"รถถังเชียงกง"ถล่มรัฐบาล"ลุงตู่"ยับ

27 กุมภาพันธ์ 2563 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันที่ 4 ดุเดือดขึ้นมาอีกระลอกเมื่อ นายศรัณวุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย จัดหนักจัดเต็มช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พ่วงด้วย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ

นายศรัณวุฒิ เปิดประเด็นเดือดเรื่องการจัดซื้อรถถัง Oplot จากยูเครนระหว่างปี 2557-2559 โดยอ้างถึง บริษัท ดาต้าเกท จำกัด และระบุถึงบุคคลสำคัญมีชื่อย่อ นาง น. และนาง อ. ซึ่งถูกระบุอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กงสุล และเจ้าหน้าที่พิเศษของทางการไทยในการไปเจรจาจัดซื้อรถถังดังกล่าวจากยูเครน ขณะเดียวกันได้อ้างถึงภาพถ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้เดินทางไปยูเครนด้วยตัวเอง

พร้อมอ้างถึงเอกสารการสอบสวนของทางการยูเครนว่า ข้อเท็จจริงจากองทัพบกที่จัดซื้อรถถังดังกล่าวนั้น ระบุว่า เป็นการจัดซื้อระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล หรือ จีทูจี แต่ไม่ได้มีการทำจีทูจีกันจริง โดยผลการสอบสวนบ่งชี้ว่า นาง อ.และนาง น.เป็นผู้เจรจา ก่อนทำสัญญาของฝั่งไทย ผ่าน บริษัท ดาต้าเกท จำกัด โดยมีคนกลางได้รับเงินไปกระจายผ่าน 134 บริษัท มีการจ่ายเงินให้ฝั่งไทย 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 1 พันล้านบาท (ในขณะนั้น)  และมีการจ่ายให้ฝั่งยูเครน จำนวน 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการมี นาง อ.เป็นคนจัดการบริหารการจ่ายเงินให้กับทุกฝ่าย หลังจากนั้นได้ลาออกจากการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษฝั่งไทยในสถานทูตยูเครน “นี่เรียกว่า จีทูจีเก๊ หรือ จีทูเกี๊ยะ ท่านบุญทรงที่โดนก็ลักษณะแบบนี้” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว

อย่างไรก็ดี ระหว่างการอภิปรายของนายศรัณย์วุฒินั้น มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนหนึ่ง เช่น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ได้ยกมือประท้วงตลอดเวลา อ้างว่า เป็นข้อมูลเก่า และไม่มีความเชื่อมโยง ทั้งยังสวนกลับนายศรัณย์วุฒิ เกี่ยวกับกรณีของโครงการรับจำนำข้าวด้วย จนทำให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ต้องลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูด ซึ่งในที่สุด นายสิระ ได้ถอนคำพูดดังกล่าว

นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายต่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของยูเครนได้ส่งเรื่องมาให้กระทรวงการต่างประเทศไทยเพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว แต่กลับมี “ไอ้โม่ง” เก็บเรื่องไว้ ถึงวันนี้ยังไม่ได้มีการสอบสวน ใครจะกล้าสอบเนื่องจากขณะนั้นรัฐบาลมีมาตรา 44

ตอนหนึ่งนายศรัณย์วุฒิ ได้เปิดภาพคลิปวีดีโอโดยอ้างว่า ได้มาจากประเทศยูเครน ระบุว่า รถถังดังกล่าวเป็นแบบ “เชียงกง” คือ รถถังเก่ามาย้อมแมวต้องใช้เวลาผลิตนานมาก หาชิ้นส่วนจากหลายประเทศ กว่าจะได้มา 7-8 ปีซึ่งเคยไปดูถึงโรงงงานผลิตมาไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นโรงงานซึ่งตามรายงานผลการสอบสวนของยูเครน  นาง อ. และนาง น. ถูกสอบสวนอย่างเป็นทางการ และถูกกล่าวเอาผิดแต่ยังจับกุมตัวไม่ได้ และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านของนาง น. พบว่า มีลักษณะเป็นกึ่งทาวน์เฮ้าส์ แต่กลับเป็นคู่สัญญารัฐ 7-8 พันล้านบาทในการซื้อรถถังยูเครน “คอร์รัปชั่นไม่มีหมดอายุ หมดอำนาจเมื่อไหร่รับรองตายเกลี้ยง” นายศรัณย์วุฒิ กล่าวสรุป

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงโดยกล่าวสั้นๆว่า รถถังในคลิปที่นายศรัณย์วุฒิเปิดนั้น เป็นคนละรุ่นกันกับที่กองทัพบกซื้อ ก่อนมอบหมายให้ รมช.กลาโหม ชี้แจงต่อ

