ไลฟ์สไตล์

คลื่นความคิดก็ส่งเสียงได้ - ดังตฤณ

THINK TODAY
เผยแพร่ 21 เม.ย. 2562 เวลา 07.23 น.

เคยไหม อยู่ใกล้คนบางคนที่ฟุ้งซ่านจัด แล้วคุณเห็นเหมือนมีหมอกควันคละคลุ้งอลหม่านรอบศีรษะของคนคนนั้น?

เคยไหม เผชิญหน้ากับคนที่จ้องเขม็ง เล็งแลมาที่คุณด้วยความโกรธจัด แล้วคุณเกิดความรู้สึกราวกับได้ยินเสียงด่าทอเกรี้ยวกราด ดังออกมาจากหัวของเขา?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เคยไหม นอนอยู่เฉยๆคนเดียว แต่สัมผัสราวกับกำลังมีใครพยายามพูดคุยกับคุณ เป็นคนที่คุณรู้จักมักจี่ ไม่ใช่ผีสางที่ไหน?

คลื่นสมองเป็นคลื่นไฟฟ้าชนิดหนึ่ง มีพลังกระทำกับอากาศโดยรอบ เห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้ารู้วิธีมอง หรือแม้ไม่รู้วิธีมอง แต่เจอคนที่มีคลื่นสมองแรงพอ ก็เกิดประสบการณ์สัมผัสคลื่นสมองด้วยตาเปล่าได้

ยกตัวอย่างเช่น คนมีสติ มีสมาธิดี คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขานิ่ง โปร่ง เป็นที่สบาย น่าเข้าใกล้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คนมีอาการซึมเศร้า ชอบเรียกร้องหาความสงสาร คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขาอับทึบ มืดหม่น ปั่นป่วนวกวน บางทีถึงขั้นเหมือนจะหายใจไม่สะดวก ถ้าเข้าไปใกล้รัศมี คนชนิดนี้จึงไม่น่าเข้าใกล้ให้พลอยเพลียใจ เพลียแรงตามไปด้วย

คนเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย โกรธง่ายหายช้า คุณจะรู้สึกว่าอากาศรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความแปรปรวน พร้อมเกิดพายุและฟ้าผ่าฟ้าคะนอง รู้สึกเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย อยากอยู่ให้ห่างที่สุด เป็นต้น

ประสบการณ์ที่พวกเราสัมผัสเคยคุ้นอยุ่ทุกเมื่อเชื่อวัน อธิบายได้ ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไร และยุควิทยาศาสตร์ของพวกเรา ก็ตรวจจับคลื่นสมองกันได้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๗๕ โน่นแล้ว อีกทั้งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีตรวจจับคลื่นสมองด้วยอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว เช่น NeuroSky ที่เน้นเล่นเกม และ Muse ที่เน้นตรวจจับ ‘ค่าความสงบ’ เป็นหลักออกมาให้เราๆท่านๆจับต้องได้ด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

บทความสัปดาห์ก่อน ผมแนะนำให้รู้จักกับ :เสียงสติ: ซึ่งผมวิจัยพัฒนามา เพื่อช่วยจูนคลื่นสมองของคนทั่วไปให้ลงมาสู่ความสงบแบบพร้อมรู้ (ดาวน์โหลดได้จาก http://dungtrin.com/BB และจะอัพเดทไฟล์ใหม่ๆที่นี่แห่งเดียว) วันนี้ผมจะเอาผลการตรวจจับคลื่นสมองแบบต่างๆจากการใช้ :เสียงสติ: มาให้ดู และเกิดความเข้าใจชัดเจน ซึ่งก็จะเกิดทัศนคติที่เป็นประโยชน์กับการฝึกสมาธิกันต่อไปครับ

ผมใช้อุปกรณ์แบรนด์ Muse ซึ่งมีแอพมารายงานคร่าวๆว่า ขณะหนึ่งๆ สมองกำลังตื่นตัว ทำงานเต็มที่ (Active) หรืออยู่ในภาวะกลางๆ ไม่สงบ ไม่ตื่นตัว (Neutral) หรือกำลังสงบ (Calm) ซึ่งเมื่อเราทราบค่าต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะสามารถตีความว่า ‘จิต’ ของผู้พยายามทำสมาธิมีคุณภาพแค่ไหน ในช่วงเวลานั้นๆ

ผู้ใช้ :เสียงสติ: คนแรกที่อยากเอามาให้ดู เป็นคลื่นสมองของแพทย์หญิงอายุ ๔๑ ซึ่งปกติต้องทำงานหลายอย่าง สิบกว่าชั่วโมงต่อวัน ไม่มีวันหยุด จึงไม่ต้องสงสัยเลย ระหว่างวันสมองต้องอยู่ในโหมด Active เป็นส่วนใหญ่แน่นอน (เราเจอกันบ่อยสุดสำหรับคนยุคไอทีที่วันๆสมองต้องปั่นป่วนอลหม่านไม่หยุดหย่อน)

