“พี่ตำรวจ” จ๋า… ผมทำผิดพี่ปรับเป็นหมื่น! แล้วถ้าพี่ทำผิดผมปรับได้มั้ย?
ทำไมมันแพงนักละจ๊ะพี่! ภาครัฐเตรียมบังคับใช้มาตรการยาขมใครไม่มีหรือไม่พกใบขับขี่เพิ่มโทษปรับเป็นเงิน 10,000 บาทส่วนใครใบขับขี่หมดอายุโทษปรับ 50,000 บาท! แพงขนาดนี้แล้วจะลดอุบัติเหตุได้จริงไหม? แล้วถ้าพวกพี่ (ตำรวจ) ทำผิดเมื่อไหร่ ใครจะปรับพี่!
ดูกันชัด ๆ ไม่ใช่แค่ลืมใบขับขี่ 1 หมื่นแต่ไม่ขับขี่หมดอายุโดนเพิ่ม 5 เท่า
ไม่ใช่แค่โทษปรับลืมใบขับขี่เท่านั้นที่แพงหูฉี่จนต้องขยี้ตาตอนอ่าน! เกิดใบขับขี่หมดอายุขึ้นมา ค่าปรับจะทะยานไปถึง 5 หมื่นทันที ลองไปดูกันแบบละเอียดทุกมาตราว่าเพิ่มโทษจำคุกเท่าไหร่ ปรับเท่าไหร่ จากความผิดไหนกันบ้าง
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผยว่ากรมขนส่งทางบกเตรียมเสนอปรับเพิ่มบทลงโทษ กรณีผู้ขับขี่กระทำผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ตามกฎหมายใหม่ใน 3 มาตราประกอบไปด้วย
1. มาตรา 64 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จากเดิมลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท เสนอให้ปรับเพิ่มโทษเป็น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
2. มาตรา 65 ขับรถในระหว่างใบอนุญาตสิ้นอายุ ถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต หรือถูกยึดใบอนุญาต จากเดิมลงโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท เสนอให้เพิ่มโทษจำคุกเข้ามาด้วย คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ส่วนโทษ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
3. มาตรา 66 ขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาต จากเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท เสนอให้ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
โดยวัตถุประสงค์ในการเพิ่มโทษก็เพื่อให้ผู้ขับขี่เข็ดหลาบ ไม่กล้าทำความผิดอีก เพื่อจะส่งเสริมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น) ซึ่งเข้าร่วมหารือกับกรมขนส่งจนได้มติดังกล่าว ยังเสนอว่าให้เพิ่มโทษในกรณีการขับรถกีดขวางการจราจรหรือขับรถประมาทหวาดเสียวซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เช่น ขับรถย้อนศรแซงรถในที่คับขัน เสนอให้เพิ่มโทษให้เป็นความผิดลหุโทษและแก้ไขอัตราค่าปรับเป็น 1,000-5,000 บาท จากเดิมที่มีอัตราค่าปรับ 400-1,000 บาทอีกด้วย ซึ่งในประเด็นนี้ยังคงไม่ได้ข้อสรุป ส่วนเรื่องอัตราโทษใบขับขี่ยังอยู่ในระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
แต่คำถามสำคัญต่อไปคือ จริง ๆ แล้วความตั้งใจที่จะใช้มาตราการนี้มาลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุนั้นมีความเป็นไปได้แค่ไหน สมราคากับที่ประชาชนจะต้องจ่ายเพิ่มเพียงเพราะไม่ได้พกใบขับขี่หรือไม่ ?
