เคยไหม อยู่ใกล้คนบางคนที่ฟุ้งซ่านจัด แล้วคุณเห็นเหมือนมีหมอกควันคละคลุ้งอลหม่านรอบศีรษะของคนคนนั้น?
เคยไหม เผชิญหน้ากับคนที่จ้องเขม็ง เล็งแลมาที่คุณด้วยความโกรธจัด แล้วคุณเกิดความรู้สึกราวกับได้ยินเสียงด่าทอเกรี้ยวกราด ดังออกมาจากหัวของเขา?
เคยไหม นอนอยู่เฉยๆคนเดียว แต่สัมผัสราวกับกำลังมีใครพยายามพูดคุยกับคุณ เป็นคนที่คุณรู้จักมักจี่ ไม่ใช่ผีสางที่ไหน?
คลื่นสมองเป็นคลื่นไฟฟ้าชนิดหนึ่ง มีพลังกระทำกับอากาศโดยรอบ เห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้ารู้วิธีมอง หรือแม้ไม่รู้วิธีมอง แต่เจอคนที่มีคลื่นสมองแรงพอ ก็เกิดประสบการณ์สัมผัสคลื่นสมองด้วยตาเปล่าได้
ยกตัวอย่างเช่น คนมีสติ มีสมาธิดี คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขานิ่ง โปร่ง เป็นที่สบาย น่าเข้าใกล้
คนมีอาการซึมเศร้า ชอบเรียกร้องหาความสงสาร คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขาอับทึบ มืดหม่น ปั่นป่วนวกวน บางทีถึงขั้นเหมือนจะหายใจไม่สะดวก ถ้าเข้าไปใกล้รัศมี คนชนิดนี้จึงไม่น่าเข้าใกล้ให้พลอยเพลียใจ เพลียแรงตามไปด้วย
คนเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย โกรธง่ายหายช้า คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความแปรปรวน พร้อมเกิดพายุและฟ้าผ่าฟ้าคะนอง รู้สึกเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย อยากอยู่ให้ห่างที่สุด เป็นต้น
ประสบการณ์ที่พวกเราสัมผัสเคยคุ้นอยุ่ทุกเมื่อเชื่อวัน อธิบายได้ ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไร และยุควิทยาศาสตร์ของพวกเรา ก็ตรวจจับคลื่นสมองกันได้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๗๕ โน่นแล้ว อีกทั้งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีตรวจจับคลื่นสมองด้วยอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว เช่น NeuroSky ที่เน้นเล่นเกม และ Muse ที่เน้นตรวจจับ ‘ค่าความสงบ’ เป็นหลักออกมาให้เราๆท่านๆจับต้องได้ด้วย
บทความสัปดาห์ก่อน ผมแนะนำให้รู้จักกับ :เสียงสติ: ซึ่งผมวิจัยพัฒนามา เพื่อช่วยจูนคลื่นสมองของคนทั่วไปให้ลงมาสู่ความสงบแบบพร้อมรู้ (ดาวน์โหลดได้จาก http://dungtrin.com/BB และจะอัพเดทไฟล์ใหม่ๆที่นี่แห่งเดียว) วันนี้ผมจะเอาผลการตรวจจับคลื่นสมองแบบต่างๆจากการใช้ :เสียงสติ: มาให้ดู และเกิดความเข้าใจชัดเจน ซึ่งก็จะเกิดทัศนคติที่เป็นประโยชน์กับการฝึกสมาธิกันต่อไปครับ
ผมใช้อุปกรณ์แบรนด์ Muse ซึ่งมีแอพมารายงานคร่าวๆว่า ขณะหนึ่งๆ สมองกำลังตื่นตัว ทำงานเต็มที่ (Active) หรืออยู่ในภาวะกลางๆ ไม่สงบ ไม่ตื่นตัว (Neutral) หรือกำลังสงบ (Calm) ซึ่งเมื่อเราทราบค่าต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะสามารถตีความว่า ‘จิต’ ของผู้พยายามทำสมาธิมีคุณภาพแค่ไหน ในช่วงเวลานั้นๆ
ผู้ใช้ :เสียงสติ: คนแรกที่อยากเอามาให้ดู เป็นคลื่นสมองของแพทย์หญิงอายุ ๔๑ ซึ่งปกติต้องทำงานหลายอย่าง สิบกว่าชั่วโมงต่อวัน ไม่มีวันหยุด จึงไม่ต้องสงสัยเลย ระหว่างวันสมองต้องอยู่ในโหมด Active เป็นส่วนใหญ่แน่นอน (เราเจอกันบ่อยสุดสำหรับคนยุคไอทีที่วันๆสมองต้องปั่นป่วนอลหม่านไม่หยุดหย่อน)