ในขณะที่เริ่มฟัง :เสียงสติ: เธอกำลังเหนื่อยอ่อน และอยู่ในท่านอน ตั้งใจดูลมหายใจที่ต่างไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วง ๓ นาทีแรกจึงออกแนว ‘สงบแบบง่วง’ คุณจะเห็นว่าแม้อยู่ใน ‘โซนสงบ’ แต่ความถี่และความสูงของคลื่นก็ไม่มีความแน่นอน สะท้อนว่า ประสบการณ์ภายในพร่าเลือน พร้อมจะคล้อยลงสู่ความหลับใหล ตรงนี้อธิบายได้ว่า ความสงบไม่ได้บอกว่าคุณภาพของจิตดีๆเสมอไป

ยิ่งเมื่อขึ้นนาทีที่ ๓ ซึ่งเกิดการหลงสู่ความหลับจริง คลื่นสมองก็ตีขึ้นสูง มีความถี่มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ฟ้องเลย ที่เข้าใจกันว่า ‘การนอนหลับคือการพักผ่อน’ ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป อย่าสงสัยว่าทำไมบางคืนหลับเป็นสิบชั่วโมง ตื่นขึ้นมาจึงยังเพลียอยู่ เหมือนหลับไม่เต็มอิ่ม

ส่วนคลื่นสมองระดับ Active นั้น ก็ยังไม่แน่ว่าดีหรือแย่ เพราะถ้าลืมตาตื่นและทำงานอยู่ แล้วคลื่นสมองมีความสม่ำเสมอ ทั้งความถี่และความสูง ก็แปลว่ากำลังมีพลังในการโฟกัส ซึ่งผมเคยเห็นพวกมีพลังจิตที่ตรวจวัดคลื่นสมองขณะใช้พลัง ก็พบว่ามันตีคลื่นขึ้นสูงเหนือคนธรรมดา กับทั้งมีความสม่ำเสมอด้วย (อันนี้จะตรวจพบได้ชัดก็ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับโรงพยาบาลหรือห้องวิจัย)

แต่สำหรับการตรวจคลื่นสมองด้วยอุปกรณ์คร่าวๆราคาถูกนี้ พอบอกเราได้ว่า แพทย์หญิงคนนี้มีพลังสมองสูง เมื่อหลับก็ยังคงตีถี่แบบไม่เป็นระเบียบ ประสบการณ์ภายใน ณ ขณะวัดคลื่น จึงไม่รู้สึกว่าหลับอย่างสุขสงบ หากฝันก็น่าจะไม่ใช่ฝันที่ดีระดับเบิกบานสำราญใจ แต่จะออกแนววิ่งวุ่น เดินทางยังไม่ถึงที่หมาย หรือยังแก้ปัญหาไม่จบเป็นหลัก

(หมายเหตุ - ผู้ที่ใช้ :เสียงสติ: ในขณะจะนอนหลับพักผ่อน รายงานตรงกันเป็นจำนวนมากว่า รู้สึกหลับสนิท หลับลึก และตื่นขึ้นมาสบาย ปลอดโปร่งโล่งหัว ซึ่งนั่นไม่ใช่จุดประสงค์แต่แรกของผม ผมต้องการให้คนฝึกสมาธิสามารถยืนด้วยขาตัวเอง ซึ่งที่จะได้เช่นนั้น ก็ต้องเริ่มจากการเคยชินที่จะรู้ความต่างของลมหายใจในแต่ละขณะ 

กระทั่งเกิดสติแข็งแรงพอจะไม่ต้องอาศัยเสียงเป็นเครื่องช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านให้ในช่วงเริ่ม แต่จุดประสงค์ของคนเราต่างกัน ถ้า :เสียงสติ: จะช่วยแก้โรคนอนไม่หลับให้กับคนยุคเราได้ ผมก็ยินดี)

คนต่อมาที่ผมจะเอามาให้ดู เป็นเด็ก ๗ ขวบที่ชอบเล่นเกมคนหนึ่ง เวลาเล่นเกมจะเข้าโหมดนิ่ง โฟกัสกับเกม ไม่สนใจสิ่งอื่น

จะเห็นว่า ขณะโฟกัสกับเกม เด็กคนนี้วอกแวกน้อย ในช่วงเวลา ๕ นาทีมีระดับสมองที่จัดว่า ‘สงบ’ ถึงสามนาทีครึ่ง แต่ในความสงบก็มีความต่าง ของทั้งความถี่และความสูง ซึ่งอันนี้อธิบายได้ว่า ความสงบมีหลายชนิด เช่น ความสงบแบบแฝงความมุ่งมั่น อยากได้สิ่งที่ต้องการ และกำลังคืบหน้าไปหาสิ่งที่ต้องการด้วยความไม่วอกแวก แต่ความสงบแบบนี้ ไม่เหมาะกับการเจริญสติแบบพุทธ เพราะแฝงความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็นไว้ในตัว ไม่ใช่สงบแบบพร้อมรู้ตามจริง

