สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันว่าคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ม.ค.) ราฮาฟ โมฮาเหม็ด อัล-เคนูน หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ได้รับการอนุมัติให้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เพื่อไปพำนักที่ประเทศแคนาดาในสถานะผู้ลี้ภัยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเธอมีทางเลือกจะเดินทางไปยังออสเตรเลียที่อนุมัติให้เธอลี้ภัยเช่นเดียวกัน
จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เปิดเผยระหว่างแถลงข่าว ยืนยันว่าทางการแคนาดายินดีให้ราฮาฟได้พำนักที่แคนาดาในสถานะผู้ลี้ภัยแล้ว “แคนาดามีความชัดเจนว่าเราจะยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีทั่วโลก เมื่อสหประชาชาติประสานงานมา เราจึงตอบรับราฮาฟเป็นผู้ลี้ภัย”
ราฮาฟโพสต์รูปพาสปอร์ตตัวเองบนเครื่องบินและข้อความผ่านทวิตเตอร์ Rahaf Mohammed رهف محمد ว่า “#ประเทศที่สาม #ฉันทำได้” โดยก่อนหน้านี้ก็ได้โพสต์ข้อความขอบคุณคนทั่วโลกที่มาให้กำลังใจ โดยเธอสัญญาว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้น
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่าราฮาฟเดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบินโคเรียนแอร์ จากกรุงเทพฯ สู่โทรอนโต ประเทศแคนาดา โดยแวะต่อเครื่องที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ระบุว่าการตัดสินใจไปประเทศแคนาดาในครั้งนี้เป็นความต้องการของราฮาฟ และเธอยังคงปฏิเสธการขอเข้าพบของพ่อและพี่ชาย โดยทั้งพ่อและพี่ชายของราฮาฟเดินทางกลับคูเวตแล้ว
สำหรับกรณีของราฮาฟ โมฮาเหม็ด อัล-เคนูน สตรีชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี กลายเป็นที่สนใจของทั่วโลกในชั่วข้ามคืน หลังจากที่เธอถูกกักตัวในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียได้ยึดพาสปอร์ต ทำให้เธอไม่สามารถเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียเพื่อขอลี้ภัยได้ เธอแสดงความหวาดกลัวผ่านทวิตเตอร์ว่าเธออาจถูกครอบครัวฆ่าหรือถูกดำเนินคดีเพราะการหนีแต่งงานและละทิ้งศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงในซาอุดีอาระเบีย
กรณีของราฮาฟอาจไม่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหากเธอไม่สามารถใช้งานทวิตเตอร์ได้ เพราะหลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทางการไทยจึงถูกจับตาจากนานาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ส่งผลให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้เข้ามาคุ้มครองเธอในฐานะผู้ลี้ภัย และรัฐบาลไทยจำเป็นต้องเลิกล้มแผนส่งตัวเธอกลับไปหาครอบครัวที่คูเวต
ปัจจุบันทวิตเตอร์ของราฮาฟมีผู้ติดตามถึง 138,000 คน ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเริ่มทวีตครั้งแรกในวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เธอถูกกักตัวอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในรายละเอียดบุคคลของเธอเขียนไว้ว่า “Don’t let anyone break your wings, you’re free. fight and get your RIGHTS!”
“อย่าให้ใครมาหักปีกของคุณ คุณมีอิสระ จงต่อสู้เพื่อสิทธิของคุณเอง!”
ภาพ: twitter.com/rahaf84427714
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
เกิดเป็นหญิงประเทศแถบนี้น่าเห็นใจ.. ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร
13 ม.ค. 2562 เวลา 00.49 น.
เมี้ยง ซาอุแน่จริงเอาเรื่องแคนนาดาสิ ทิ้งศาสนานี่เรื่องใหญ่โตกว่าเพชรขี้แมวเม็ดเดียวนะ
13 ม.ค. 2562 เวลา 00.06 น.
€¥£ ฉันตอแหลน่ะสิ
มาแบบตั๋วเที่ยวเดียวลงไทย ไม่มีเงิน ไม่มีสารพัดเอกสาร ไทยต้องส่งกลับต้นทางตามกฏ
ทวิตต์แหกตาคนทั้งโลก ให้แห่กันมาด่าไทยว่านางแค่ทรานสิท(รอเปลี่ยนเครื่อง) แต่โดนจับ โดนรังแก ทรานสิทแบบไหนวะตีตั๋วมาแค่ไทย เที่ยวเดียวด้วย วีซ่าท่องเที่ยวไม่ผ่านตามกฏต้องมีตั๋วกลับอีก บอกว่าอุปทูตยึดพาสปอร์ตนางเพื่อส่งกลับ ทั้งที่ไม่ได้ทำ
นางไม่สนหวีสนแปด ใส่ร้ายใครยังไงก็ช่าง ทำทุกอย่าง ขอให้ฉันรอด คนเห็นแก่ตัวแบบนี้สงสารไม่ลงจริงๆ ไทยควรออกมาตรการเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก ก่อนสัมพันธ์กับซาอุจะแย่กว่านี้
12 ม.ค. 2562 เวลา 19.21 น.
nawinkoh รับไปเยอะๆนะ ขอให้ในนั้นมีพวก is ติดไปด้วย
12 ม.ค. 2562 เวลา 17.53 น.
me My friend from Saudi,so suffer to be a woman there,she cried when she told me about woman’s rights.
12 ม.ค. 2562 เวลา 17.02 น.
ดูทั้งหมด