ในขณะที่เริ่มฟัง :เสียงสติ: เธอกำลังเหนื่อยอ่อน และอยู่ในท่านอน ตั้งใจดูลมหายใจที่ต่างไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วง ๓ นาทีแรกจึงออกแนว ‘สงบแบบง่วง’ คุณจะเห็นว่าแม้อยู่ใน ‘โซนสงบ’ แต่ความถี่และความสูงของคลื่นก็ไม่มีความแน่นอน สะท้อนว่า ประสบการณ์ภายในพร่าเลือน พร้อมจะคล้อยลงสู่ความหลับใหล ตรงนี้อธิบายได้ว่า ความสงบไม่ได้บอกว่าคุณภาพของจิตดีๆเสมอไป
ยิ่งเมื่อขึ้นนาทีที่ ๓ ซึ่งเกิดการหลงสู่ความหลับจริง คลื่นสมองก็ตีขึ้นสูง มีความถี่มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ฟ้องเลย ที่เข้าใจกันว่า ‘การนอนหลับคือการพักผ่อน’ ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป อย่าสงสัยว่าทำไมบางคืนหลับเป็นสิบชั่วโมง ตื่นขึ้นมาจึงยังเพลียอยู่ เหมือนหลับไม่เต็มอิ่ม
ส่วนคลื่นสมองระดับ Active นั้น ก็ยังไม่แน่ว่าดีหรือแย่ เพราะถ้าลืมตาตื่นและทำงานอยู่ แล้วคลื่นสมองมีความสม่ำเสมอ ทั้งความถี่และความสูง ก็แปลว่ากำลังมีพลังในการโฟกัส ซึ่งผมเคยเห็นพวกมีพลังจิตที่ตรวจวัดคลื่นสมองขณะใช้พลัง ก็พบว่ามันตีคลื่นขึ้นสูงเหนือคนธรรมดา กับทั้งมีความสม่ำเสมอด้วย (อันนี้จะตรวจพบได้ชัดก็ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับโรงพยาบาลหรือห้องวิจัย)
แต่สำหรับการตรวจคลื่นสมองด้วยอุปกรณ์คร่าวๆราคาถูกนี้ พอบอกเราได้ว่า แพทย์หญิงคนนี้มีพลังสมองสูง เมื่อหลับก็ยังคงตีถี่แบบไม่เป็นระเบียบ ประสบการณ์ภายใน ณ ขณะวัดคลื่น จึงไม่รู้สึกว่าหลับอย่างสุขสงบ หากฝันก็น่าจะไม่ใช่ฝันที่ดีระดับเบิกบานสำราญใจ แต่จะออกแนววิ่งวุ่น เดินทางยังไม่ถึงที่หมาย หรือยังแก้ปัญหาไม่จบเป็นหลัก
(หมายเหตุ - ผู้ที่ใช้ :เสียงสติ: ในขณะจะนอนหลับพักผ่อน รายงานตรงกันเป็นจำนวนมากว่า รู้สึกหลับสนิท หลับลึก และตื่นขึ้นมาสบาย ปลอดโปร่งโล่งหัว ซึ่งนั่นไม่ใช่จุดประสงค์แต่แรกของผม ผมต้องการให้คนฝึกสมาธิสามารถยืนด้วยขาตัวเอง ซึ่งที่จะได้เช่นนั้น ก็ต้องเริ่มจากการเคยชินที่จะรู้ความต่างของลมหายใจในแต่ละขณะ
กระทั่งเกิดสติแข็งแรงพอจะไม่ต้องอาศัยเสียงเป็นเครื่องช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านให้ในช่วงเริ่ม แต่จุดประสงค์ของคนเราต่างกัน ถ้า :เสียงสติ: จะช่วยแก้โรคนอนไม่หลับให้กับคนยุคเราได้ ผมก็ยินดี)
คนต่อมาที่ผมจะเอามาให้ดู เป็นเด็ก ๗ ขวบที่ชอบเล่นเกมคนหนึ่ง เวลาเล่นเกมจะเข้าโหมดนิ่ง โฟกัสกับเกม ไม่สนใจสิ่งอื่น
จะเห็นว่า ขณะโฟกัสกับเกม เด็กคนนี้วอกแวกน้อย ในช่วงเวลา ๕ นาทีมีระดับสมองที่จัดว่า ‘สงบ’ ถึงสามนาทีครึ่ง แต่ในความสงบก็มีความต่าง ของทั้งความถี่และความสูง ซึ่งอันนี้อธิบายได้ว่า ความสงบมีหลายชนิด เช่น ความสงบแบบแฝงความมุ่งมั่น อยากได้สิ่งที่ต้องการ และกำลังคืบหน้าไปหาสิ่งที่ต้องการด้วยความไม่วอกแวก แต่ความสงบแบบนี้ ไม่เหมาะกับการเจริญสติแบบพุทธ เพราะแฝงความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็นไว้ในตัว ไม่ใช่สงบแบบพร้อมรู้ตามจริง