ขณะที่ช่วงท้ายของการอภิปรายนั้น นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ก่อนมาอภิปรายมีคนเตือนว่า อย่ามาอภิปรายเรื่องนี้ซึ่งตนได้ทำพินัยกรรมให้กับลูกๆ ถ้าพ่อเป็นอะไรไป พี่น้องต้องรักกัน ดูแลกันให้ดี พ่อจะทำดีให้บ้านเมือง ทำให้นายสิระ ประท้วงว่า  เรามาอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน ไม่ใช่มาสั่งเสีย

ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานการประชุม ได้ตักเตือนว่า ถ้าเราพูดแสดงว่า เราไม่กลัว ถ้ากลัวแล้วจะมาพูดทำไม เราต่างต้องการประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพ มีการตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง ถ้าเราใช้อะไรแรงไป ถ้าเขาตอบแรงมา เราก็ต้องรับได้ อย่างไรก็ดี นายศรัณย์วุฒิ ได้ท้าพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ขอให้นายกฯไปวัดพระแก้วมรกต ทำให้นายชวน ต้องออกปากเตือนอีกรอบว่า *อย่าไปท้ากัน *

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวอีกว่า ไม่ท้า เมื่อผมได้สั่งลากับลูกๆแล้ว อยากเจอท่านที่หน้าวัดพระแก้ว เตรียมกระสุนไปคนละนัด ยิงกันคนละนัด นายสิระ จึงยกมือประท้วง นายชวน ประธานต้องขอให้ถอนคำพูด โดยนายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ขอถอนเพราะคนอย่างศรัณย์วุฒิ ไม่เคยกลัวใคร แต่ที่ถอนเพราะเคารพท่านประธาน ไม่ใช่เพราะกลัวใคร

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นที่นายศรัณวุฒิ กล่าวหาเรื่องการจัดซื้อรถถังรุ่น Oplot จากยูเครนว่า ที่ผ่านมานั้นประเทศไทยไม่มีกฎหมายการจัดซื้ออาวุธโดยใช้วิธีบาร์เตอร์เทรด หรือ การเอาสินค้าไปแลกกับอาวุธเลย แต่ส่วนมากเป็นวิธีการว่าด้วยต่างตอบแทนเท่านั้น เราไปซื้อสินค้าของเขา และเขาก็มาซื้อของเรา แต่ก็ไม่ได้เท่าเทียมกันแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการเจรจาค้าขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี นั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่จะมีกติกากันอย่างไร เช่น การค้าขายกันกับประเทศจีนและรัสเซีย รัฐบาลจะเป็นผู้รับรองบริษัทแต่ของเรารัฐบาลต่อรัฐบาลจะเป็นผู้เซ็นสัญญา ซึ่งพอไปติดต่อจะซื้ออาวุธกับประเทศเขา เขาก็โยนให้บริษัทดำเนินการต่อ

“ช่วงที่ผ่านมา กรณีการส่งช้าหรือไม่ช้า เก่าหรือไม่เก่าก็ดูแล้วกัน ที่ผ่านมานั้น มีกรณีส่งช้านั้นเราต้องเข้าใจว่า เดิมนั้นเขาเคยเป็นประเทศเดียวกันมาก่อน ส่วนมากก็มีการผลิตที่ยูเครน แต่มันมีเครื่องที่ไปผลิตที่รัสเซีย พอมีปัญหาที่เขาทะเลาะกันภายใน ก็ทำเรื่องขอมาว่า จะปรับนิดได้หรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อรัฐบาล แล้วก็เปลี่ยนรัฐบาลมาหลายครั้งแล้ว การผมที่ไปเยือนครั้งที่แล้ว  ผมไม่ได้ไปเยือนเพื่อซื้อรถถัง แต่ไปเยือนยูเครนเพราะเขาเชิญมาเป็นทางการ ผมก็ไปเยี่ยมทหาร แล้วเขาก็พาไปดูรถถัง ก็ดูแล้วพิจารณาเพราะมันมีหลายบริษัทที่เสนอเข้ามา พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ก่อนย้ำในตอนท้ายสั้นๆว่า “ผมไม่กลัวการตรวจสอบเรื่องนี้แต่อย่างใด”  

ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องนี้ว่า ตามที่นายศรัณย์วุฒิ ได้นำรูปตนไปเกี่ยวกับการจัดหาเรือดำน้ำและรถถัง ซึ่งการจัดหานั้นตนคงไม่ได้เป็นคนจัดหา แต่เป็นความต้องการของเหล่าทัพที่จะเสนอมาว่ากองทัพเรือต้องการอะไรกองทัพบกต้องการอะไร แล้วจัดสรรคู่กับงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ ฉะนั้นเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำกับรถถัง ซึ่งเป็นการซื้อของจีนโดยทำระบบจีทูจี อย่างไรก็ตามรายละเอียดในส่วนนี้ ตนจะให้รมช. กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดถึงการจัดซื้อยุทธโรกรณ์ที่ผ่านมา