ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับวันติดสินของการประกวดหาตัวแทนประเทศไทยไปสู่เวทีจักรวาลอย่าง Miss Universe Thailand 2020 ที่เข้มข้นสุด ๆ มีเรื่องราวให้ติดตามอย่างมากมาย ทำเอาแฟน ๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ของกองที่ให้สาวงามได้ร่วมทำ และมีภาพเก๋ ๆ มาเสิร์ฟแฟน ๆ อยู่ตลอดเวลา ย่ิงใกล้วันจริงในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ก็ยิ่งเข้มข้น แฟน ๆ ก็ยิ่งเชียร์กันอย่างสนั่น ก่อนจะรู้ว่ามงกุฎของประเทศไทยจะลงที่สาวงามผู้เข้าประกวดคนไหน LINE TODAY ได้ตามไปถาม 2 กูรูนางงามเกี่ยวกับคุณสมบัติความงามว่าต้องมีอะไรบ้าง พร้อมเปิดเงื่อนไข สาเหตุที่สายสะพายไทยแลนด์ยังไม่ตรงใจเวทีแม่สักที
ฮอตฮิตติดเทรนด์ ใคร ๆ ก็พูดกันเรื่องนางงาม
อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้กระแสนางงามในประเทศไทยนั้นมีผู้คนติดตามกันอย่างมาก ทั้งเวทีในประเทศและเวทีโลก ประเด็นการประกวดนางงามกลายเป็นท็อปปิคในการแลกเปลี่ยนทั้งในแง่มุมบันเทิง จนไปถึงแง่มุมวิชาการ อาจารย์ธง ฐิติพงษ์ ด้วงคง นักวิชาการผู้ที่ศึกษาวัฒนธรรมการประกวดนางงาม ได้เล่าถึงกระแสของการติดตามการประกวดนางงามในประเทศไทย
อ.ธง : “ตั้งแต่ปี 2014 วงการนางงามก็มีดรามาออกมาเรื่อย ๆ แต่ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัฒนธรรมมวลชนการดูการประกวดนางงามเป็นสื่อกระแสหลักไปแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาการประกวดนางงามถูกยึดโยงกับการเป็นชาตินิยมอยู่ด้วย มีหลายคนพูดว่าการประกวดนางามคือการหาสาวงามเพื่อเป็นตัวแทนสายสะพานไทยแลนด์ไปคว้ามงกุฎที่สามให้กับประเทศไทย และนางงามหลายคนก็บอกว่าพร้อมที่จะเป็นคนคว้ามงสามให้กับประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 คุณภรทิพย์ นาคหิรัญกนกได้เป็นนางงามจักรวาล เราก็ไม่เคยได้สัมผัสตำแหน่งนี้อีกเลย
“ที่สำคัญสเกลการไต่อันดับของนางงามไทยก็สูงขึ้นทุกปี 5-6 ปีที่ผ่านก็เข้ารอบทุกปี ต่ำสุดคือ 1 ใน 10 และสูงสุดคือ 1 ใน 5 คือมันใกล้เต็มทีแล้ว อีกอย่างก็คือเป็นเรื่องที่ค้างคาใจแฟนนางงามมาหลายปี ที่เราพลาดมงซ้ำแล้วซ้ำอีก ประกอบกับประเทศเราได้แสดงศักยภาพบางอย่างที่บ่งบอกว่าเราเป็นผู้เล่นหลักในการประกวดนางงามจักรวาล คือเรารับเป็นเจ้าภาพ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับโลก โปรดักชันดี ออร์แกไนซ์ดี กิจกรรมระหว่างการประกวดดี สวยงาม สนุก เรื่องเหล่านี้เป็นตัวเสริมเหมือนลมใต้ปีกให้การประกวดนางงามในบ้านเราถูกยกขึ้นมาให้เห็นว่าเป็นวาระแห่งชาติ
“พอเป็นวาระแห่งชาติก็ทำให้กระแสของการประกวดนางงามออกสู่วงกว้าง ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเรื่องการประกวดนางงามมากขึ้น ทุกสื่อทำข่าวผลักดันเรื่องนี้ ทุกสื่อพูดถึงนางงามในเชิงของการเชิดชูความเป็นไทยให้เข้าสู่ระบบความเป็นสากลในมิติที่ได้เปรียบ นางงามแต่ละคนเป็นผู้แข่งขันที่มีแต้มต่อ และประเทศไทยเป็นชาติที่มีความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ”