แต่สาเหตุหลักอุบัติเหตุคือไม่สวมหมวกนิรภัยขับรถเร็วเมาแล้วขับ
สถิติจากกรมการขนส่งทางบก ณ วันที่ 31 มกราคม 2561 มีจำนวนรถที่จดทะเบียนสะสมในกรุงเทพฯ กว่า 9.8 ล้าน นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารทั้งประจำทาง ไม่ประจำทาง และส่วนบุคคล ประมาณ 43,000 คัน และรถบรรทุก มีประมาณ 440,000 คัน ซึ่งหากรวมกันทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเกินพื้นที่ถนนจะรองรับได้ถึง 4.4 เท่า ปริมาณรถที่มากขนาดนี้ในพื้นที่จำกัดย่อมจะทำให้อัตราอุบัติเหตุสูงแบบไม่ต้องสงสัย
เมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมาองค์กรส่งเสริมสุขภาพระดับโลกภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิบลูกเบิร์กเพื่อสาธารณประโยชน์ เปิดเผยว่าในกรุงเทพมหานครมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศเฉลี่ยวันละ 2 คน โดยร้อยละ 90 ของอุบัติเหตุทางถนน เกิดขึ้นจากรถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาณุดุลกิตติ กองบังคับการตำรวจจราจร ก็ระบุว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนในกรุงเทพฯ คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถเร็ว และเมาแล้วขับ ซึ่งหากจะวิเคราะห์แล้วก็ไม่มีเหตุผลรองรับชัดเจนว่า การเพิ่มโทษใบขับขี่จะสามารถแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุซึ่งมีมูลเหตุมาจากความประมาทเลินเล่อส่วนบุคคลและความหนาแน่นมหาศาลของจำนวนรถได้อย่างเป็นรูปธรรม
ชาวเน็ตบางส่วนเห็นด้วยเชื่อมีผลต่อการเคารพกฎหมาย
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในเบื้องต้นถึงค่าปรับมหาโหด แต่ที่น่าสนใจคือ มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่มองว่าการเพิ่มโทษเช่นนี้ จะทำให้เกิดความเคารพในกฎหมายมากขึ้น ในเมื่อชอบพูดกันว่าบ้านอื่นเมืองอื่นกฎหมายได้ผล บ้านเราก็ควรจะลองยาแรงดูบ้าง และควรเพิ่มโทษในมาตราอื่น ๆ ด้วย
ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนก็มองว่า อัตราโทษสูงถึงหนึ่งหมื่นบาทที่กล่าวกันนั้นเป็นโทษสูงสุด ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจไม่ปรับสูงขนาดนั้นก็ได้ หากยังมัวแต่เอาแต่ใจบ้านเมืองก็จะไม่ไปถึงไหน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผบก.ส.3) "กฎหมายดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช." เท่ากับว่าอัตราค่าปรับไม่พกใบขับขี่สูงสุด 1 หมื่นบาทนี้ยังไม่มีผล ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าหากบังคับใช้กันจริง ๆ แล้ว อุบัติเหตุในกรุงเทพมหานครจะลดน้อยลงหรือไม่ เพราะหากร่างกฎหมายนี้ผ่าน เชื่อกันว่า อัตราค่าปรับในกรณีขับขี่ประมาทหวาดเสียวและผิดกฎจราจรซึ่งสร้างความรำคาญและก่ออุบัติเหตุนั้นก็จะเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งอาจมีผลให้นักซิ่งบางคนเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาโดยอัตโนมัติก็เป็นได้
แม้ว่าสุดท้ายแล้วอำนาจในการออกกฎหมายค่าปรับจะอยู่ที่กรมขนส่งและคณะรัฐมนตรี แต่พอมีกฎหมายค่าปรับมหาโหดเกิดขึ้นมาแบบนี้ ประชาชนอย่างเราๆก็ย่อมจะอดกังขากับผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ ลำพังทุกวันนี้แค่ตั้งด่านอัตราโทษเดิมก็เป็นที่กล่าวขวัญกันอยู่แล้ว ถ้าแค่ลืมใบขับขี่ก็ปรับได้เป็นหมื่นแบบนี้เงินจะสะพัดขนาดไหน ยังไม่นับรวมพฤติกรรมของพี่ๆเจ้าหน้าที่บางส่วนที่อาจหลงลืมไปว่าแม้จะปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ควรจะเคารพกฎจราจร เพราะไม่ว่าจะประชาชนหรือตำรวจ ขับรถผิดกฎจราจรก็ก่ออันตรายเหมือนๆ กัน อย่างไรก็ขอให้คิดถึงส่วนรวมให้มากไว้ เพราะผมทำผิดพี่ปรับได้ แต่พี่ตำรวจทำผิดเองเมื่อไหร่ ใครจะปรับพี่ได้ละครับ!!
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/263952
https://pantip.com/topic/37978312
http://www.one31.net/news/detail/3907
https://www.dailynews.co.th/bangkok/321364
https://www.pptvhd36.com/news/75872
https://www.posttoday.com/social/general/561683
https://twitter.com/tanatpong_/status/486807444618625024
💖ผีเสื้อน้อย... ค่าปรับต้องไม่เกินค่าแรงขั้นต่ำ
มีใบขับขี่ใช่ว่าจะช่วยลดอุบัติเหตุ
หาช่องให้ตร.แดก มากกว่า
28 ส.ค. 2561 เวลา 05.17 น.
TARNIYAR ก่อนจะโทษตำรวจ ถามก่อนดีกว่าไหมว่าใครออกกม.
28 ส.ค. 2561 เวลา 05.14 น.
wr.oat ตำรวจ คำนี้ไม่เคยมีความศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทย มีแต่คนด่า ประนาม
28 ส.ค. 2561 เวลา 05.12 น.
ตำรวจขับรถมีใบขับขี่มั้ย???
28 ส.ค. 2561 เวลา 05.07 น.
!!!! กำลังปฎิบัติหน้าที่ ...
28 ส.ค. 2561 เวลา 05.12 น.
ดูทั้งหมด