มาสร้างนิสัยการเป็นชาวเน็ตที่ดีกันเถอะ...

โลกโซเชียลเดี๋ยวนี้น่าอยู่น้อยลง เพราะใครๆ ต่างก็เน้นการใช้ถ้อยคำรุนแรงใส่คนที่ไม่รู้จักกัน โดยไม่คำนึงถึงจิตใจผู้อื่นกันบ้างเลย จนบางทีอาจจะลุกลามเป็นเรื่องใหญ่โต ถึงขั้นมีการฟ้องร้องเป็นคดีความกันเลยนะคะ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเราเลย เอาเป็นว่าไม่ว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ตามในโลกโซเชียล เราควรปฏิบัติตัวให้ดีและเหมาะสมเอาไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรในโลกโซเชียลบ้างล่ะ

#1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

หากว่าจะแซะ ส่อเสียด หรือใช้ถ้อยคำไม่ดีกับใครแล้ว ให้ลองคิดดูให้ดีเสียก่อนว่า ถ้าเราถูกถ้อยคำเหล่านั้นคอมเมนต์บ้างจะรู้สึกเช่นไร คงไม่มีใครอยากถูกพูดถึงในแง่ที่ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น เราอาจจะได้ความสนุกสะใจ แต่มันอยู่บนความทุกข์ใจของคนอื่นหรือเปล่า ถ้าทำจนติดเป็นนิสัยแล้ว วันหนึ่งที่โดนกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจบ้าง ก็จะไม่มีใครสงสารเราเอานะคะ เพราะเราเองก็เคยทำกับคนอื่นเอาไว้เยอะใช่ไหมล่ะ?

#2. อย่าพูดในเชิงใส่ความคนอื่น

เรื่องที่ไม่รู้จริงไม่รู้แน่ชัดเป็นเพียงแค่ข่าวลือข่าวโคมลอย ไม่ควรที่จะคอมเม้นท์หรือบอกต่อ โดยเฉพาะถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงขึ้นมา ก็จะสร้างความเสียหายกับคนที่เราพูดถึงได้ เข้าข่ายการกลั่นแกล้งแบบ Cyber bullying นะคะ ซึ่งมันไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายเลยด้วย อีกทั้งยังเป็นการสร้างเวรกรรมต่อกันอีกต่างหากนะ ถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมาจริงๆ ไม่ยอมไกล่เกลี่ยด้วยแล้ว อาจโดนข้อหาหมิ่นประมาท ถูกฟ้องร้องกว่า 3 แสนบาทขึ้นไปเลยนะคะ

#3. ไม่ก่อดราม่าพาดพิงถึงใคร

เข้าใจว่าการซุบซิบนินทานั้นเป็นเรื่องที่สนุกสนาน สร้างสีสันให้กับโลกโซเชียลได้ แต่สำหรับคนที่โดนพาดพิง เขาคงไม่สนุกด้วยอย่างแน่นอน จากที่แค่อยากจะสนุกสนานได้ความบันเทิงเท่านั้น ก็อาจจะกลายเป็นประเด็นดราม่า ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้ ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่เรารู้จักในชีวิตจริงด้วยแล้ว ก็คงจะเข้าหน้ากันได้ยากยิ่งขึ้น และอาจจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยากขึ้นด้วย ถ้าเกิดว่าพรรคพวกของเขาไม่พอใจและพากันเกลียดเราขึ้นมากันหมด ดังนั้นควรตั้งสติเสมอก่อนที่จะคอมเมนต์ถึงใครนะคะ

#4. เห็นใจอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง

บางครั้งการที่ใครบางคนกำลังถูกประเด็นดราม่าเล่นงานอยู่ อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เป็นการเข้าใจผิด เขาอาจกำลังถูกกลั่นแกล้งอยู่ก็ได้ แต่คนเล่นโซเชียลเดี๋ยวนี้มักใจร้อน เห็นว่าเป็นดราม่าก็ต่อว่า ด่าทอไปก่อนแล้ว แต่ถึงเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควรทำอยู่ดี ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นวันที่เจ็บปวด เสียใจ รู้สึกแย่มากสำหรับเขาพอแล้ว อย่าได้ซ้ำเติมด้วยการใช้ถ้อยคำรุนแรงทำร้ายเขาซ้ำเติมอีกเลย ไม่ใช่ทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันทางใจที่เข้มแข็งพอ จุดจบอาจจะลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย อย่าทำตัวเป็นผู้ร้ายในโลกโซเชียลที่รุมทำร้ายและซ้ำเติมใครเขาเลยนะ

#5. ไม่คุกคาม ส่อเสียดทางเพศ

ในโลกของโซเชี่ยล เรามักจะพบเจอคนที่สวยหล่อ ตรงสเปค ถูกใจ รูปร่างดีมากเสียจนอยากจะพูดคุยหรือแซวเพื่อความสนุกสนาน แต่ในความสนุกสนานนั้นบางทีก็มีความเกินเลยล้ำเส้นจนเกินไปไหม? มากจนเข้าข่ายการคุกคามทางเพศหรือเปล่า? บางทีก็มีกระแสใช้ถอยคำลามก อนาจารคอมเม้นท์กับบุคคลสาธารณะ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นต้น ซึ่งมันไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีเลยสักนิด ไม่สุภาพและไร้มารยาทแบบสุดๆ ด้วย ลองคิดดูว่าถ้าเจอเขาต่อหน้าแล้วใช้ถ้อยคำเหล่านี้ คุณจะกลายเป็นบุคคลที่ดูน่ารังเกียจหรือเปล่าล่ะ? ให้เป็นคนสนุกแค่ไหน ก็อย่าเกินเลยจนกลายเป็นคนที่ชอบคุกคามทางเพศเลยดีกว่าค่ะ

#6. แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกและสร้างสรรค์ดีกว่า

การแสดงทัศนคติในเชิงลบกับสิ่งต่างๆ บ่อยจนเกินไป ก็จะบ่มเพาะนิสัยให้เรากลายเป็นคนคิดลบ คิดอะไรไม่ดีจนติดเป็นนิสัยได้นะคะ ถึงแม้จะรู้สึกสนุกเวลาที่พิมพ์ไปโดยคิดว่ามันเป็นแค่โลกโซเชียล แต่ความคิดเหล่านี้มันก็กลั่นกรองออกมาจากใจของเราอยู่ดีไม่ใช่หรือไง ยิ่งถ้าใครมาเห็นมารู้เข้า อาจจะคิดว่าเราเป็นคนที่มีจิตใจไม่ดีโดยตัดสินจากสิ่งที่เราโพสต์ในแง่ลบเอาไว้ก็ได้ แต่การโพสต์ความคิดในเชิงบวกแง่บวกอาจจะถูกมองว่าเป็นคนโลกสวย แต่โลกสวยก็น่าอยู่กว่าโลกที่หมองหม่น เต็มไปด้วยความคิดแง่ลบ และดราม่ากว่ากันเยอะเลยนะคะ หรือถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องโพสต์อะไรเลย ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ

ใครจะใช้โซเชียลแบบไหนก็แล้วแต่เขาเถิด ถ้าเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเรา เราควรแก้ไขและปรับปรุงที่ตัวเองดีกว่า โดยเฉพาะการใช้สื่อโซเชียลมีเดียทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน เกิดความไม่สบายใจทั้งเขาและเรานั้นไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ ถึงจะควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมไม่น่าอยู่มากขึ้นก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