เมื่อนางงามไม่ใช่แค่สวยไปวัน ๆ แต่คือคนที่ทำงานให้กับองค์กร
ในช่วงเวลาที่สายสะพายไทยมีหวังมากขึ้น ทำให้กระแสการดูนางงามเพิ่มขึ้นแล้ว คนดูก็ต่างลุ้นว่าเมื่อไหร่ประเทศไทยจะได้มงที่สามตามที่หวังไว้ เพราะเอาเข้าจริงตัวแทนสาวไทยของเราก็เต็มที่อย่างมากในทุก ๆ ปี พยายามปรับสิ่งต่าง ๆ ให้ตรงกับใจของเวทีแม่ หรือ Miss Universe ทว่ายังไม่ถึงฝัน และในฐานะคนที่ติดตามการประกวดนางงามมาเป็นเวลานาน สไปรท์ พัชร์ธีรัตน์ แหลมหลวง กูรูนางงาม/ยูทูปเบอร์ ได้มองว่าสิ่งที่เวทีแม่ต้องการนั้นเป็นมากกว่าความสวย
สไปรท์ : “เวทีแม่ต้องการคนที่กล้าที่จะพูดในประเด็นต่าง ๆ ของโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศของนางงามเอง เป็นกระบอกเสียงให้กับผู้หญิงที่เผชิญปัญหาอยู่ในแต่ละทั่วทุกมุมโลกว่าต้องการอะไร
“ต้องมีความเป็นผู้นำสูงมาก ธรรมชาติ และจริงใจ เพราะตอนนี้ดูง่ายว่าใครที่เฟค ใครปรุงแต่ง องค์กรรู้ได้ เขาจะเน้นความเป็น Boss Lady เป็นกระบอกเสียง เป็นตัวอย่างที่ดี ความมั่นใจ ให้กับผู้หญิงทั้งโลก ต้องลุยงาน ต้องมีความเป็นผู้นำสูง และไทยก็ต้องหาคนที่ไม่ใช่แค่มงในไทย เราต้องมองเลยไปว่าใครจะเหมาะสมที่จะเป็นมงที่สามของประเทศไทย
“การหา MU คนต่อไปขององค์กร เหมือนการสมัครงาน องค์กรต้องการหาคนมาทำงาน มันก็ขึ้นอยู่ว่าใบสมัครแต่ละประเทศ ตรงกับสิ่งที่องค์กรต้องการหาหรือเปล่า ผู้สมัครมีคุณสมบัติที่ตรงหรือไม่ ทำงานได้ไหม ตรงกับที่เขาต้องการหรือเปล่า”
สวยสุดในประเทศแล้วยังไง ในเมื่อทุกคนก็สวยกันทั้งนั้น
ในบริบทที่ “ความสวย” ถูกนิยามไปอย่างแตกต่างหลากหลาย ความสวยของเวทีนางงามในปัจจุบันไม่ได้มีแค่สวยแบบเดียว แต่นางงามทุกคนที่เป็นตัวแทนของแต่ละประเทศก็สวยในแบบฉบับของตัวเอง ความสวยไม่ตายตัว องค์ประกอบอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับความสวยบนเวทีประกวดนางงามจึงเป็นเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลย
สไปรท์ : “ในเรื่องความสวยแต่ละประเทศคือเข้าไปได้ก็สวยแล้ว และเป็นความสวยในแบบของตัวเองของแต่ละประเทศ มันวัดกันไม่ได้หรอก สวยแบบหมวยกับสวยแบบละติน ว่าอะไรสวยกว่ากัน ความสวยมันวัดกันไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่า บุคลิกดี การตอบคำถาม ไหวพริบการทำงาน ในเวทีโลกนั้น เขามองไปถึงการทำงานร่วมกันกับกอง ความตรงต่อเวลา การให้ความร่วมมือ ความพร้อมในแต่ละวันว่าลุยทุกกิจกรรมไหม น่ารักกับทีมงานไหม องค์กรจับตาดูทุกอย่าง”
อ.ธง : “ความสวยเป็นเรื่องการมองแต่ละคน สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนเลยก็คือนางงามแต่ละคนจะมีแฟนนางงามที่เชียร์แตกต่างกัน ความสวยเป็นเรื่องของปัจเจก ความสวยของแต่ละคนขึ้นอยู่กับการรับรู้ของคน ๆ นั้น คนเรามีความหลากหลายในการมองความสวยที่ต่างกัน บางคนว่าขาวสวย บางคนว่าผิวแทนสวย
