อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก เซ็นค้ำให้ผญบ.ซื้อกระบะ ถูกฟ้องยึดที่มรดก
อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน / เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายสมบูรณ์ บุญเรืองศรี อายุ 65 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในอ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมนางแป บุญเรืองศรี ภรรยา ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังเซ็นค้ำประกันให้ผู้ใหญ่บ้านซื้อรถกระบะในราคาประมาณ 300,000 กว่าบาท
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
แต่สุดท้ายถูกบริษัทฟ้องยึดทรัพย์สินเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน พร้อมต้นยางพารา และสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวปัจจุบันให้ลูกชายสร้างบ้านพักอาศัย และใช้ทำมาหากินโดยการปลูกยางพารา และเลี้ยงเป็ดเก็บไข่ขาย
นายสมบูรณ์เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2558 ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งมาขอร้องให้เซ็นค้ำประกันซื้อรถกระบะกับเต็นท์รถแห่งหนึ่งให้ ด้วยความที่เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงยอมเซ็นค้ำให้ โดยราคารถประมาณ 300,000 บาทเศษ ดาวน์ประมาณ 20,000 บาท ค่างวดเดือนละ 6,000 บาท แต่พอผู้ใหญ่บ้านนำมาใช้งานได้ประมาณ 3–4 เดือนก็มีปัญหาต้องซ่อมตลอด จึงแจ้งให้บริษัททราบว่าต้องการคืนรถ จากนั้นมีตัวแทนบริษัทมารับรถยนต์กลับคืนไป ซึ่งขณะนั้นทางผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้ค้างค่างวด
แต่บริษัทบอกว่าต้องจ่ายค่าสึกหรอรถเพิ่มอีก 36,000 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมจ่าย เพราะเข้าใจว่าให้รถคืนไปแล้วและก็ไม่ได้ค้างค่างวดด้วย ทำไมจะต้องจ่ายค่าสึกหรออีก จากนั้นเมื่อปี 2560 มีหนังสือจากบริษัทไฟแนนซ์ส่งมาหาตนในฐานะคนค้ำประกัน เพื่อทวงถามเงินค่าสึกหรอ 36,000 บาท จึงไปสอบถามกับผู้ใหญ่บ้าน แต่ผู้ใหญ่บอกแค่ว่าไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการเอง ซึ่งก็เชื่อใจคิดว่าผู้ใหญ่บ้านคงจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหา แต่หลังจากนั้นบริษัทก็มีหนังสือทวงถามค่าสึกหรอรถ พร้อมดอกเบี้ยมาอีก เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,05,000 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เห็นทำอะไร ได้แต่บอกว่าไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการเอง
กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2562 มีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดีมาติดที่หน้าบ้านลูกชาย ประกาศแจ้งว่าศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีหมายให้บังคับคดียึดทรัพย์สินที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมต้นยางพารา และสิ่งปลูกสร้างอีก 2 หลังที่อยู่ในที่ดินดังกล่าวด้วย ทั้งตนและครอบครัวก็ตกใจมาก จึงรีบนำหมายบังคับคดีไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่บ้านและตนได้ติดต่อสำนักงานบังคับคดีตามที่ได้รับหมาย ก็ได้รับคำตอบว่าให้หาเงินไปจ่ายให้กับบริษัทที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 105,000 บาท
จากกรณีดังกล่าวตนอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ทางอำเภอ จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรม หาแนวทางช่วยเหลือด้วย เพราะตนไปพูดคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ยอมรับผิดชอบนำเงินไปจ่าย ส่วนตัวเองคงไม่มีปัญญาหาเงินไปจ่าย เพราะปัจจุบันตนและภรรยาก็อาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และรอเงินจากลูกที่ส่งมาให้ใช้เท่านั้นไม่มีรายได้อะไร ทุกวันนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะหากถูกยึดที่ดังกล่าวแล้วลูกชายจะเอาที่ดินไหนทำมาหากิน
อย่าไปค้ำประกันให้ใคร
22 ก.พ. 2563 เวลา 12.09 น.
Komkrit Panichjaroen อย่าไปค้ำใคร ญาติพี่น้องก็ด้วย เพื่อนก็ด้วย ต่อให้รักกันขนาดไหนอย่า เพื่อไม่พอใจก็เชิญ วันนี้บอกก่อนว่าอย่าด้วยประการทั้งปวง ดูแลลูกหลานให้ดีๆอย่า.
22 ก.พ. 2563 เวลา 13.41 น.
jeab ราคารวม300000 มีค่าสุกหรออะไรรวมเป็นล้าน บ้าเปล่าวะ
22 ก.พ. 2563 เวลา 12.27 น.
KL❤280760❤5❤ เชื่อเลยกับค้ำนิ ส้นตีนน
22 ก.พ. 2563 เวลา 12.54 น.
Supot khongtong มันก็แปลกดีเนอะ คนซื้อรถหรืออะไรก็แล้วแต่ทำไมถึงต้องให้ลากคนอีกเข้าไปค้ำให้เดือดร้อนด้วย รัฐต้องหาวิธีการอื่นแทนเอาบุคคลค้ำได้แล้ว มันไม่น่าถูกต้อง คนซื้อก็ยังอยู่พอทวงไม่ได้จะล่อคนค้ำท่าเดียว
22 ก.พ. 2563 เวลา 14.01 น.
ดูทั้งหมด