ในหนังสือเรื่อง ความฝันโง่ ๆ ผมเล่านิทานเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องคือเศรษฐีคนหนึ่งพึงใจลูกสาวชาวนายากไร้คนหนึ่ง ชาวนาคนนี้เป็นหนี้สินเศรษฐีจำนวนมาก เศรษฐีเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา มันเป็นสวนกรวดที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า ถ้ายกลูกสาวให้เขา เขาจะยกเลิกหนี้สินให้ทั้งหมด และเพิ่มค่าสินสอดให้ด้วย
ลูกสาวชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีจึงท้าให้ลูกสาวชาวนาเล่นเกมพนันกับเขา บอกว่าเขาจะหยิบกรวดสองก้อนจากสวนใส่ในถุงผ้า ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวชาวนาหยิบกรวดหนึ่งก้อนในถุงผ้า ถ้าได้ก้อนสีขาว เศรษฐีจะยกหนี้สินให้ และเธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับเขา ถ้าหยิบได้ก้อนสีดำ เธอต้องแต่งงานกับเขา และพ่อเธอจะปลอดหนี้ด้วย
ลูกสาวชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า แต่หญิงสาวเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนเป็นสีดำ
มาถึงจุดนี้ ถ้าลูกสาวชาวนาเปิดโปงว่าเศรษฐีขี้โกง เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับเขา แต่พ่อเธอก็ยังคงเป็นหนี้ต่อไป
ลูกสาวชาวนาจึงหยิบกรวดก้อนหนึ่งออกจากถุงผ้า แล้วแกล้งทำมันหล่นบนสวนกรวด ขอโทษขอโพยว่า เธอซุ่มซ่าม แต่เธอว่าในเมื่อเศรษฐีใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุง กรวดก้อนที่เธอหยิบก็ย่อมมีสีตรงข้ามกับก้อนที่อยู่ในถุง
แน่นอนเมื่อเปิดถุงออกมา กรวดในนั้นเป็นสีดำ “ซึ่งแปลว่ากรวดก้อนที่ฉันหยิบออกมาเป็นสีขาว”
เกมนี้เธอชนะสองต่อ ไม่ต้องแต่งงานกับคนเจ้าเล่ห์ และยังปลดหนี้พ่อ
เรื่องนี้มาจากหนังสือวิธีคิดเล่มหนึ่งเกี่ยวกับ Lateral thinking มันดัดแปลงมาจากนิทานพื้นเมืองของพม่าเรื่อง มะสาเบะผู้ชาญฉลาด ฉากของเรื่องคืออาณาจักรพม่า หญิงสาวชื่อมะสาเบะงดงามอย่างยิ่งจนเป็นที่ต้องพระเนตรกษัตริย์ และหมายมั่นจะได้นางมาเป็นสนมอีกคนหนึ่ง
กษัตริย์ทรงไปหานางที่บ้าน ให้เล่นเกมเลือกหินดำขาว
ถ้าเธอหยิบหินสีดำ จะต้องเป็นนางสนมของพระองค์ ถ้าหยิบหินสีขาว ก็จะเป็นอิสระ
แน่นอนกษัตริย์พม่าขี้โกง ใส่หินสีดำทั้งสองก้อนในถุง
ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ มะสาเบะหยิบหินออกมาหนึ่งก้อน กำไว้ แล้วค่อยๆ แอบมอง จากนั้นก็ทำสีหน้ายินดี แล้วขว้างหินก้อนนั้นลงไปในแม่น้ำ บอกกษัตริย์ว่า “ขออภัยที่พลั้งเผลอ เมื่อกี้ข้าฯดีใจจนลืมตัว”
เรื่องก็จบเหมือนกัน หญิงสาวไม่ต้องแต่งงานกับคนโกง
วิธีแก้ปัญหาของลูกสาวชาวนาหรือมะสาเบะในนิทานพม่าคือ Lateral Thinking
Lateral แปลว่า ข้าง
Lateral Thinking จึงหมายถึงการคิดเลียบข้าง หรือคิดนอกกล่อง
มันเป็นกระบวนการคิดที่หลุดจากตรรกะ เพื่อแก้ปัญหา
ปรมาจารย์ด้านนี้คือนักคิดคนสำคัญของโลก เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน (Edward de Bono)
ในวงการที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น โฆษณา ต้องใช้ Lateral thinking มาก ๆ เพราะมีแต่การคิดต่าง คิดหลุดจากตรรกะเท่านั้น จึงจะได้งานที่มีความสดใหม่
Lateral thinking มองต่างมุม ตั้งคำถามใหม่ ยกตัวอย่าง เช่น มีบ้านหลังหนึ่งตั้งบนทุ่งหญ้า มองแบบเดิมคือ “บ้านตั้งบนทุ่งหญ้า” มองแบบ Lateral thinking อาจเป็น “บ้านลอยอยู่บนยอดหญ้า”
เห็นชายคนหนึ่งวิ่งบนถนน มองแบบเดิมคือ “เขาวิ่งบนถนน” มองแบบ Lateral thinking อาจเป็น “เขาวิ่งอยู่กับที่ ถนนเลื่อนไปแบบสายพาน”
ฯลฯ
แล้วคิดแผลง ๆ แบบนี้ไปทำไม ?
