ศาลจ.สงขลา อนุมัติหมายจับ สามีโหด ใช้มีดแทงเมีย เจ็บสาหัส เหตุง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ

จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อ อลิญญา มณีรักษ์ ได้แชร์ข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก “สืบเนื่องตั้งแต่วันที่28เดือนที่แล้วน้องสาวฉันถูกแฟนที่อยุ่กินกันมาสิบกว่าปีมีลูกด้วยกัน3คนทำร้ายโดยการแทงเข้าชายโครงข้างซ้ายบาดเจ็บสาหัสไตซ้ายถูกตัดลำใส้4แผลกระเพาะอาหารทะลุหัวใจหยุดเต้น4-5นาทีหมอต้องผ่าเปิดหน้าอกเพื่อกระตุ้นหัวใจแต่ปฏิหารมีจริงน้องสาวฉันรอดจากความตายมาได้หมอบอกว่าโอกาสที่น้องฉันจะรอดมีแค่10%.แต่ประเด็นสำคัญทำไมตำรวจถึงไม่จับคนร้ายสักทีปล่อยให้เวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้วต้องรอให้มันมาทำร้ายน้องฉันอีกรอบจนตายก่อนหรือทำไมถึงปล่อยให้คนร้ายลอยนวลอยู่แบบนี้ทั้งๆที่คดีก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเลยตอนนี้ที่บ้านอยู่กับแบบหวาดกลัวโดยเฉพาะลูกๆของน้องสาวที่โดนทำร้ายเพราะกลัวไอ้คนร้ายซึ่งเป็นพ่อของเขาจะมาจับตัวไป..ขอเพื่อนๆช่วยแชร์ด้วยนะค่ะ.เผื่อทางตำรวจจะได้จับคนร้ายสักที..ขอความกรุณาช่วยแชร์เยอะๆนะค่ะ.ขอบคุณค่ะ.เหตุเกิดสงขลาค่ะอำเภอหาดใหญ่ค่ะ”

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านเป็นที่เป็นห้องแถวชั้นเดียว พบ นส.อรอุมา หรือ เปรี้ยว อายุ30ปี นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ มีพี่สาวแม่และญาติพี่น้องช่วยกันดูแลและลูกของ นส.อรอุมา มี3คนเป็น ลูกชายคนโต อายุ11 ปี ลูกผู้หญิงคนกลางอายุ9ปี และลูกชายคนเล็กอายุ3ปี

ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นาย บุญนาค ระมะโน อายุ 34ปี ซึ่งเป็น สามี ของบ นส.อรอุมา อยู่ด้วยกันมา 13 ปีมีลูกด้วย กัน 3คนเป็น ลูกชายคนโต อายุ11 ปี ลูกผู้หญิงคนกลางอายุ9ปี และลูกชายคนเล็กอายุ3ปี

โดยก่อนหน้านางสาวอรอุมา ได้ขอเลิกรากับนายบุญนาค และย้ายมาอยู่ที่บ้านพี่สาวได้ประมาณสองเดือน แต่นายบุญนาคก็มาพยายามขอคืนดีและขอให้กลับไปอยู่ที่บ้านในอ.รัตภูมิโดยตลอด แต่น.ส.อรอุมา ไม่ยอมกลับและขอเลิกรากันโดยเด็ดขาด

และ วันเกิดเหตุ วันที่ 28 พ.ย. เวลาประมาณ ทุ่ม กว่า นายบุญนาคก็มาง้อขอคืนดี เหมือนเดิม แต่ น.ส.อรอุมา ก็ไม่ยอมกลับ โดยนายบุญนาค พูดว่า ถ้าไม่กลับ ตนก็ต้องติดคุก แต่น.ส.อรอุมาก็ไม่ได้สนใจอะไร อยู่ดี นายบุญนาคก็หยิบมีดจากกระเป๋าสะพาย มาแทง ชายโครงข้างซ้ายบาดเจ็บ น.ส.อรอุมา จนได้รับบาดเจ็บต่อหน้าลูกสาววัย 9 ขวบ ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่จะหลบหนีไป