“แต่บนเวทีนางงาม ความสวยก็ต้องเป็นเกณฑ์หนึ่งในนั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ การใช้อภิสิทธิ์ความสวยกับการประกวดนางงามเป็นเรื่องที่คู่กันมาตลอด แต่ความสวยแบบไหนก็แล้วแต่ว่าคนดูจะมองยังไง ผู้จัดจะมองยังไง เจ้าของเวทีจะมองยังไง แล้วแต่ว่าแต่ละองค์กรจะมองความสวยยังไง
“สิ่งสำคัญคือมากกว่าเรื่องความสวยแล้ว สิ่งที่เสริมความแข็งแกร่งที่ทำให้ความสวยของนางงามทำงานได้ดีขึ้นก็คือความคิดความอ่าน การรู้จักวิเคราะห์ คิดก่อนพูด การแสดงความคิดเห็น เพราะยุคนี้เน้นเสียงของนางงาม ไม่ว่าจะมิติการเคลื่อนไหวทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง อุดมการณ์ การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ
“เรื่องพวกนี้สะท้อนออกมาให้เห็นว่าว่าในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ความสวยของนางงามไม่ได้ทำงานเดี่ยว ๆ แต่ทำงานพร้อมไปกับกระแสทางสังคม อุดมการณ์ของความเป็นชาติ รวมไปถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทุกอย่างมันทำงานร่วมกันไป ถึงจะทำให้นางงามคนนั้นดูแกร่งขึ้น”
มงสามมาตอนไหนไม่รู้ แต่คิดว่ามาแน่
สาเหตุที่ทำให้เรื่องการประกวดนางงามกลายเป็นสิ่งที่คนสนใจมากขึ้นในทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่านอกจากการแข่งขันที่เข้มข้นอุดมดรามาแล้วนั้น ตัวแทนของประเทศไทยในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่า ‘เข้าตา’ และ ‘ตรงใจ’ เวทีแม่อยู่ไม่น้อย เพราะเข้ารอบอย่างต่ำก็คือ 10 คนสุดท้าย แม้จะยังไม่ถูกใจจนมงลง แต่ก็ทำให้สายสะพายไทยกลายเป็นที่จับตามองของทั้งโลกเช่นเดียวกัน
สไปรท์ : “ตอนนี้ในแต่ละปีที่เราส่งไป มันเข้าใกล้แล้ว ส่งไปถูกทางแล้ว แต่บางทีเขาอาจจะเจอกับประเทศอื่นที่ตรงกับคุณสมบัติที่เขาต้องการหาอยู่ในปีนั้นมากกว่า เฉือนคะแนนไปนำในส่วนนั้นมากกว่า”
เคล็ดลับชิงมงกุฎที่สามของไทย ไม่ยาก แต่ก็ทำไม่ง่าย
ถือเป็นเรื่องท้าทายเวทีไทยสุด ๆ เพราะแม้เราจะใกล้แล้ว แต่ตำแหน่งก็ยังไม่ใช่ของเราอยู่ดี และในฐานะนักวิชาการผู้ที่ศึกษาวัฒนธรรมการประกวดนางงาม จึงตั้งข้อสังเกตไว้ดังนี้
อ.ธง : “สิ่งที่ทำให้สาวไทยถึงมงสามได้เร็วที่สุดก็คือ การ put the the right beauty queen on the right job ให้กับองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ทุกคนรู้ นางงามก็รู้ ผู้จัดก็รู้ การประกวดหลายปีที่ผ่านมาเราเลยได้เห็นกองประกวดเผยแพร่ภาพนางงามไทยผ่านสื่อออนไลน์ และทำให้แฟนนางงามทั่วโลกเห็นว่านางงามไทยกำลังเข้าเล่นเกมแล้ว เพราะถ้าเราวิเคราะห์จริง ๆ จะเห็นว่าองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ต้องการอะไร งานของมิสยูนิเวิร์สคือการเป็นโฆษกให้กับองค์กร เป็นคนขายของให้กับสปอนเซอร์ที่องค์กรได้รับการสนับสนุน ซึ่งการทำหน้าที่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะต้องใช้ทักษะเรื่องของ Public speaking (การพูดในที่สาธารณะ) ทั้งนั้น