คำตอบคือ การแก้ปัญหาหลายเรื่องและการคิดค้นนวัตกรรม จำเป็นต้องคิดในมุมอื่นที่สวนกับตรรกะโดยสิ้นเชิง
การคิดนอกกรอบต้องละทิ้งตรรกะชั่วคราว หรือภาษาเซนว่า เทชาเก่าในถ้วยทิ้งไปก่อน
เมื่อมองปัญหาตรงหน้า ฝึกให้มองด้านอื่น ๆ ด้วย อย่ามองด้วยสายตาเดิม หรือความเคยชิน หรือกรอบคิดเดิม
ไอน์สไตน์คิดเรื่อง Space-time แรงโน้มถ่วงเกิดจากการบิดเบี้ยวของ Space-time ก็เป็นตัวอย่างของการคิดฉีกจากมุมมองเดิม
Lateral thinking ใช้ได้ในทุกวงการ แม้แต่ในการเขียนหนังสือ
เดอ โบโนบอกว่า การคิดแบบสร้างสรรค์ไม่ใช่พรสวรรค์ มันเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้
คนเราอาจเกิดมาฉลาด สติปัญญาสูง แต่วิธีคิดเป็นสิ่งที่ต้องเรียนและฝึกฝน
วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากวินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมากับในชีวิต ในการมีสติและคิดพิจารณาให้ดีๆแล้ว ก็ย่อมสามารถที่จะช่วยทำให้แก้ไขกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นมาได้อยู่เสมอ.
17 ส.ค. 2563 เวลา 01.08 น.
Pichai คิดนอกกรอบ:
ลองไม่เอานักการเมืองมาบริหารประเทศ
ลองใช้รัฐธรรมนูญที่มีแค่ 5 ข้อ
เป็นต้น
17 ส.ค. 2563 เวลา 06.44 น.
แตกต่างให้ดีกว่าเดิม ไม่จำเป็นต้องเป็นความคิดใหม่ แต่อาจเป็นความคิดเดิมๆ แต่ประยุกต์ เรียบเรียง ใส่กล่องหรือแพ็คแบบใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม
17 ส.ค. 2563 เวลา 10.41 น.
ไงดีน้า🤔
หลอนค่ะ! มนุษย์...
ถ้าคิดไม่เป็น ไม่เรียนรู้ตามความเป็นจริง
ถูกปล่อยให้หลับถึงชาติหน้า
โลก มนุษย์ จะเป็นไงนะ!
หลอนค่ะ!😑😊
18 ส.ค. 2563 เวลา 09.09 น.
เรื่องเลือกก้อนหินเคยอ่านแล้ว แต่เอาตามจริงคงไม่รอดพ่อค้าไม่รอดพระราชา หนี้ท่วมขนาดนั้น ไอ้ขวัญยังน้ำตาตกที่สาวเรียม(ไม่ก็พ่อสาวเรียม)เลือกคนรวยเลย
คิดรอบข้างหรือนอกกล่อง จะเหมาะกับความเป็นจริง หรือเอาไส้ใช้กับเรื่องเหนือจริงก็ไม่รู้ คงต้องมีตัวอย่างจริงๆมาปลากรอบสักนิด
ส่วนเรื่องไอสไตน์ ดูน่าจะมีหลักคิดจาก แรงโน้มถ่วงแปรผกผันกับระยะทางดำลังสอง เลยมีจินตนาการออกมาแบบนี้น ...ผมเดาเอานะ เลยไม่ดูเหมือนนอกกล่อง แต่ว่าที่เดาก็ไม่ใช่ใครๆจะคิดได้เหมือนไอสไตน์
17 ส.ค. 2563 เวลา 12.10 น.
ดูทั้งหมด