ส่วน นส.อรอุมา เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้ทะเลาะเขาแค่มาตามกลับบ้านปกติเหมือนทุกที เพราะเราบอกเลิกเขามาแล้ว ก็นั่งอยู่ในบ้านช่วงหัวค่ำเขาก็นั่งพูดๆเหมือนทุกๆวัน พูดว่าจะไม่ยอมเลิกส่วนเราก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเขาก็ชวนกลับบ้าน ส่วนเราก็ยืนยันว่าเราไม่ไป วันนั้นแม่กับลูกชายคนเล็กอยู่ในครัว พี่กับเขานั่งอยู่ข้างหน้าแล้วก็ลูกสาวและหลานสาวนั่งอยู่ในห้องเพราะในวันนั้นเป็นวันเกิดของน้องสาวแต่น้องสาวไม่ได้อยู่บ้าน ลูกสาวและหลานของพี่เลยโทรไปร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับน้องสาว ส่วนพี่ก็นั่งอยู่ไม่ได้สนใจเขาก็พูดไปเรื่อยๆเหมือนทุกที ซึ่งในจังหวะนั้นลูกสาวและหลานสาวกำลังร้องเพลง เขาก็ถามขึ้นมาว่าน้องมุกร้องเพลงแฮปปี้เบิดเดย์ให้แม่เหรอจู่ๆเขาก็ดึงไปแทงเลย ซึ่งวันเกิดเหตุนั้นเป็นวันเกิดน้องสาวพอดี ส่วนมีดนั้นเขาพกใส่ในกระเป๋ามาส่วนเราเองเราไม่รู้ว่าเขาพกมีดมาด้วย

ส่วนเรื่องการทะเลาะกันนั้น เขาเป็นแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วคือเขาจะทุบตีบ่อยมากและทำต่อหน้าลูกตลอด ทำแบบนี้มาบ่อยครั้งจนนับไม่ได้เลย คือเขาปิดห้องซ้อมเราเลย เขายังกล่าวหาว่าเรามีคนอื่น แต่ว่าเราอยู่บ้านเขารไม่ค่อยได้ไปไหน โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยได้จับเลยขนาดเฟสเราเขาก็เอาของเราไปเอง ส่วนในรูปคดีก็ขอให้ตำรวจตามจับเขาให้ได้ ส่วนการขอโทษขอคืนดีนั้น ไม่ต้องมาขอโทษและไม่ต้องมาคุยกันอีกเลยไม่อยากเจอหน้าเขาแล้วขอให้ตำรวจจัดการให้ถึงที่สุด ส่วนตอนที่เป็นห่วงคนในบ้านทุกคน ตั้งแต่วันเกิดเหตุพี่สาวก็ไม่ได้ทำงาน พี่สาวก็ต้องไปกู้เงินมาและก็ไม่รู้ว่าพี่สาวกู้มาเท่าไหร่

ขณะที่ลูกทั้ง 3 คน มี 2 คนที่ไม่ได้ไปโรงเรียน หลังจากเกิดเรื่องเขายังส่งข้อความมา เราก็ไม่ได้อ่านเพราะเขาส่งมาด่าเราว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเรา เขาน่าจะรู้ว่าเราเจ็บหนักเพราะแม่เขายังมาหาเราที่ห้อง ICU เราะในวันนั้นเรายังใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ ทางครอบครัวของเขาได้พูดคุยกับพี่สาวเขาก็ต้องเข้าขางลูกเขาอยู่ดีเพราะตอนที่ถูกซ้อมเขาปิดประตู บ้านที่อาศัยอยู่เป็นบ้านติดกัน 2 หลังหลังนึงแม่เขาอยู่อีกหลังนึงเราอยู่กับเขาตอนที่เราถูกซ้อมเขาซ้อมเราแบบรุนแรงมากแรงจนเราร้อง คือซ้อมแบบรุฯแรงมากไม่ใช่แค่ตบดีธรรมดามีแบบกระทืบ ตบ ตี ครบหมดเลยเหมือนแบบผู้ชายเหยียบหัวเหยียบคอ เขาทำหมดเลย อยู่กินกันมา 13 ปีมีลูกด้วยกัน 3 คน เราเคยคิดว่าเขาจะทำร้ายเราเพราะเขาขู่เรามาโดยตลอด ตอนนี้กลัวเขากลับมาทำร้ายครอบครัวเราอีกเพราะพี่สาวเขาไปแจ้งความกลัวเขาจะมาทำร้ายพี่สาวอีก