แต่เด็กคนเดียวกัน พอเอามาฟัง :เสียงสติ: โดยให้สังเกตลมหายใจไปด้วย ผลจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่เห็นได้ชัดจากกราฟนี้ คือ ระยะเวลาความสงบที่ยาวนานกว่า คลื่นสมองช้ากว่า (ความรู้สึกจะผ่อนคลายเป็นสุขกว่า) เกิดความเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า (ความรับรู้จะคงเส้นคงวากว่า) ซึ่งอธิบายได้ว่า มีความสงบแบบพร้อมรู้ ซึ่งแบบนี้พอจะพร้อมใช้เจริญสติแบบพุทธกว่าตอนเล่นเกมเป็นคนละเรื่อง
คนสุดท้ายที่ขอนำมายกเป็นตัวอย่างในวันนี้ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อายุ ๕๒ ซึ่งต้องคุมลูกน้องจำนวนมหาศาล และโดยอัธยาศัยส่วนตัวก็อยู่ในวินัยอันดี มีใจโน้มน้อมมาทางการฝึกสมาธิ
อันเนื่องจากความมีวินัยในการใช้ชีวิตแบบตำรวจมืออาชีพ กับทั้งพยายามทำสมาธิมานานพอควร เมื่อทำสมาธิเองโดยปราศจาก :เสียงสติ: ช่วย จึงออกมาเข้าโซนสงบได้ถึงเกือบ ๘๐% ในช่วง ๕ นาที แต่ความถี่และความสูงของคลื่นสมองไม่แน่นอน แสดงให้เห็นว่าโฟกัสกับลมหายใจได้ไม่คงเส้นคงวา
ต่อเมื่อใช้ :เสียงสติ: เข้าช่วย จึงเห็นความต่างได้อย่างชัดเจน
จากกราฟจะเห็นว่า สมองถูกเสียงจูนให้ลงมาสู่ความสงบแบบคงเส้นคงวาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้รู้ว่า จิตอยู่กับการเห็นสายลมหายใจได้เสถียรขึ้น
โดยจุดมุ่งหมายแล้ว ผมอยากให้ทุกคนมอง :เสียงสติ: เป็นเครื่องทุ่นแรง ช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านทิ้ง และเมื่อรู้จักกับความสงบที่ล้ำลึก ก็สามารถจดจำ นำไปต่อยอดเองได้โดยไม่ต้องมี :เสียงสติ: ช่วยกรุยทางเคลียร์พื้นที่ให้นะครับ
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยอื่นๆ แวะเวียนเข้าไปพูดคุยถามไถ่ หรือบอกเล่าประสบการณ์การใช้ :เสียงสติ: ได้ที่ http://facebook.com/dugntrin
ความคิดและจิตของเราเท่านั้นที่สามารถจะทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้.
21 เม.ย. 2562 เวลา 12.35 น.
Sukhuma Phattarapana ขอบคุณค่ะอ่านได้ความรู้บางทีเรามักคิดและพูดกับตัวเองในใจเสมอ
07 พ.ค. 2562 เวลา 06.07 น.
ก็อยากให้แค่อ่านนะคะ..เพื่อเป็นความรู้เพิ่มขึ้นอีกแบหนึ่ง..สบายๆค่ะ..
21 เม.ย. 2562 เวลา 14.14 น.
ไม่รู้จักให้เกียรติเคารพสิทธิส่วนบุคคลของใครก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านี้จากใครเขาเลย ใช้เครื่องมือตรวจจับความคิดคนอื่นเพื่อสรรหาคนมีความคิดน่าใกล้ เพราะคนใช้ไม่มีสติปัญญาความสามารถเรียนรู้ใครได้ด้วยความสามารถตน ชั่งเป็นคนโง่เขลาโดยแท้ ก็ไม่มีเสน่ห์ ไม่มีคุณค่าให้น่าคบหาเหมือนกันนะ---พ่อผู้ใหญ่---รวย แต่โง่ชิบ
21 เม.ย. 2562 เวลา 09.03 น.
เอามาเผยแล้วเหรอคนจัญไร ว่าเอาเครื่องมือจัญไรนี้มาใช้กับใครเขาบ้าง ช่างกล้าเอามาโพสต์อีกนะ ทำกรรมอะไรกับใครไว้บ้างก็ขอให้กรรมตามทันแล้วกัน อีกอบ่างนะจะบอกให้เผื่อฉันจะได้บุญ คนเราน่ะถูกอบรมสั่งสอนให้รู้จักเคารพและให้เกียรติตนเองและคนอื่นๆ ถ้าเราอยากรู้ว่าใครเขาคิดอะไรก็แค่ถามความเห็นอย่างคนมีมารยาท และเคารพในสิทธิส่วนตัวของคนอื่นที่เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกความคิดเขาให้ใครรู้ทั้งหมดก็ได้หนิ เอาเครื่องมือเลวๆนี่มาใช้กับคนอื่น สนุกสนานที่ได้กลั่นแกล้งเขา ก็ขอให้กรรมตามทันในเร็ววันก็แล้วกัน
21 เม.ย. 2562 เวลา 08.56 น.
ดูทั้งหมด