“การเป็น Public speaker ไม่ใช่แค่การพูดด้วยโวหารต่าง ๆ แต่ต้องเป็นการพูดด้วยความเข้าใจในบริบท ในเนื้อหา และในแนวคิดของเรื่องที่ตัวเองกำลังตอบ เช่น ถ้าถามเรื่องสตรีนิยมก็ต้องตอบในบริบทของสตรีนิยม จะตอบอะไรก็ต้องเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูด นอกจากนี้ต้องรู้ด้วยว่าในโลกสากลพูดเรื่องอะไร คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่าถ้าเราเข้าสู่การประกวดนางงามจักรวาล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของทางอเมริกาหรือโลกตะวันตก เรื่องแบบไทย ๆ เค้าอาจจะไม่ซื้อ ไม่สนใจก็ได้
“คำถามในรอบ 5 คนสุดท้ายเป็นคำถามที่ประกอบไปด้วยหลากหลายทฤษฎีความรู้ ซึ่งถ้าตอบตามการรับรู้ของเรา ในพื้นที่ของเรา นางงามคนนั้นก็อาจจะถูกมองว่าไม่ได้เข้าใจคำตอบในบริบทของการเป็นกระบอกเสียงให้กับองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ดังนั้นเราจะต้องสร้างนางงามที่สมดุล คือมีความเป็นสากล ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไทยอยู่ด้วย”
เมื่อการประกวดนางงามไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ในการหาคนสวย แต่ต้องการคนที่ใช้คุณสมบัติในตัวเองเพื่อเป็นกระบอกเสียง และสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ของโลก นางงามไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนประเทศ แต่เป็นตัวแทนของพลเมืองโลก เวทีนางงามในปัจจุบันจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องความสวยอีกต่อไป การที่จะมีนางงามไทยไปยืนอยู่บนเวทีโลก เพื่อส่งเสียงแทนพลเมืองของโลก เราจึงต้องเฟ้นหา “ผู้หญิงร่วมสมัยที่มีชุดความคิดสากลและเข้าใจความเป็นไปในประเทศไทย” จึงจะสามารถคว้ามงกุฎที่สามมาให้ประเทศได้ในที่สุด.
Arphorn นางงามไทยแท้ๆหุ่นสากลหน้าไทยๆ และไหวพริบความรู้รอบตัวบุคลิกภาพ ต้องสง่าความรู้ภาษาต้องดี แต่ที่ผ่านมาลูกครึ่งไม่โดดเด่น ถึงไปไม่ถึงลูกครึ่งหน้าคล้ายกันหมดบนเวที ดูแล้วไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่นค่ะอยากไปถึงมงต้องหาแบบที่ว่านี้ค่ะ
05 มิ.ย. 2564 เวลา 12.29 น.
TheDon การประกวดมีหลายเวทีมากเกินไป จนด้อยคุณค่าของแต่ละกองประกวดลง และเป็นการตลาดหาเงินจากการโฆษณามากกว่า การสร้างข่าวฉาว ข่าวที่ไม่ดีให้คนมาสนใจ ยิ่งแย่หนัก
26 พ.ค. 2564 เวลา 05.20 น.
Jo เพราะรัฐบาลทักษิณกับปูไง เลยเป็นแบบนี้ สงสารลุงตู่ต้องมานั่งแก้ไขให้ทีละอย่าง
22 พ.ค. 2564 เวลา 07.29 น.
อยากให้นางงามแคนาดาเจอคำถามที่ว่า ระหว่างคนอายุน้อย คนรุ่นใหม่ มีวัคซีนที่จำกัด คุณจะตัดสินใจเลือกฉีดให้ใครจัง ฉันว่า เธอคงตอบว่า ไม่ว่าจะผิวขาวหรือผิวดำำ จะคนรุ่นใหม่ หรือคนแก่ใกล้ตาย ก้อไม่สมควรมีใครต้องถูกเลือกปฏิบัติ เพราะใคร คนใด ที่มีจิตใจในการใฝ่ จะเลือกปฏิบัตินั้นช่าง ต่ำทราม ย่ำแย่ ไม่มีจิตวิญญาณแบบมนุษย์ผู้มีใจประเสริฐ คนที่คิดแบบนั้น เหมาะกับการมีจิตใจแบบสัตว์เดรัจฉานมากกว่า
10 พ.ค. 2564 เวลา 12.31 น.
ก้อเป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง กลไกหนึ่ง ของประเทศใดใด ที่ต้องการอะไรบางอย่าง ผลลัพธุ์บางอย่าง จาก ประเทศไทย
10 พ.ค. 2564 เวลา 12.26 น.
ดูทั้งหมด