“โทษประหาร” ยังจำเป็นอยู่มั้ย“สิทธิมนุษยชน” ปกป้องชีวิตหนึ่งแต่อาจทำร้ายอีกชีวิตหนึ่ง!
BY : TEERAPAT LOHANAN
"สิทธิมนุษยชน" เป็นสิ่งที่เราถกเถียงกันมาเนิ่นนาน และเป็นประเด็นที่ค่อนข้างเป็นสากลที่ยังคงพิจารณากันอยู่ทั่วโลกว่า "การประหาร" เป็นสิ่งที่ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ในระบบสังคมปัจจุบันนี้ที่โลกของเราเต็มไปด้วยเสรีภาพ และสิทธิ
ยิ่งเหตุการณ์สะเทือนใจล่าสุดของประเทศเราเอง ที่ได้มีคดีลูกทรพี ฆ่าพ่อ-ข่มขืนแม่ ออกมาเป็นข่าวโด่งดังในโลกโซเชียล จากกรณีนี้ นายไชยา ต๊ะนา(ลูกทรพี) อายุ 31 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเมื่อครั้งเป็นเยาวชน(อายุ14ปี) เคยก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเองและถูกตัดสินจำคุก ซึ่งก็ถูกจำคุกแค่เพียง 3 ปีเนื่องจากเป็นเยาวชน หลังพ้นโทษกลับมาอยู่บ้าน ก็ไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ทำตัวเกเร ดื่มสุราหาเรื่องข่มขู่ทำร้ายชาวบ้านและทำร้าย เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.61 ก็ได้ก่อเหตุข่มขืนแม่ของตัวเอง และหนีออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ก็ยิ่งย้ำให้เราตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านี้ ว่าในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว โทษประหารยังจำเป็นอยู่มั้ยกับสังคมไทย คนที่เข้าคุกไปเมื่อออกมาจากคุกแล้วก็ยังวนเวียนกลับมาก่อคดีขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเมื่อนับตามสถิติแล้วก็ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยที่เป็นตามกรณีนี้
แต่ว่าการประหารก็ถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการมีชีวิตอยู่ของชีวิตหนึ่งชีวิต แล้วตัวเราเป็นใครกันที่มีจะถือสิทธิ์คุณธรรมอันสูงส่งเป็นคนไปริดรอนสิทธิในการดำรงอยู่ของคนอีกคนหนึ่ง
การประหารถือว่าเป็นโทษสูงสุดที่กฎหมายได้มีบัญญัติเอาไว้ ซึ่ง การประหารชีวิตนั้นมีหลากหลายวิธี โดยมักเกี่ยวข้องกับคดีการฆาตกรรม, การจารกรรม, การก่อกบฏ หรือในบางประเทศเป็นอาชญากรรมทางเพศ อาชญากรรมทางศาสนา เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่าการประหารก็ถูกโยงเข้ากับคำว่า ‘กฎหมาย’ เอาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งตัวกฎหมายเองก็เป็นสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานของสังคมที่กำหนดมาเพื่อใช้ในการอาศัยอยู่ร่วมกัน นั่นหมายความว่า การได้รับโทษประหารนั้น ก็คือการที่ใครคนใดคนหนึ่งทำผิดข้อตกลงร่วมกันในสังคม และได้รับการดำเนินคดีตามบทบัญญัติที่ว่าไว้
ในอดีตการประหารชีวิตหลากหลายรูปแบบเช่นการตัดศีรษะ, การฝังทั้งเป็น, การโยนลงไปในหลุมงูหรือ ประหารโดยใช้สัตว์ป่า แมลง, การผ่าท้อง (ฮาราคีรี), การเผาทั้งเป็น ในปัจจุบันการประหารชีวิตมีวิธีการที่ทันสมัยมากขึ้นโทษประหารชีวิตจึงเปลี่ยนมาเป็นการฉีดยาพิษ, การนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า, การรมแก๊ส, การแขวนคอ, การยิงเป้า
สำหรับประเทศไทยการประหารชีวิตมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือการใช้ดาบตัดคอ และเสียบหัวประจาน และยกเลิกการตัดคอไปในสมัยการปฏิรูปการปกครองปี 2475 ให้เหลือเพียงการเสียบหัวประจาน ในปี 2477 ได้มีปรับเปลี่ยนเป็นการยิงเป้า
กระทั่ง 19 ตุลาคม 2546 การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าก็กลายเป็นอดีตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประหารชีวิตนักโทษจากการยิงเป้าไปเป็นการนำมาฉีดยา หรือสารพิษให้ตาย
จนถึงปัจจุบันนี้ การประหารก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ล้าหลังสำหรับการตัดสินคดีไปแล้วในหลายประเทศจากมุมมองที่เป็นสากล แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระทำความผิดก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจนเพื่อที่ว่าจะได้ไม่เกิดการกระทำผิดซ้ำสอง หรือการลอกเลียนแบบเป็นตัวอย่าง โดยถือเอาประโยชน์หรือความสะใจของตนเองเป็นที่ตั้ง เพื่อที่ว่าเราจะได้สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมนี้อย่างมีความสุข และปลอดภัย
แล้วคุณคิดว่าสังคมไทยยังจำเป็นต้องมี “โทษประหาร” อยู่อีกมั้ย?
https://news.mthai.com/webmaster-talk/252462.html
https://www.dailynews.co.th/crime/687430
ภาพประกอบ
www.reuters.com
http://www.siameagle.com
mgronline.com
JANTAKAN จะปกป้องคนชั่วเพื่ออะไร ในเมื่อคนชั่วพวกนั้นก็ไปพรากชีวิตอื่น ประหารถึงจะสาสม ชีวิตแลกด้วยชีวิต ลองมีคนร้ายฆ่าคนที่พวกคุณรักดูนะคะพวกนักสิทธิมนุษยชนทั้งหลายแล้วถามตัวเองว่าอภัยได้มั้ย
25 ม.ค. 2562 เวลา 01.26 น.
ปู่ตาเรือง พวกสิทธิมนุษย์ชนส่วนใหญ่จะโลกสวย ทำเหมือนคนใจบุญแต่เป็นพวกใจบาป
25 ม.ค. 2562 เวลา 12.06 น.
krit คนดีๆคนบริสุทธิ์ๆหรือเด็กที่ถูกไอ้พวกไร้ค่าและเป็นพิษร้ายของสังคมแต่รัฐก็ให้โอกาศมันจะเทียบคุณค่ากันได้หรือเปล่า จะเอามาเทียบเคียงกันได้ไหม
25 ม.ค. 2562 เวลา 11.31 น.
พวกนี้ต้องไปเรียกร้องที่..จีน..แล้วจะรู้ตายสถานเดียว..จีนถึงได้เจริญรุ่งเรีอง จนทุกวันนี้
25 ม.ค. 2562 เวลา 11.59 น.
ooy013 แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไปริดรอนสิทธิของคนอื่น กฏแห่งกรรม ทำกรรมใดไว้ต้องได้อย่างนั้นเพราะฉะนั้นกม.ก็ควรจะเหมือนกัน
25 ม.ค. 2562 เวลา 11.29 น.
ดูทั้งหมด