แต่เด็กคนเดียวกัน พอเอามาฟัง :เสียงสติ: โดยให้สังเกตลมหายใจไปด้วย ผลจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากกราฟนี้ คือ ระยะเวลาความสงบที่ยาวนานกว่า คลื่นสมองช้ากว่า (ความรู้สึกจะผ่อนคลายเป็นสุขกว่า) เกิดความเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า (ความรับรู้จะคงเส้นคงวากว่า) ซึ่งอธิบายได้ว่า มีความสงบแบบพร้อมรู้ ซึ่งแบบนี้พอจะพร้อมใช้เจริญสติแบบพุทธกว่าตอนเล่นเกมเป็นคนละเรื่อง

คนสุดท้ายที่ขอนำมายกเป็นตัวอย่างในวันนี้ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อายุ ๕๒ ซึ่งต้องคุมลูกน้องจำนวนมหาศาล และโดยอัธยาศัยส่วนตัวก็อยู่ในวินัยอันดี มีใจโน้มน้อมมาทางการฝึกสมาธิ

อันเนื่องจากความมีวินัยในการใช้ชีวิตแบบตำรวจมืออาชีพ กับทั้งพยายามทำสมาธิมานานพอควร เมื่อทำสมาธิเองโดยปราศจาก :เสียงสติ: ช่วย จึงออกมาเข้าโซนสงบได้ถึงเกือบ ๘๐% ในช่วง ๕ นาที แต่ความถี่และความสูงของคลื่นสมองไม่แน่นอน แสดงให้เห็นว่าโฟกัสกับลมหายใจได้ไม่คงเส้นคงวา

ต่อเมื่อใช้ :เสียงสติ: เข้าช่วย จึงเห็นความต่างได้อย่างชัดเจน

จากกราฟจะเห็นว่า สมองถูกเสียงจูนให้ลงมาสู่ความสงบแบบคงเส้นคงวาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้รู้ว่า จิตอยู่กับการเห็นสายลมหายใจได้เสถียรขึ้น

โดยจุดมุ่งหมายแล้ว ผมอยากให้ทุกคนมอง :เสียงสติ: เป็นเครื่องทุ่นแรง ช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านทิ้ง และเมื่อรู้จักกับความสงบที่ล้ำลึก ก็สามารถจดจำ นำไปต่อยอดเองได้โดยไม่ต้องมี :เสียงสติ: ช่วยกรุยทางเคลียร์พื้นที่ให้นะครับ

สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยอื่นๆ แวะเวียนเข้าไปพูดคุยถามไถ่ หรือบอกเล่าประสบการณ์การใช้ :เสียงสติ: ได้ที่ http://facebook.com/dugntrin

ความเห็น 5
  • ความคิดและจิตของเราเท่านั้นที่สามารถจะทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้.
    21 เม.ย. 2562 เวลา 12.35 น.
  • Sukhuma Phattarapana
    ขอบคุณค่ะอ่านได้ความรู้บางทีเรามักคิดและพูดกับตัวเองในใจเสมอ
    07 พ.ค. 2562 เวลา 06.07 น.
  • ก็อยากให้แค่อ่านนะคะ..เพื่อเป็นความรู้เพิ่มขึ้นอีกแบหนึ่ง..สบายๆค่ะ..
    21 เม.ย. 2562 เวลา 14.14 น.
  • ไม่รู้จักให้เกียรติเคารพสิทธิส่วนบุคคลของใครก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านี้จากใครเขาเลย ใช้เครื่องมือตรวจจับความคิดคนอื่นเพื่อสรรหาคนมีความคิดน่าใกล้ เพราะคนใช้ไม่มีสติปัญญาความสามารถเรียนรู้ใครได้ด้วยความสามารถตน ชั่งเป็นคนโง่เขลาโดยแท้ ก็ไม่มีเสน่ห์ ไม่มีคุณค่าให้น่าคบหาเหมือนกันนะ---พ่อผู้ใหญ่---รวย แต่โง่ชิบ
    21 เม.ย. 2562 เวลา 09.03 น.
  • เอามาเผยแล้วเหรอคนจัญไร ว่าเอาเครื่องมือจัญไรนี้มาใช้กับใครเขาบ้าง ช่างกล้าเอามาโพสต์อีกนะ ทำกรรมอะไรกับใครไว้บ้างก็ขอให้กรรมตามทันแล้วกัน อีกอบ่างนะจะบอกให้เผื่อฉันจะได้บุญ คนเราน่ะถูกอบรมสั่งสอนให้รู้จักเคารพและให้เกียรติตนเองและคนอื่นๆ ถ้าเราอยากรู้ว่าใครเขาคิดอะไรก็แค่ถามความเห็นอย่างคนมีมารยาท และเคารพในสิทธิส่วนตัวของคนอื่นที่เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกความคิดเขาให้ใครรู้ทั้งหมดก็ได้หนิ เอาเครื่องมือเลวๆนี่มาใช้กับคนอื่น สนุกสนานที่ได้กลั่นแกล้งเขา ก็ขอให้กรรมตามทันในเร็ววันก็แล้วกัน
    21 เม.ย. 2562 เวลา 08.56 น.
ดูทั้งหมด