทาง
ผิด กม.ศุลกากร-กักพืช
ประกอบกับปีนี้ จีนไม่อนุญาตให้นำเข้าทุเรียนเวียดนาม พ่อค้าจึงลักลอบนำมาบรรจุในไทยจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตรวจพืชได้สอดส่องโดยตรวจสอบล้งในจันทบุรี เพื่อดูว่ามีทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาหรือไม่ เพราะมีความแตกต่างกันชัดเจนขั้นตอนการลงโทษการนำเข้าทุเรียนโดยไม่ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายไทย จะต้องกล่าวโทษและส่งเรื่องให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ยื่นฟ้องร้องต่อศาล เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาหาตัวผู้กระทำผิด ไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ทันที สำหรับโทษตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2551 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก เนื่องจากทุเรียนไม่ได้เป็นพืชต้องห้าม
ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ รวมอากร หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ริบของนั้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
จี้ตั้งกฎทุเรียนสดห้ามนำเข้า
นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี (สวพ.6) กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า แม้การนำเข้าทุเรียนผลสดจากกัมพูชา เวียดนาม สามารถทำได้อย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.กักพืช แต่ปัญหาขณะนี้คือการลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร และไม่ผ่านการตรวจสอบโรคและแมลง ไม่มีใบรับรอง PC บางรายนำเข้ามาสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทยส่งออกไปจีน ส่วนการนำเข้าเป็นสินค้าส่งกลับ (reexport) สามารถทำได้ แต่ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และปกป้องชาวสวนทุเรียนไทย
“อนาคตอีก 2-3 ปี ถ้าปัญหาสวมสิทธิ์ทุเรียนกัมพูชา เวียดนามยังมีอยู่ จะกระทบต่อทุเรียนไทยแน่ ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหาทำได้โดยกรมวิชาการเกษตร ควรออกประกาศกำหนดให้ทุเรียนผลสดเป็น “สิ่งต้องห้ามนำเข้า” ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน แจ้งเวียนประเทศสมาชิก IPPC ภายใต้ WTO จากนั้นให้ผู้ประสงค์นำเข้าทุเรียนผลสดยื่นคำขอต่อกรมวิชาการเกษตร เพื่อขอให้วิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช ใช้เวลา 2-5 เดือน จากนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงประกาศเงื่อนไขการนำเข้าสิ่งต้องห้ามที่ผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว ซึ่งมีข้อกำหนดพื้นฐาน คือ การขออนุญาตนำเข้า มีใบรับรอง PC ไม่มีศัตรูพืชกักกันของไทย ระบุแหล่งที่ปลูกประเทศนั้น ๆ นอกจากนี้ ก่อนการอนุญาตนำเข้าให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรไปตรวจระบบการส่งออกทุเรียน ระบุประเทศที่นำเข้าด้วย เช่นเดียวกับประกาศให้นำเข้ามะพร้าวจากเวียดนาม จึงจะนำเข้าได้
สวมสิทธิ์โทษจิ๊บจ๊อย
ขณะที่บทลงโทษกรณีตรวจพบผู้ส่งออก หรือล้งที่ได้ขึ้นทะเบียนได้รับ GMP มีทุเรียนที่ไม่ได้มาตรฐาน และระบุแหล่งกำเนิดสินค้าไม่ตรงตามจริง มีขั้นตอนการลงโทษ 3 ขั้นตอน คือ การแจ้งเตือน การพักใบอนุญาต และยกเลิกใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ส่วนนี้เป็นมาตรการที่เป็นข้อตกลงโดยความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับใช้ตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนและพักใบอนุญาตทุกปี
ด้านนายภานุวัฒน์ ไหมแก้ว นายกสมาคมประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด กล่าวว่า ปัญหาการนำทุเรียนเวียดนาม กัมพูชา สวมสิทธิ์ทุเรียนไทย ส่วนหนึ่งมาจากทุเรียนไทยมีราคาแพง 140-150 บาท/กก. ขณะที่ทุเรียนเพื่อนบ้านราคา 80-90 บาท/กก. และทุเรียนภาคตะวันออกเริ่มน้อยลง ในขณะที่ตลาดจีนยังมีความต้องการสูง แม้จะมีทุเรียนทางอุตรดิตถ์ ศรีสะเกษเริ่มทยอยออกมา แต่ราคายังสูงเช่นเดียวกัน สมาคมจึงได้ขอความร่วมมือสมาชิก 200 กว่าราย ให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดทุเรียนไทยในอนาคต หากจีนตรวจพบโรค แมลง และมีการตรวจเข้มทุเรียนไทย ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงราคาทุเรียนในตลาดด้วย
คลิกอ่านเพิ่มเติม… รุกนวัตกรรม “ทุเรียน” หนีบทเรียนซ้ำรอย
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!
Ta_lop ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานได้ดีเยี่ยม กฎหมายควรแก้โทษให้หนัก ระดับปฎิบัติการทำดีแล้ว ระดับบริหารอย่านิ่งเฉย ผลกระทบจะเดือดร้อนอย่างมาก
20 มิ.ย. 2562 เวลา 09.01 น.
ทุบหม้อข้าวตัวเอง รัฐต้องขึ้นแบล็คลิสล้งด้วย
20 มิ.ย. 2562 เวลา 12.35 น.
มีสินค้าอีกหลายชนิดมาจากกัมพูชาเข้าไทย ตรวจสอบด้วยก็ดีนะคะเจ้าหน้าที่ งานจะหนัก ทำให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของชาติ ขอบคุณค่ะ
20 มิ.ย. 2562 เวลา 09.54 น.
ดูทั้งหมด