น.ส.จริญญา พี่สาวของน.ส.อรอุมาผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า เขามีปัญหากันมาตลอดมีทั้งแบบว่าทะเลาะฝ่ายชายซ้อม ฝ่ายชายซ้อมเสร็จเขาก็เดินออกมาคนเดียวมาจากรัตภูมิถึงบางกล่ำแล้วก็โทรให้พี่ไปรับในวันที่ไปรับเขาเจ็บหน้าอกได้หลายวันซึ่งเกิดจากที่เขาโดนซ้อม โดนทุบตีมาโดยตลอด จนมาถึงครั้งล่าสุดพี่ก็เห็นเขาพูดขอเปรี้ยวคืนดีพยายามชวนให้กลับบ้านไปอยู่กับเขาหลังจากที่แยกกันมา 2 เดือนส่วนเปรี้ยวนั้นไม่ไปจนถึงวันเกิดเหตูในวันที่ 28 ตอนเย็นวันนั้นเขาเริ่มมีปากเสียงกันและก็คุยแบบเดิมๆคือชวนกลับบ้านแบบซ้ำๆส่วนเปรี้ยวยืนยันที่จะไม่ไปหลังจากนั้นเขาก็แทงเลยพอเดินเข้ามาก็เห็นน้องนอนฟุบ หลังจากนั้นก็เห็นรถกู้ภัย ตนก็เลยขึ้นรถไปโรงพยาบาลกับน้องสาวด้วย โดยหมอบอกว่า น้องสาวมีโอกาสรอดเพียง 10 % แต่ ปฎิหารมีจริงน้องสาวรอดมาได้ โดยนอนอยู่ในห้องไอซียู ส่วนทางบ้านทุกคนมีความหวาดกลัว กลัวคนร้ายจะกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวและกลับมาทำร้ายน้องเปรี้ยวอีก อยากให้ทางตำรวจและนักข่าวที่ติดตาม ตามจับคนร้ายให้เร็วที่สุดเพราะพี่เป็นห่วงคนในบ้าน

ส่วน น้องมุก หลายสาววัย10ขวบที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่านายบุญนาคแทงน.ส.อรอุมาแล้วน.ส.อรอุมาก็ล้มลงไปเลยโดยเห็นนายบุญนาคแทงครั้งเดียว แต่ดูท่าทางนายบุญนาคโมโห ตนก็รีบวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อบ้าน แต่เพื่อนบ้านบอกว่าให้น้องมุกอยู่ข้างนอกก่อนอย่าเข้าไป โดยก่อนหน้าตนได้ยินเสียง นายบุญนาคชวนน.ส.อรอุมากับบ้านที่รัตภูมิ แต่น.ส.อรอุมาไม่ยอมกลับ ก่อนที่จะได้ยินเสียง ลูกของน.ส.อรุมา กรี้ดและตนก็วิ่งออกมาเหตุนายบุญนาคแทงน.ส.อรอุมาพอดี

ด้านนาง จริญ อายุ 57 ปี แม่ของน.ส.อรอุมา กล่าวว่าตอนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของลูกสาว ไม่รู้จะหายเป็นปกติไหม เห็นหมอบอกว่าภายในบาดเจ็บมาก และกลัวว่านายบุญนาคจะมาทำร้ายซ้ำทั้งลูกสาวตนและหลาน นางจริญยังเล่าอีกว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องกันโดย น.ส.อรอุมาได้หนีไปอยู่กับเพื่อน และนายบุญนาคมาตามแต่ไม่พบนายบุญนาคก็เลยขังมาเอาไว้ในบ้านและพาลูกชายคนเล็กไป เพื่อจะให้น.ส.อรอุมากลับมา นางจริญยังกล่าวว่าจะไม่ให้อภัยนายบุญนาค และไม่ต้องมาพูดคุยใดๆทั้งสิ้น และของให้นายบุญนาครับโทษที่ทำ

สำหรับทางด้านคดี ทาง ร.ต.อ.จิรศักดิ์ วงสุริยะ รองสารวัตรสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้สอบพยานผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งศาล จ.สงขลา และศาลได้อนุมัติหมายจับ นาย บุญนาค ระมะโน อายุ 34ปี ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ตอนนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หาดใหญ่นำตัวมาดำเนินคดีต่อไป